เธอกับฉัน และอื่นๆ (๑)

ชัยยศ จิรพฤกษ์ภิญโญ 24 เมษายน 2011

เหมยลี่เป็นสาวโสดอายุใกล้ ๓๐ ปี ทำงานในเมืองใหญ่ อาชีพการงานมั่นคงพอสมควร อาศัยอยู่กับพ่อ แม่  ครอบครัวดูอบอุ่น มีฐานะ แต่กระนั้นชีวิตของเหมยลี่ก็ไม่เป็นสุขนัก ทุกครั้งที่ไปงานแต่งงานของเพื่อนๆ ร่วมรุ่น เหมยลี่มักจะเมามาย อาจเพราะความสนุกจนเลยขอบเขตหรือสาเหตุใดก็ตาม แต่สาเหตุที่สำคัญประการหนึ่ง คือ ความเครียดและความกังวลว่า ตนยังไม่มีคนรักเลยแม้อายุจะล่วงเลยมากแล้ว  เหมยลี่รู้สึกอับอายกับสภาพไร้คนรักของตนเอง ความพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายของชีวิตเหมยลี่ คือ การหาคู่ชีวิต หรือคนรักประจำตัวให้ได้

ความว้าเหว่ เงียบเหงา คือ แรงผลักดันสำคัญที่เกิดขึ้นเนื่องจากเราไม่เป็นมิตรกับตนเอง รู้สึกแปลกแยก อึดอัดกับภาวะโดดเดี่ยว หัวสมองดูคิดกังวล วิ่งวุ่น ฟุ้งซ่านไปกับเรื่องราวต่างๆ ขณะที่จิตใจก็ไม่แช่มชื่น หดหู่ เศร้า ไร้พลัง  ทั้งหัวคิดและจิตใจดูราวกับคู่เต้นรำที่ฝ่ายหนึ่งเฝ้าโอดครวญ อีกฝ่ายก็เฝ้าเห็นด้วยและต่อเติมความทุกข์  หลายคนมักบอกกับตนเองว่า “อย่ากระนั้นเลย เรามาตามล่าหาความรักกันเถิด หาคนที่เรารัก และรักเรา”

การมีคนรัก คู่ชีวิต หรือคู่ครองเป็นเป้าหมายชีวิตของหลายคน  ในหลายวัฒนธรรม พ่อแม่จะรู้ลึกโล่งอกและสบายใจเมื่อลูกชายหรือลูกสาวของตนก็ตามแต่งงานมีครอบครัว  “พ่อแม่สบายใจ  ลูกๆ มีเหย้ามีเรือน เป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว” ความหมายสำคัญคือ การมีคู่ครอง หมายถึงการมีความมั่นคงในชีวิต มีหลักประกันชีวิตในบั้นปลายของชีวิตว่าจะมีคนดูแลแน่ๆ ยามแก่ชราช่วยเหลือตนเองไม่ได้  แต่นั่นคือความเสี่ยง เรากำลังยอมให้คนอื่นมากำหนดสุข ทุกข์ เพราะอีกด้านของสุข คือ ทุกข์

ความว้าเหว่ ความเหงา รวมถึงแรงขับจากความรู้สึกเชิงลบต่างๆ: เครียด กลัว โกรธ อับอาย แค้น เศร้า หดหู่ ฯลฯ เป็นแรงผลักที่ทำให้เราก่อเกิดปฏิกิริยาต่างๆ ปฏิกิริยาสำคัญคือ การหลบหนีไปจากตนเองเพื่อไปอยู่กับบุคคลหรือสิ่งอื่นๆ เรื่องราว หรือกิจกรรมต่างๆ  หากสังเกตให้ดี นี่คือภาวะที่พวกเราหลายคนอยู่กับภาวะปัจจุบันขณะไม่ได้ จิตใจมักเฝ้าวิ่งหาเรื่องราวต่างๆ มาเกาะกุม ครุ่นคิด “จิตไม่ชอบอยู่ว่าง” และเรื่องราวที่จิตใจมักวิ่งหามี ๔ ลักษณะด้วยกัน  เริ่มต้นที่

๑) เรื่องของฉัน

บริบทนี้เป็นบริบทที่จิตใจมักครุ่นคิดเรื่องของตนเอง สุข ทุกข์ ชีวิต ปมเด่น ปมด้อย อัตลักษณ์ ความเป็นมาของตนเอง  เวลาที่เราอยู่กับบริบทเรื่องของตนเองมาก อาการที่เกิดขึ้นตามคือ การหมกหมุ่นครุ่นคิดและยึดถือเรื่องของตนเองเป็นใหญ่ จนมองไม่เห็นหรือไม่รับรู้สิ่งอื่นๆ สภาพในจิตใจกลายเป็นคุกกักขัง จิตใจมีสภาพหดหู่ หนักหน่วงในใจ

๒) เรื่องของเธอ

บริบทนี้เป็นบริบทที่จิตใจมุ่งครุ่นคิดเรื่องของคนอื่น คนอื่นที่เข้ามาในชีวิต คนใกล้ตัวหรืออยู่ห่าง หัวสมองจิตใจมักครุ่นคิดเรื่องของเขาหรือเธอเหล่านั้น ทำไม อะไร อย่างไรจึงเป็นอย่างนั้นอย่างนี้  ปฎิกิริยาสำคัญคือ ความรู้สึกที่เรามักโยนใส่คนอื่น: โกรธ เกลียด ชอบ เคืองแค้น  สภาพนี้ทำให้จิตใจเสมือนมีกองไฟสุมหรือขอนไฟสุมในอก กระตุ้นเร้าให้เราต้องลงมือกระทำอะไรสักอย่างเพื่อลดทอนหรือบรรเทาความรุ่มร้อนในจิตใจ

๓) เรื่องของอดีต

อดีต คือความเป็นมาที่ผ่านพ้นไปแล้ว แต่หลายคนครุ่นคิดกับเรื่องของอดีตเนื่องด้วยความผูกพัน และการไม่ปล่อยวางกับเรื่องราวที่ผ่านมาแล้ว  อดีต ในด้านหนึ่งให้บทเรียนชีวิตเพื่อให้เราได้เติบโต แต่หากยึดติดเรื่องราวอดีตทำให้เราต้องจมจ่อมกับความรู้สึกผิด เสียใจ เศร้าซึม หรืออาจเป็นความรู้สึกแค้นเคือง ผูกใจอาฆาต ชีวิตเหมือนมีขื่อคาถ่วงรั้งผูกพัน ไม่สามารถดำเนินชีวิตอย่างปกติสุขหรือเปิดรับความเป็นไปในภาวะปัจจุบันได้

๔) เรื่องของอนาคต

ความกังวล คือความรู้สึกพื้นฐานที่มักเกิดขึ้นกับอนาคตที่เราคาดไม่ถึง หรือไม่รู้ คือ ความกังวล วิตกครุ่นคิด  อนาคตเป็นสิ่งที่ยังไม่มาถึง เราครุ่นคิดกับเรื่องที่ยังมาไม่ถึงเพราะคาดหวังว่าเราอาจค้นพบคำตอบจากการคิดล่วงหน้า  น่าเสียดายที่เรื่องราวที่คิดตั้งอยู่บนความไม่แน่นอน และเลื่อนลอย แต่เพราะอุปนิสัยจิตใจที่ไม่ยอมรับความจริงเรื่องนี้ การครุ่นคิดกังวลจึงเป็นการกระทำที่สูญเสียพลังโดยใช่เหตุ

การหลบหนีจากตนเองเพื่อไปอยู่กับบุคคลหรือสิ่งอื่นๆ หากสังเกตให้ดี นี่คือภาวะที่เราอยู่กับปัจจุบันขณะไม่ได้

โดยสรุปการหนีหายไปจากภาวะปัจจุบันทั้ง ๔ ลักษณะ จึงเป็นภาวะที่จริงๆ แล้วเราไม่ได้อยู่กับตัวเอง ไม่ได้อยู่กับเรื่องราวตรงหน้า บุคคลตรงหน้า หรือธรรมชาติที่แวดล้อม ณ ขณะนั้น  เพราะสิ่งที่เป็นตัวกั้นกลางประสบการณ์ระหว่างตัวเรากับสิ่งรอบตัว ก็คือ สิ่งที่เราหมกหมุ่นหนึ่งในสี่ลักษณะ

ผู้เขียนรวมรวมถึงหลายคนที่เคยมีประสบการณ์ได้พบปะท่านทะไลลามะ เราต่างมีประสบการณ์ร่วมกัน คือ ความรู้สึกประทับใจท่าน อันเนื่องด้วยท่าทีการสัมผัส ทักทาย รอยยิ้ม  ที่ภาวะขณะนั้นเราสัมผัสได้ว่า ท่านมองเห็นและกำลังทักทายบุคคลสำคัญที่มีคุณค่าและอยุ่ตรงหน้าของท่าน ณ ขณะนั้น  พลังของปัจจุบันขณะก่อเกิดสัมผัสที่ไร้ของเขต ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต ไม่มีเราหรือเธอ  มีแต่ภาวะเลื่อนไหลชีวิต พร้อมกับการหยั่งถึงภาวะของความตระหนักรู้ในความรู้สึกตัว ภาวะที่เหนือพ้นการแบ่งแยกเรา ท่าน ฉัน เธอ  และเมื่อนั้น ความเงียบเหงา ว้าเหว่ ทุกข์ระทมแบบเหมยลี่ก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป  เราสามารถเป็นมิตรกับตนเองด้วยภาวะการอยู่กับปัจจุบัน ไม่มีความคิดนึก อารมณ์ อันเนื่องมาจากการครุ่นคิดที่ไปในอดีต อนาคต เรื่องราวของเราหรือของเธอ  เมื่อนั้นชีวิตก็มีแต่ความรื่นรมย์ เพราะเรามีมิตรที่แท้ได้ คือ ตนเอง

ชัยยศ จิรพฤกษ์ภิญโญ

ผู้เขียน: ชัยยศ จิรพฤกษ์ภิญโญ

นอกเหนือจากบทบาทนักเขียนประจำคอลัมน์ งานสำคัญ คือ กระบวนกร นักจิตปรึกษา, enneagram coach สนใจและรักที่จะทำงานด้านการทำงานเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงกับโลกภายในผ่านทักษะ ประสบการณ์เรียนรู้ทั้งงานอบรม การทำจิตปรึกษา และงานเขียน