การเติบโต: ความงดงามและงอกเงย

ชัยยศ จิรพฤกษ์ภิญโญ 26 กุมภาพันธ์ 2012

ฉากหนึ่งในละครเรื่อง “โหมโรง” ที่หลายคนสนใจ คือ ฉากประชันการตีระนาดระหว่างขุนอินทร์กับนายศร  ขุนอินทร์เป็นผู้เชี่ยวชาญ มีชื่อเสียงและมีฝีมือระดับครูที่หลายคนหวาดหวั่น  ขณะที่นายศรเป็นเพียงเด็กเมื่อวานซืน แต่ด้วยฝีไม้ลายมือ รวมกับความคิดนอกกรอบบางอย่างก็ทำให้ผู้อุปถัมภ์เชื่อมั่นนายศรที่จะส่งเข้าประกวดแข่งขันกับขุนอินทร์

ก่อนหน้าการแข่งขัน นายศรทุกข์ทรมานกับความหวาดวิตก ความกลัว ความกังวลต่อความพ่ายแพ้ จนเลือกที่จะหลบหนี ไม่เข้าแข่งขัน  กระทั่งในที่สุดด้วยการสนับสนุนของหลายคน และการเป็นสาเหตุให้พ่อต้องล้มป่วย  ด้วยสถานการณ์ที่กดดัน นายศรรักพ่อเกินกว่าจะทำให้พ่อผิดหวัง จึงยอมตัดสินใจเข้าแข่งขัน  แม้ว่าจะไม่เห็นชัยชนะ แต่ด้วยคำปลอบประโลมและการให้กำลังใจว่า “อย่าคิดเรื่องแพ้ ชนะ ทำสุดฝึมือ”  แล้วการล้มยักษ์ก็เกิดขึ้น นายศรสามารถเอาชนะขุนอินทร์ได้  ฉากการดวลประชันจึงเป็นฉากสนุกสนาน สร้างความตื่นเต้นเร้าใจ และสมใจที่นายศรในฐานะพระเอก ผู้มีเค้าของความเป็นผู้แพ้สามารถเอาชนะขุนอินทร์ที่เป็นตัวแทนของยอดฝีมือ ตัวแทนของฝ่ายได้เปรียบ  และการเอาชนะนี้ก็เป็นชัยชนะด้วยฝึมือ ขุนอินทร์พ่ายแพ้กับเด็กเมื่อวานซืน

อย่างไรก็ดี ผ่านพ้นฉากนี้ไป ฉากต่อมาคือฉากที่มีคุณค่าและน่าสนใจมาก คือ ฉากที่นายศรถือดอกไม้เข้าไปกราบขอขมาขุนอินทร์ เพื่อขออภัยในโทษที่ได้ล่วงเกินทำให้ขุนอินทร์ต้องขุ่นข้องใจ  ซึ่งขุนอินทร์ก็ได้แสดงน้ำใจตอบรับ ยินดีในชัยชนะของนายศร พร้อมให้อภัยไม่ถือโทษ  อีกทั้งขุนอินทร์ยังแสดงน้ำใจของผู้ใหญ่ที่น่านับถือโดยการมอบไม้ตีระนาดประจำตัวให้เป็นของรับไหว้กับนายศร

ชัยชนะของนายศรที่มีต่อขุนอินทร์ไม่ได้ทำให้นายศรหลงลืมตน ไม่ได้ทำให้นายศรกำเริบเสิบสานในชัยชนะ นายศรยังคงมีความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อขุนอินทร์ในฐานะผู้ใหญ่  ขณะเดียวกันความพ่ายแพ้ของขุนอินทร์ก็ไม่ได้ทำให้ขุนอินทร์ยึดถือมาเป็นอารมณ์หรือยึดถือเป็นศักดิ์ศรีหน้าตา  ขุนอินทร์ยังสามารถดำรงตนเป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือ มีน้ำใจต่อผู้น้อยโดยไม่ได้ถือความพ่ายแพ้มาบดบังความมีน้ำใจของตน  ขุนอินทร์มีความเข้มแข็งในตนเอง ยอมรับความพ่ายแพ้โดยไม่ได้ยึดถือคุมแค้น อีกทั้งยังมีความเมตตาต่อผู้น้อย  ทั้งขุนอินทร์และนายศรจึงต่างเป็นผู้ชนะทั้งคู่

คุณธรรมของนายศรและขุนอินทร์จึงเป็นความงดงาม ขณะเดียวกันความเคารพในความอาวุโสก็ทำให้นายศรเป็นที่รักแม้แต่กับขุนอินทร์ ซึ่งในเวทีการแข่งขันก็คือคู่แข่งหรือศัตรู  ความเมตตา ความเข้มแข็งของขุนอินทร์ก็ทำให้ขุนอินทร์เป็นผู้ใหญ่ที่สมควรแก่การเคารพนับถือ

นายศร จากภาพยนตร์ ‘โหมโรง’

อะไรและอย่างไรที่หล่อหลอมให้ตัวละครทั้งสองมีความงดงามในความประพฤติเช่นนี้  คงเป็นคำถามที่น่าศึกษาวิจัย โดยเฉพาะในแวดวงการศึกษา  คำอธิบายที่ผู้เขียนมีคือ พฤติกรรมการเรียนรู้ของคนเราที่สำคัญคือ การสังเกต และกระบวนการภายใน  เด็กทารกแรกเริ่มเรียนรู้ผ่านการเลียนแบบ จากนั้นการทดลองทำ การคิดวิเคราะห์ก็ค่อยๆ ตามมาเมื่อเติบโตขึ้น  ตัวอย่างหรือแบบอย่างจึงเป็นแนวทางที่ก่อให้เกิดการประพฤติตาม  พื้นฐานครอบครัวและการอบรมบ่มนิสัยทำให้นายศรมีความประพฤติเช่นนี้ ขุนอินทร์ก็คงไม่ต่างกัน  แบบอย่างในครอบครัว แบบอย่างของคนรอบข้างจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ให้การศึกษากับเด็กและเยาวชน

เหตุปัจจัยที่สำคัญอีกประการ คือ กระบวนการภายใน อันเป็นคุณสมบัติภายใน  เริ่มตั้งแต่การมีความใส่ใจ การคิดนึกทบทวน การฝึกฝน ซึ่งมีความตั้งใจและความสนใจเป็นแรงขับเคลื่อน  รวมถึงความพร้อมที่จะเรียนรู้ และทำตามคำสั่งสอน บอกกล่าว  กระบวนการภายในจึงเป็นอีกองค์ประกอบที่สำคัญของต้นทุนของแต่ละคน

เราทุกคนต่างเติบโต ทั้งการเติบโตทางร่างกายและจิตใจ  เราต้องการอาหารบำรุง การออกกำลังกาย และกระบวนการเผาผลาญอาหารเพื่อเป็นพลังงาน  เราต้องอาศัยการเอื้อเฟื้อจากธรรมชาติ จากผู้คนรอบข้าง  และเราก็ต้องอาศัยกระบวนการชีวิตในตนเอง   สำหรับมิติทางกาย เราเห็นได้ชัดจากร่างกายที่เติบโตและสูงวัยขึ้นจากเด็กสู่ผู้ใหญ่ จากนั้นก็ร่วงโรยสู่วัยชรา  แต่มิติทางจิตใจ และรวมถึงจิตวิญญาณมีแต่การเติบโตขึ้นเรื่อยๆ  วุฒิภาวะ คุณธรรมภายในมีแต่การเติบโต งดงามขึ้นเรื่อยๆ

นักการศึกษา โฮเวิร์ด การ์ดเนอร์ (Howard Gardner) ได้ให้แนวคิดการเข้าใจภาวะภายในถึงภาวะจิตใจ ๕ ลักษณะ คือ จิตเชี่ยวชาญ จิตรู้สังเคราะห์ และจิตสร้างสรรค์  ในจิตใจ ๓ ลักษณะนี้เป็นจิตใจในระดับการคิดนึก  นายศรสามารถเอาชนะขุนอินทร์เพราะการฝึกฝนที่หนักหน่วง การมีความคิดสร้างสรรค์ในการตีระนาดที่สร้างความก้าวหน้าและพัฒนาวงการดนตรีไทย รวมถึงการสามารถที่จะรวมรวมข้อเด่น พัฒนาข้อด้อยเพื่อสังเคราะห์การตีระนาดเป็นของตนเองได้  กระนั้นภาวะจิตใจอีก ๒ ส่วนที่สำคัญมากด้วย คือ จิตคุณธรรม และจิตรู้จริยธรรม  จิตทั้งสองนี้คือภาวะจิตที่มีคุณธรรม และสำนึกของคุณค่าความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับผู้อื่นอย่างสอดคล้องกับคุณธรรมภายใน  ดังที่นายศรมีความเคารพในผู้อาวุโส รู้กาลเทศะ ความเหมาะความควร หรือขุนอินทร์ที่มีความเมตตากับผู้เยาว์ โดยไม่ถือโทษหรือยึดถือแพ้ ชนะ มาเป็นเครื่องบดบังวุฒิภาวะในตน

ภาวะจิตใจทั้ง ๕ ลักษณะสะท้อนคุณภาพความเป็นคนเก่งและคนดี ที่นักการศึกษาคาดหวังในระบบการศึกษาว่าจะสามารถผลิตเยาวชนที่มีคุณสมบัติดังกล่าว ไม่ต่างจากวงการเมืองที่คาดหวังคุณภาพนักการเมือง หรือข้าราชการ  แต่ความคาดหวังนี้เป็นจริงมากน้อยก็เป็นอีกประเด็นที่ต้องศึกษาต่อไป  สิ่งที่น่าสนใจคือ คุณภาพนักการเมือง ข้าราชการ นักเรียน นักศึกษา รวมถึงเยาวชนและผู้ใหญ่มีคุณภาพเช่นใด ก็หมายถึงภาพสะท้อนภาวะคุณภาพของจิตใจของสังคมโดยรวมที่เป็นอยู่  ภาวะวงจรอุบาทว์จึงเกิดขึ้นจากการมีแบบอย่างและทำตาม  การหักล้างวงจรอุบาทว์จึงหมายถึงการฝืนค่านิยมผิดๆ ทัศนคติผิดๆ  ซึ่งสิ่งที่น่ายินดีคือ ในทุกครั้งที่วิกฤติการณ์เกิดขึ้นก็เป็นโอกาสอันดีที่คุณธรรมมีโอกาสได้แสดงตัว ดังเช่น กระบวนการและผู้คนที่ร่วมแรงแรงใจทำงานจิตอาสา การช่วยเหลือผู้อื่น

จุดเริ่มต้นที่เราทุกคนเริ่มได้ คือ การรู้จักเลือกและสรรหาสื่อที่ดีมีคุณภาพเพื่อการเรียนรู้ โดยอาจรวมถึงการเสพเพื่อความบันเทิงก็ได้ การเลือกสรรที่จะคบหากัลยาณมิตร การคิดนึกทบทวนเรียนรู้ชีวิต

ชีวิตเรางดงามและงอกงามได้ แม้ว่าเราจะสูงวัยเพียงใดก็ตาม  และในเส้นทางของการสูงวัย เราก็เป็นแบบอย่างงดงามของเยาวชนได้ตลอดเวลา

ชัยยศ จิรพฤกษ์ภิญโญ

ผู้เขียน: ชัยยศ จิรพฤกษ์ภิญโญ

นอกเหนือจากบทบาทนักเขียนประจำคอลัมน์ งานสำคัญ คือ กระบวนกร นักจิตปรึกษา, enneagram coach สนใจและรักที่จะทำงานด้านการทำงานเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงกับโลกภายในผ่านทักษะ ประสบการณ์เรียนรู้ทั้งงานอบรม การทำจิตปรึกษา และงานเขียน