ทำบุญด้วยจิตอาสา

พระไพศาล วิสาโล 17 กรกฎาคม 2005

คนเรานั้นโหยหาความดีงามไม่น้อยไปกว่าน้ำ อากาศ และอาหาร  ทั้งนี้เพราะในส่วนลึกแห่งจิตใจของทุกคนล้วนต้องการความดีงามเป็นเครื่องหล่อเลี้ยง  แม้ว่าความสนุกสนานตื่นเต้นจะมีเสน่ห์ดึงดูดใจ แต่ในยามที่จิตนิ่งสงบ ปลอดจากสิ่งเร้า  ความรู้สึกดื่มด่ำเมื่อได้ฟังเรื่องราวดีๆ ของผู้คนกลับทำให้เราเป็นสุขได้มากกว่า

แม็คเป็นเด็กอายุ ๗ ขวบ  ตอนเย็นหลังเลิกเรียนเขาจะไปเล่นกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียนซึ่งอยู่ใกล้บ้าน  เพื่อนคนหนึ่งของแม็คชื่อเก๋งเป็นลูกภารโรง  พ่อของเขาเป็นคนดุและบางครั้งก็ตีลูก

วันหนึ่งแม็ควิ่งมาหาแม่แล้วบอกว่า “แม่ๆ แม็คขอ ๑๐ บาท”  แม่ถามเหตุผลก็ได้คำตอบว่า “จะเอาไปให้เก๋งครับ”  เมื่อแม่ถามต่อ แม็คก็อธิบายว่า “เก๋งทำเงินหาย ๑๐ บาทครับ”

แม่ซักลูกว่าไปทำเงินของเก๋งหายหรือเปล่า  แม็คตอบว่าเปล่า  แม่จึงไม่ยอมให้เพราะเกรงว่าต่อไปถ้าเก๋งทำเงินหายอีกแม็คก็จะต้องมาขอเงินจากแม่เพื่อเอาไปให้เขาอีกไม่รู้จบ  แต่แม็คก็ยังรบเร้า สุดท้ายก็ตัดใจพูดว่า “แม็คขอครั้งสุดท้ายครับแม่ พรุ่งนี้แม่ไม่ต้องเอาตังค์ให้แม็คก็ได้ หักค่าขนมของแม็คก็ได้  แม็คสงสารเก๋ง  ถ้าเก๋งไม่เจอตังค์ พ่อของเก๋งจะตีเก๋งครับ  ให้ตังค์แม็คหน่อย แม็คจะเอาไปให้เก๋ง”

ถึงไม่ใช่แม่ของแม็ค เราเองก็คงอดซาบซึ้งในน้ำใจของแม็คไม่ได้  เรื่องราวดีๆ อย่างนี้นอกจากทำให้เรามีความสุขแล้ว ยังสามารถกระตุ้นเร้าพลังบางอย่างในใจของเรา จนทำให้เราอยากทำความดีด้วย  นั่นก็เพราะเราทุกคนมีความดีอยู่ในจิตใจด้วยกันทั้งนั้น  ความดีในจิตใจสถิตอยู่กับมนุษย์ทุกคนมาตั้งแต่เล็ก (หรืออาจตั้งแต่เกิด) ดังแม็คเป็นตัวอย่างชัดเจน  ความดีที่สถิตกลางใจนี้แหละที่ทำให้เราโหยหาความดี เป็นสุขเมื่อได้ยินเรื่องราวดีๆ ของผู้คน และทำให้เราอยากทำความดี  ทั้งหมดนี้ช่วยให้ความดีในจิตใจของเราเบ่งบาน ทำให้ชีวิตงดงาม และทำให้โลกงดงามด้วย

ไม่ว่าเราจะเป็นใคร ก็ไม่อาจปฏิเสธความดีที่สถิตอยู่กลางใจของเราได้  จะเสพสุขใส่ตัวเพียงใด ในส่วนลึกก็ยังอยากทำความดี  เพราะความดีกลางใจเรานั้นเปรียบเสมือนเมล็ดพันธุ์ ที่ปรารถนาจะแตกยอดออกเป็นต้นกล้า และรอวันเติบโตเป็นไม้ใหญ่  การปฏิเสธที่จะทำความดีก็คือการสกัดกั้นมิให้เมล็ดพันธ์นั้นเติบโต  แต่ไม่มีใครที่จะทำเช่นนั้นได้สำเร็จ และไม่มีใครเป็นสุขที่ได้ทำเช่นนั้น  แม้แต่คนที่เลวร้ายอย่างมหันต์ก็ยังอยากทำความดี อย่างน้อยก็ในบั้นปลายของชีวิต

ความดีงามทำให้ชีวิตพัฒนาอย่างไม่มีทีสุด ศักยภาพภายในเบ่งบานอย่างไม่มีประมาณ และทำให้สัมผัสกับความสุขอย่างลึกซึ้ง  ความสุขไม่ได้เกิดจากการเสพหรือเอาเข้าตัวเท่านั้น  ความเอื้อเฟื้อเกื้อกูลหรือการให้ก็เป็นบ่อเกิดแห่งความสุขอย่างหนึ่ง  สุขเพราะเห็นผู้ทุกข์ยากได้กลับแย้มยิ้ม เห็นโลกที่หดหู่แห้งแล้งกลับสดใสสวยงาม  สุขเพราะได้ทำสิ่งที่มีความหมายต่อชีวิต  และดังนั้นจึงทำให้ชีวิตมีความหมายยิ่งกว่าเดิม  ที่สำคัญไม่น้อยกว่ากันก็คือ สุขเพราะได้ตอบแทนโลก

เราทุกคนมีความดีอยู่ในจิตใจด้วยกันทั้งนั้น  ไม่ว่าเราจะเป็นใคร ก็ไม่อาจปฏิเสธความดีที่สถิตอยู่กลางใจของเราได้

คนไทยได้เคยแสดงน้ำใจอันยิ่งใหญ่มาแล้วเมื่อเกิดมหันตภัยสึนามิที่ภาคใต้  ผู้คนทุกเพศทุกวัยไม่เว้นแม้แต่เด็กและวัยรุ่นจำนวนมากได้ลงไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย  หลายคนได้เข้าไปช่วยกู้ศพ พลิกศพ และทำทุกอย่างเพื่อพาเขากลับบ้าน แม้ศพนับร้อยนับพันนั้นจะเน่าเฟะและส่งกลิ่นเหม็นเพียงใด  ประสบการณ์เหล่านั้นแทบทุกคนไม่เคยปรารถนาจะเจอะเจอหรือนึกว่าจะเข้าไปเกี่ยวข้องได้  แต่แล้วเขาก็พบว่าตนเองทำได้  เมื่อสถานการณ์เรียกร้อง ความดีทีมีอยู่ในใจก็ไม่อาจทนนิ่งเฉยได้ หากสำแดงพลังออกมาเป็นการเสียสละอันยิ่งใหญ่ ที่แม้แต่ตนเองก็พิศวงว่าทำได้อย่างไร

ประสบการณ์ครั้งนั้นได้ทำให้หลายคนไม่เพียงค้นพบศักยภาพอันยิ่งใหญ่ภายในตนเองเท่านั้น  หากยังก้าวพ้นจากความกลัว สู่มิติใหม่ของชีวิต และค้นพบความสุขจากการเสียสละ  หลายคนได้เติบโตขึ้นจากการทำสิ่งยากที่ไม่เคยทำมาก่อน  แต่เราไม่จำเป็นต้องรอให้มหันตภัยสึนามิเกิดขึ้นก่อนความดีถึงจะพรั่งพรูออกมาจากใจได้  ทุกวันนี้มีผู้ประสบภัยอีกมากมายที่รอคอยความช่วยเหลือจากเรา  เพียงเปิดใจรับรู้ความทุกข์ของเขาเหล่านั้น เราก็อาจสัมผัสถึงพลังบางอย่างในใจที่ขับเคลื่อนให้เราอยู่เฉยไม่ได้ แต่จะต้องทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อช่วยเขาเหล่านั้นเท่าที่จะทำได้

อย่าปฏิเสธพลังดังกล่าว ก้าวเท้าออกมาและช่วยกันคนละไม้ละมือเพื่อเขาเหล่านั้น  ไม่ว่าอยู่จุดไหนเราก็สามารถทำประโยชน์ได้ทั้งนั้น   บางคนอาจช่วยปลูกต้นไม้ บางคนถนัดสร้างบ้าน บางคนชอบดูแลเด็ก แต่บางคนถนัดพิมพ์ดีดหรือทำบัญชี  ไม่ว่าเป็นงานอะไรก็ล้วนมีส่วนช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และสร้างสรรค์สังคมด้วยกันทั้งนั้น  สิ่งสำคัญก็คือจิตอาสาหรือน้ำใจที่จะช่วย

การช่วยเหลือผู้อื่นหรือทำประโยชน์แก่ส่วนรวมจัดว่าเป็น “บุญ” อย่างหนึ่งในพุทธศาสนา  คนไทยนั้นนิยมทำบุญในวาระสำคัญของชีวิตหรือในวันสำคัญทางศาสนา  หากเรามาชักชวนกันทำความดีให้แก่ส่วนรวมในโอกาสดังกล่าวนอกเหนือจากที่ทำตามประเพณีแล้ว จะเกิดประโยชน์อย่างมหาศาลแก่บ้านเมือง

ความดีนั้นเปรียบเสมือนดอกไม้ในจิตใจของเรา  หากเราทำความดีคนเดียว ดอกไม้ก็เพียงแต่บานในใจเรา  แต่เมื่อใดก็ตามที่เราพร้อมใจกันทำความดี ก็เท่ากับว่าดอกไม้ได้บานสะพรั่งไปทั้งประเทศ  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเมื่อถึงเวลานั้น โลกและชีวิตจะสวยสดงดงามเพียงใด


ภาพประกอบ

พระไพศาล วิสาโล

ผู้เขียน: พระไพศาล วิสาโล

เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต และประธานมูลนิธิเครือข่ายพุทธิกา