เธอกับฉัน: ไว้อาลัย…เหยื่อ

ชัยยศ จิรพฤกษ์ภิญโญ 13 กรกฎาคม 2014

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โศกนาฎกรรมที่เกิดขึ้นเป็นข่าวครึกโครมสร้างความปวดร้าวและเจ็บแค้นให้กับครอบครัวและเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายรวมถึงประชาชนที่ได้ทราบและติดตามข่าว เด็กหญิงอายุ ๑๓ ปี ถูกทำร้ายร่างกาย ข่มขืนและฆ่าตาย (เหตุเกิดบนตู้รถไฟนอน ขบวนสุราษฏร์ธานี-กรุงเทพฯ) ความเศร้าโศกเสียใจเกิดขึ้นไม่เฉพาะกับครอบครัวของเหยื่อ แต่เกิดขึ้นกับทุกคนที่ทราบข่าว  กระแสเสียงที่เกิดขึ้นและขานรับในสื่อและเครือข่ายทางสังคมเต็มไปด้วยความโกรธแค้น และเรียกร้องให้เกิดการลงโทษขั้นสูงสุดด้วยการประหารชีวิตฆาตกรเพื่อให้สาสมกับความผิด

เวลาที่เราได้รับรู้ความทุกข์ ความเจ็บปวดของคนอื่น สานสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงด้วยการรับรู้ผ่านประสาทสัมผัส ร่างกาย ความรู้สึกนึกคิด และประสบการณ์ในความทรงจำ ทำให้เรารับรู้และรู้สึกถึงทุกข์ร้อนและเจ็บปวดร่วมไปด้วย เราทุกคนต่างมีความเชื่อมโยงกันโดยความเป็นมนุษย์ ด้วยเหตุนี้ความทุกข์ร้อนที่เกิดขึ้นกับใครก็ตามในสังคมก็ได้เกิดขึ้นกับเราทุกคนด้วย

เสียงของความทุกข์ร้อน เจ็บปวด มันได้กลายเป็นความโกรธแค้น “สิ่งนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับฉัน กับครอบครัวของฉัน” “ถ้าไม่ใช่เพราะ … เรื่องนี้คงไม่เกิดขึ้น” คำด่าทอเต็มไปหมด พร้อมกับความพยายามที่จะให้ไฟในใจมอดดับ โดยเสียงของความคาดหวังคือ ตัวต้นเหตุสมควรถูกลงโทษให้สาสมความผิด คาดหวังให้เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้น คาดหวังให้สภาพนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป คาดหวังให้เกิดการเยียวยาแก้ไขปัญหานี้ คาดหวังให้เกิดความยุติธรรมและการรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น

เพราะเหตุที่เราต่างล้วนเชื่อมโยงสัมพันธ์ และหนีห่างออกจากสายสัมพันธ์ไม่ได้ เราทุกคนจึงล้วนเป็นเหยื่อ แม้อาจไม่ใช่เหยื่อโดยตรง แต่ก็คือเหยื่อโดยอ้อม คือเหยื่อของความโกรธแค้น เจ็บปวด

หากพิจารณาฟังเสียงของความคาดหวังให้ลึกซึ้งและใจสงบนิ่งพอ ถามตัวเองลึกๆ ถึงความต้องการแท้จริงของความคาดหวังเหล่านี้ ก็จะพบว่าแท้จริงการลงโทษอย่างสาสมนั้นนำไปสู่อะไร การแก้แค้นนำไปสู่อะไร ความยุติธรรมที่เรียกร้องต้องการ เราต้องการอะไร  สิ่งที่เราพบได้คือ เสียงตะโกนของการลงโทษให้สาสม ก็เพื่อให้ได้มาซึ่งความสงบสุขในจิตใจ ความสุขสันติในสังคมและในจิตใจของผู้คน

สิ่งที่น่าตระหนกคือ เสียงของความคาดหวัง แม้บรรลุผลก็อาจไม่ได้เยียวยาบาดแผลของเหยื่อและครอบครัว ความเจ็บปวดโกรธแค้นอาจทุเลาจากการที่ผู้กระทำผิดถูกลงโทษ แต่ความเจ็บปวดสูญเสีย ความรู้สึกผิดและหวาดกลัวยังคงอยู่ ความรู้สึกเศร้าหมองเจ็บปวดก็ยังติดขังอยู่ในจิตใจ  การลงโทษประหารชีวิตจึงไม่ใช่คำตอบสุดท้าย และที่สำคัญวิธีการเช่นนี้ก็ไม่ทำให้สังคมดีขึ้นปลอดภัยมากขึ้น เพราะการที่ใครคนหนึ่งลงมือกระทำสิ่งเลวร้าย มันมีสาเหตุองค์ประกอบมากมายที่มากเกินกว่าจะถูกแก้ไขด้วยการใช้โทษประหารเพียงอย่างเดียว

หากการลงโทษประหารเพื่อมุ่งหมายบทลงโทษรุนแรงเช่นนี้จะช่วยยับยั้งสิ่งชั่วร้ายไม่ให้เกิดขึ้น ช่วยสร้างความกริ่งเกรง ป้องปรามไม่ให้เกิดสิ่งเลวร้าย และสร้างความเข็ดขยาด จะถือเป็นเจตนาที่ดี  แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ กระบวนการ ขั้นตอน และเจตนาที่แท้ของการใช้บทลงโทษนี้ หากกระทำเพียงเพื่อตอบโต้แก้แค้น โดยมิได้มีการเรียนรู้แก้ไขที่แท้จริง การลงโทษรุนแรงก็ไม่อาจเป็นหลักประกันความปลอดภัยของสังคมได้ แต่เป็นเพียงการตอบโต้ตามอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่ได้ใช้วิจารณญาณ สติปัญญา และสติสัมปชัญญะ ซึ่งมีแต่ทำให้สังคม ชุมชน ถูกลดระดับความเป็นมนุษย์

แน่นอนว่า ณ ขณะนี้ เหยื่อหรือครอบครัวผู้เคราะห์ร้าย ความรู้สึกนึกคิดคงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เสียใจ โกรธแค้นต่อสิ่งที่เกิดขึ้น หลายคนที่รับรู้ข่าวคราวต่างร่วมเจ็บปวด เสียใจ และโกรธแค้นด้วยเช่นกัน ความรู้สึกคงยากที่จะบรรยายราวกับโลกรอบตัวกลายเป็นสีดำ  ช่วงเวลานี้ต่างหากที่เราต้องก้าวผ่านเพื่อไม่ให้เหตุการณ์เลวร้ายนี้ได้ทำร้ายและพรากชีวิตเราไปด้วย การเยียวยาต่างหากคือสิ่งที่เหยื่อและผู้เคราะห์ร้ายต้องการ ไม่ใช่การแก้แค้น แต่คือการเยียวยาเพื่อให้ก้าวผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ และมีชีวิตได้ต่อไป

เมื่อเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นกับใครก็ตาม เรามักรู้สึกร่วมทุกข์ไปกับเขา เนื่องด้วยเราต่างก็เชื่อมโยงกันโดยความเป็นมนุษย์

ความปรารถนาแท้จริงที่ทุกฝ่ายในสังคมต้องการ จึงไม่ใช่การแก้แค้น แต่คือการมีความปลอดภัยมั่นคง การมีความเชื่อมั่นในสังคมที่เราอาศัยอยู่ว่าจะมีความสุขสงบ นี่ต่างหากคือสิ่งที่ปรารถนาแท้จริง  การแก้แค้นเป็นเพียงวิธีการ และวิธีการนี้ก็มีแต่สร้างเหยื่อเพิ่มขึ้น เพราะเป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่สาเหตุแท้จริงก็ยังดำรงอยู่

การมีชีวิตต่อไปเป็นภารกิจของเราทุกคนที่เราต้องรับผิดชอบ และที่สำคัญมากคือ การร่วมกันสร้างสังคมที่ปลอดภัย เยียวยา และแบ่งปัน ไม่ใช่สังคมที่หวาดกลัว ข่มขู่ รุนแรง  และสังคมที่ดีงามอย่างที่ปรารถนาจะเกิดขึ้นได้ ก็ต้องอาศัยคุณภาพในตัวเราที่มีสติปัญญา มั่นคงในคุณค่าชีวิตมนุษย์ และปราศจากอคติ ไม่ใช่ตัวตนที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น เจ็บปวด เพราะความโกรธแค้น เจ็บปวด มีแต่มุ่งหมายขยายความเจ็บปวดต่อไป

เราทุกคนต่างล้วนเป็นเหยื่อ และเราต้องการการเยียวยาด้วยการรู้เท่าทันความรู้สึกนึกคิดที่มุ่งร้ายทำลาย เพื่อป้องกันไม่ให้เรากลายเป็นปิศาจร้ายเสียเอง


ภาพประกอบ

ชัยยศ จิรพฤกษ์ภิญโญ

ผู้เขียน: ชัยยศ จิรพฤกษ์ภิญโญ

นอกเหนือจากบทบาทนักเขียนประจำคอลัมน์ งานสำคัญ คือ กระบวนกร นักจิตปรึกษา, enneagram coach สนใจและรักที่จะทำงานด้านการทำงานเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงกับโลกภายในผ่านทักษะ ประสบการณ์เรียนรู้ทั้งงานอบรม การทำจิตปรึกษา และงานเขียน