ของขวัญจากความตาย

ภัสน์วจี ศรีสุวรรณ์ 21 กันยายน 2014

ขณะที่คนในวัยต้นสี่สิบอย่างผู้เขียนกำลังร่าเริงกับชีวิตที่ผ่านการก่อร่างสร้างตัวและมั่นคงมาระดับหนึ่งแล้ว พลันก็เกิดข่าวร้ายที่ไม่คาดคิด เพื่อนหญิงคนหนึ่งหมอวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านม ต้องเข้ารับการผ่าตัดด่วน ทิ้งห่างไม่ถึงสัปดาห์มีข่าวร้ายจากเพื่อนชายอีกคนถูกจู่โจมด้วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและเสียชีวิตในวันรุ่งขึ้นจากวันที่รู้ข่าว

นาทีแรกที่รู้ข่าวคือ มึนงง สับสน คาดไม่ถึง เสียใจ และใจหาย แต่เมื่อผ่านพ้นช่วงอารมณ์นั้นแล้ว ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาว่า…สักวันหนึ่งอาจเป็นเรา…

เหตุที่คิดโยงกับตัวเองเช่นนี้ เพราะเพื่อนที่ตายมีเส้นทางชีวิตที่คล้ายคลึงกัน เขาเป็นนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เขาเป็นคนรักสุขภาพเขาทุ่มเทศึกษาและฝึกปฏิบัติทั้งโยคะและปั่นจักรยาน และยังเป็นคนมองโลกแง่ดีและใช้ชีวิตที่รื่นรมย์จนน่าอิจฉา

สิ่งที่เกิดขึ้นชวนให้คิดว่า การดูแลรักษาสุขภาพทางกายไม่ใช่การรับประกันว่าเราจะมีสุขภาพแข็งแรงและอายุยืนยาว และสิ่งที่สำคัญกว่าคือการเตรียมใจให้พร้อมรับข่าวร้ายในชีวิตที่พร้อมจะมาถึงทุกเมื่ออย่างไม่ตื่นตระหนก ซึ่งหากไม่ผ่านการฝึกฝนและเตรียมการ น้อยคนนักจะผ่านไปได้ด้วยดี

ความตายและความเจ็บป่วยของคนใกล้ตัวกระตุ้นให้หวนนึกถึงการบ้านชีวิตที่ยังทำไม่เสร็จ การเข้าฝึกอบรมเรื่องการเผชิญความตายอย่างสงบผ่านมาค่อนปีแล้ว การเล่นเกมไพ่ไขชีวิตผ่านมาหลายเดือนแล้ว และเพิ่งเขียนหนังสือชื่อ “ฉลาดทำศพ…การจัดและร่วมงานศพอย่างเรียบง่ายและได้ปัญญา” เสร็จสิ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้เขียนมีพันธะสัญญากับตัวเองจากกิจกรรมเกี่ยวกับความตายเหล่านี้ว่าจะต้องเขียนพินัยกรรมชีวิตให้เสร็จสิ้น เพื่อเมื่อวันสุดท้ายมาถึงจะได้ไม่ให้มีข้อห่วงใยหรือสิ่งคั่งค้าง และจากโลกนี้ไปอย่างสงบ

พินัยกรรมชีวิตในที่นี้ไม่ใช่แค่เพียงพินัยกรรมจัดสรรทรัพย์สินเงินทองอย่างที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย แต่เป็นเอกสารหรือจดหมายเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อบอกกล่าวกับคนใกล้ตัวและมีผลทางกฎหมายว่าฉันอยากตายอย่างไร เมื่ออยู่ในภาวะโคม่าไม่สามารถตัดสินใจใดๆ ได้แล้ว โปรดอย่าใส่ท่อช่วยหายใจ หรือใช้เครื่องมือทางการแพทย์ใดๆ เพื่อยื้ดยุดชีวิต นอกจากนั้นฉันอยากให้งานศพของฉันเรียบง่ายและรวดเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่คนอยู่เบื้องหลัง หรือเป็นเหยื่อของพิธีกรรมที่ไร้ความหมายและประโยชน์โภชน์ผลใดๆ

เตรียมใจพร้อมรับข่าวร้ายที่อาจมาถึงทุกเมื่ออย่างไม่ตื่นตระหนก

ความตายของเพื่อนชวนให้คิดว่าเรามีเครื่องมือต่อกรกับความตายที่ดีแต่ไม่เคยนำมาปฏิบัติ มิหนำซ้ำยังใช้เป็นแค่เพียงเครื่องมือหลอกตัวเองว่า “ฉันพร้อม” เช่น คำพูดที่ว่า “คนเราเกิดมาก็ต้องตาย” แต่แท้จริงเราพร้อมรับความจริงแท้นี้แค่ไหน เพราะไม่พร้อมจึงผัดผ่อนกิจจำเป็นไปเรื่อยๆ เพราะลึกๆ แล้วคิดว่าฉันจะต้องอยู่ต่อไปอีกนาย จนเมื่อวันสุดท้ายมาถึงแล้วนั่นแหละจึงเสียใจว่ามันสายไปเสียแล้ว

พระผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเคยเทศนาว่าควรหาประโยชน์จากทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้ว รวมทั้งการหาประโยชน์จากความตาย ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการกอบโกยทรัพย์สินเงินทองหรือชื่อเสียง แต่หมายถึงการใช้ความตายเป็นเครื่องเตือนใจว่า สักวันหนึ่งเราก็จะต้องมีสภาพเช่นนี้ และความตายมาเยือนได้ทุกวินาทีไม่เลือกเพศวัยเผ่าพันธุ์

ทุกวันนี้สื่อสังคมออนไลน์ทำให้ข่าวสารความตายของผู้คนแพร่ไปรวดเร็วดุจไฟไหม้ฟาง นั่นคือรวดเร็วและจบเร็ว เมื่อเร็วๆ นี้ บุตรชายศิลปินใหญ่เขียนถึงห้วงสุดท้ายของพ่อที่เสียชีวิตเพราะโรคร้ายในเฟสบุค มีผู้คนกดไลค์นับแสนคน  ผู้หญิงคนหนึ่งบอกเล่าประสบการณ์การต่อสู้กับมะเร็งผ่านทางเพจในเฟสบุคอย่างต่อเนื่อง มีคนกดไลค์และให้กำลังใจนับหมื่นแสนเช่นกัน  แต่แค่เพียงการอ่านและกดไลค์หรือแชร์จะไร้ความหมาย หากคนคนนั้นไม่นำเนื้อหาสาระมาใคร่ครวญและนำมาเป็นบทเรียนชีวิตของตัวเองและคนใกล้ตัว

หากย้อนกลับไปดูถึงพิธีศพแบบชาวพุทธจะพบว่ามีพิธีชักผ้าบังสุกุล วัตถุประสงค์ดั้งเดิมคือการเปิดโอกาสให้พระได้พิจารณาศพเพื่อเห็นความจริงของชีวิตหรือปลงสังขาร แต่พิธีชักผ้าบังสุกลในปัจจุบันเป็นการทำเป็นพิธี ไม่มีการเปิดโลงเพื่อพิจารณาศพ  ผู้เขียนเห็นว่าข่าวสารเกี่ยวกับความตายหรือความเจ็บป่วยของผู้คนที่เผยแพร่กว้างขวางในสื่อสังคมออนไลน์ในปัจจุบัน เป็นการเปิดโอกาสให้คนทั่วไปในสังคมไทยได้มีโอกาสพิจารณาความเจ็บป่วยและความตายและปลงสังขารได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่จำเป็นต้องไปงานศพ

ขอให้เพื่อนไปสู่สุคติ และขอขอบคุณที่ช่วยกระตุ้นเตือนให้คนที่ยังอยู่เบื้องหลังใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท ซึ่งถือเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ในชีวิตเลยทีเดียว


ภาพประกอบ

ภัสน์วจี ศรีสุวรรณ์

ผู้เขียน: ภัสน์วจี ศรีสุวรรณ์

อดีตนักข่าว นักเขียน บรรณาธิการนิตยสารสิ่งแวดล้อม และนักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระที่สนใจประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และการศึกษา ขณะเดียวกันก็รักการเดินทางและการออกกำลังกาย นิยมการเดินป่า เล่นโยคะ ปั่นจักรยาน และทำสวน ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่บ้านเกิดอำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง