พลังขับเคลื่อน

นาม ไร้นาม 11 กุมภาพันธ์ 2018

มีคำถามผุดขึ้นในใจว่า มนุษย์ใช้พลังงานอะไรขับเคลื่อนชีวิต  แน่นอนว่า ในทางร่างกาย สิ่งที่ขับเคลื่อนน่าจะเป็นปัจจัยสี่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และการดูแลสุขภาพ  และความจริงที่เราพบก็คือ หากมีเพียงแต่ปัจจัยสี่นี้ มนุษย์ก็ใช่ว่าจะอยู่ได้ แล้วอะไรเล่า ที่เป็นพลังงานในการขับเคลื่อนชีวิต

ความทรงจำย้อนไปถึงวงสนทนากับพระภิกษุท่านหนึ่งกล่าวถึงเครื่องอยู่ของภิกษุ ว่าก็ได้แก่ พระธรรมวินัย หลักปฏิบัติต่างๆ ที่ทำให้ภิกษุสามารถอยู่ในเพศบรรพชิตได้ เช่นการอาศัยในวัด การบิณฑบาต รวมไปถึงการปฏิบัติธรรมฝึกฝนตนเอง  เหล่านี้คือเครื่องอยู่ที่เอื้อเฟื้อเกื้อหนุนด้วยธรรม และวินัย เพื่อให้ภิกษุดำรงตนอยู่ในธรรม และวินัย นั่นเอง

คนทั่วไปเล่า ใช้อะไรเป็นพลังงานขับเคลื่อน หรือเราจะเรียกมันง่ายๆ ว่าเครื่องหล่อเลี้ยงก็คงได้  นั่นแหละ อะไรที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนทั่วไป คนธรรมดา ที่อาจมีทั้งสนใจ ศึกษาศาสนธรรม ตามรูปแบบของศาสนาต่างๆ หรือไม่นับถือศาสนาอะไรเลย  ว่าในแง่หนึ่งก็คือการแสวงหาความสุขทางโลก ตามโลกียวิถี ว่าก็คือ ลาภ ยศ เงินทอง ข้าวของราคาแพง ว่ากันไป

บางคนก็สะสมเงิน เงินจึงเป็นพลังงานสำคัญ อาจไม่ได้สนใจสิ่งของมาก แต่ต้องมีเงินสะสมเยอะๆ  บางคนใช้โทรศัพท์หรู หล่อเลี้ยงชีวิต ต้องเปลี่ยนโทรศัพท์เพื่อให้ทันสมัยอยู่เสมอ บางคนใช้รถยนต์ หรืออื่นๆ ก็ว่ากันไป  ที่สุดบางคนก็เสพย์ติดการทำงาน งานคือหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อน หากไม่ได้ทำงาน เขาจะรู้สึกถึงความยากลำบาก

แน่นอนว่าทุกตัวอย่างที่ว่ามานี้ เงินคือตัวแปรสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ได้  บางคนอาจจะต้องใช้พลังงาน ใช้ความทุ่มเท อดทน และความสามารถมหาศาลกว่าจะได้เครื่องหล่อเลี้ยงชีวิตของตัวเองมา บางคนโชคดีหน่อยก็ไม่ได้ยากลำบากมากนัก  นั่นก็แล้วแต่ภาวะปัจจัยของแต่ละคน ว่ากันไป

เมื่อพูดถึงการเสพย์ หากตีความทั้งหมดทั้งปวงที่เราเรียกมันมาตั้งแต่ต้นว่า พลังขับเคลื่อนชีวิต ทั้งหมดนั้นก็คือเครื่องเสพย์ด้วยเช่นกัน  เพราะการเสพย์ช่วยให้ชีวิตดำรงอยู่ได้ ไม่ว่าเราจะเรียกหรือให้ความหมายมันอย่างไรก็ตาม  ดั้งนั้น พลังขับเคลื่อน หรือเครื่องหล่อเลี้ยง หรือการเสพย์ มันก็มีความหมายแบบเดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน แล้วแต่รายละเอียดของภาวะปัจจัยนั้นๆ ดังนั้นมนุษย์จึงเสพติดอะไรบางอย่าง เพื่อให้ชีวิตไม่เปลี่ยวเหงาจนเกินไป

พลังงานขับเคลื่อน หรือเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิตของคนทั่วไป แง่หนึ่งคือการแสงหาความสุขทางโลก ทั้งลาภ ยศ เงินทอง และวัตถุสิ่งของ

มุมหนึ่งคือแหล่งพลังงานที่เป็นเรื่องวัตถุ และมันน่าจะเป็นส่วนใหญ่เสียด้วย  และเมื่อวกกลับจากมุมนั้นออกมา ซึ่งเราอาจเรียกมันว่า พลังภายนอก สิ่งที่เป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญอีกมุม เราอาจเรียกมันว่าพลังขับเคลื่อนภายใน ด้านนี้เองที่เป็นเรื่องของใจ เรื่องของความรู้สึก  แน่นอนว่า พลังขับเคลื่อนภายนอก ส่งผลโดยตรงต่อพลังขับเคลื่อนภายใน นั่นเป็นธรรมชาติของชีวิต เปรียบง่ายๆ ว่า เราได้ยินบางอย่าง เรามีความสุข เราได้ยินบางอย่าง แล้วเราเป็นทุกข์ อย่างนั้น

ดังนั้นพลังขับเคลื่อนภายนอกจึงส่งผลโดยตรงต่อพลังขับเคลื่อนภายในแต่…ในภาวะที่เราบ่มเพาะพลังขับเคลื่อนภายในเข้มแข็ง ลึกซึ้งขึ้น ภายนอกก็อาจจะส่งผลต่อภายในน้อยลง น้อยลง  และเมื่อถึงที่สุด มันก็แทบจะไม่ส่งผลอะไรเลย นั่นก็อาจเป็นได้

หลักใหญ่ใจความของการขับเคลื่อนภายใน ก็คือการเรียนรู้ ฝึกฝน ปฏิบัติ  อาจารย์สอนมวยจีนท่านหนึ่งกล่าวว่า คนเราควรจะมีอะไรสักอย่างเพื่อเป็นเครื่องหล่อเลี้ยง และนำพาชีวิต บางคนก็ปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ เดินจงกรม ก็แล้วแต่หลักปฏิบัติที่ตัวเองชอบ หรือตามหลักศาสนาของตน บางคนฝึกมวยจีน บางคนเล่นโยคะ บางคนวิ่ง บางคนปั่นจักรยาน

ทั้งหมดนี้ว่ากันในระดับตื้น เราใช้มันเพื่อหล่อเลี้ยงอารมณ์ หรือหล่อเลี้ยงใจ  แต่หากสามารถเชื่อมโยงกับการบ่มเพาะจิตวิญญาณได้ ทั้งหมดนี้ก็ไม่ใช่เครื่องหล่อเลี้ยงอารมณ์อีกต่อไป แต่ทั้งหมดมันคือ พลังงานขับเคลื่อนปัญญาญาณ  และก็อยากจะย้ำลงไปตรงนี้อีกว่า มันชัดเจนที่สุดว่า ปัญญา ไม่ใช่แค่ความรู้ และความรู้ก็ไม่ใช่ปัญญา  ความรู้ใช้งานไม่ได้ แต่ความรู้จะใช้งานได้ก็เมื่อมันแปรค่าเป็นปัญญา เท่านั้นเอง

หากเราไม่มีเครื่องหล่อเลี้ยงภายในเหล่านี้ คือ ไม่มีอะไรสักอย่าง ชีวิตจะเกิดอะไรขึ้น  แนวโน้มที่เป็นที่เห็นอยู่ทั่วไป ก็คือการเสพย์ติดสารต่างๆ เช่น บุหรี่ เหล้า หรือยาอื่นๆ ที่กล่อมหรือกระตุ้น หรืออาจเลยรวมไปถึงการติดโลกเสมือน ติดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ติดโทรศัพท์  เพราะเมื่อใจไม่มีเครื่องยึด ไม่มีพลังงาน คนจึงต้องใช้พลังงานทดแทนที่เป็นพลังงานชั่วคราว ระเหยไปง่าย และราคาแพง

ว่าเรื่องนี้ก็ไม่ได้แปลว่าคนที่ติดสิ่งเหล่านี้จะปราศจากความคิด ความรู้ ปัญญา หรือพลังสร้างสรรค์แต่อย่างใด แต่พลังงานเหล่านี้ เป็นพลังงานที่ไม่เสถียร ส่งผลเสียในระยะยาว นั่นเอง