เปิดเล่ม: จดหมายข่าวพุทธิกา ฉบับที่ 53

พระไพศาล วิสาโล 1 มกราคม 2014

ทุกวันนี้การปฏิบัติธรรมเป็นคำที่ได้ยินคุ้นหู หลายคนได้ยินคำนี้ก็นึกถึง การนุ่งขาวห่มขาว นั่งสมาธิ เดินจงกรม  ที่จริงการปฏิบัติธรรมทำได้ทุกที่ทุกเวลา แล้วแต่ว่าจะปฏิบัติธรรมเรื่องอะไร เช่น ปฏิบัติธรรมเพื่อให้เกิดสติ หรีอเพื่อให้เกิดความอดทน ความพากเพียรพยายาม หรือเพื่อให้เกิดความเมตตากรุณา  การปฏิบัติธรรมแต่ละอย่างมีวัตถุประสงค์ต่างกัน เราอาจใช้เวลากินอาหารเป็นการระลึกถึงบุญคุณของสรรพสิ่ง ไม่ว่าคนหรือสัตว์ รวมไปถึงพืชพันธ์ุธัญญาหารด้วย ที่ทำให้เรามีอาหารกิน  เดี๋ยวนี้คนเราไม่ค่อยกินด้วยความสำนึกรู้คุณ หรือเห็นคุณค่าของอาหารเท่าไร เพราะเราคิดแต่จะกินเพื่อความอร่อยอย่างเดียว หรือกินด้วยความสนุกสนาน จึงกินทิ้งกินขว้างมากมาย

มีตัวเลขที่เห็นแล้วน่าตกใจ คือ ๑ ใน ๓ ของอาหารที่เราซื้อ เราทิ้งไปโดยไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรเลย ซื้อมา ๓ ทิ้งไป ๑ นี่คือภาพรวมของการบริโภคของคนทั้งโลก  มันเกิดขึ้นอย่างไร มีสาเหตุมากมาย เช่น เวลาไปซื้อผัก ซื้อเนื้อ ซื้อปลามาจากตลาด ก็ซื้อมาเยอะเพราะเห็นว่ามันถูก เสร็จแล้วก็ใส่ตู้เย็นเอาไว้ แล้วก็ไม่ได้เอามาปรุง ในที่สุดมันก็เสีย ต้องทิ้งขยะไป  ประการต่อมาคือเมื่อเอาผักเอาเนื้อทำเป็นอาหาร แต่ว่าทำเยอะไป กินไม่หมด ที่เหลือก็ต้องทิ้ง เท่านี้ก็สูญเสียไปเยอะ  เขาประมาณว่า อาหารที่ซื้อแล้วไม่ได้เอามาปรุงหรือปรุงแล้วไม่ได้กินหรือกินไม่หมด ทั่วทั้งโลกรวมแล้วประมาณ ๓๐๐ ล้านตัน ปริมาณขนาดนี้สามารถเลี้ยงคนแอฟริกันได้ทั้งทวีป คือ ๙๐๐ ล้านคนตลอดทั้งปี  คนแอฟริกันนั้นหิวโหย ไม่มีอาหารกิน แต่ว่าคนในส่วนอื่นของโลกกลับกินทิ้งกินขว้าง

เวลานี้คนแอฟริกันที่ตายเพราะขาดอาหาร มีเป็นล้านๆ คนไม่ใช่น้อยเลย นี้ยังไม่ได้พูดถึงผัก ผลไม้ ข้าวที่ตกหล่นกลางทางก่อนที่จะมาถึงร้าน ผลไม้ที่ปลูกตามสวนต่างๆ หรือธัญพืชที่ปล่อยทิ้งไว้ในไร่นา ไม่ได้เก็บเอามาขายก็มีมาก เพราะว่าไม่ได้มาตรฐานที่ตลาดกำหนด ปลูกแล้วเขาไม่รับซื้อ ก็เลยขี้เกียจเก็บ ปล่อยให้มันเน่าคาไร่นาคาสวน อันนี้ก็มีมาก หรือว่าตกหล่นระหว่างทาง ทั้งจากการขนส่ง หรือจากกระบวนการจัดเก็บ

มีอีกตัวเลขหนึ่งที่น่าตกใจ คือข้าวที่ปลูกในเอเชียอาคเนย์หรือประเทศแถวบ้านเรา ทั้งไทย เวียดนาม พม่า ลาว เขมร ประมาณ ๔๐-๘๐ เปอร์เซ็นต์ จะตกหล่น สูญหาย หรือเน่าเสียก่อนที่จะถึงร้านค้า คือ ตอนขนก็ขนไม่หมด ทิ้งไว้ตามไร่นา  ส่วนนี้อาจจะไม่สูญเปล่าทีเดียวนัก เพราะกลายเป็นอาหารของสัตว์ เช่น นก หนู  ทีนี้พอขนขึ้นแล้วระหว่างทางก็ตกหล่นเรี่ยราด พอมาเข้ายุ้งฉางก็เก็บไว้จนเน่าเสีย ขึ้นรา แค่นี้ก็สูญหายไปแล้ว ๔๐-๘๐ เปอร์เซ็นต์ของข้าวที่ปลูก  ส่วนที่เอามาขายก็ประมาณ ๒๐ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ซื้อไปแล้วไม่ได้ใช้ประโยชน์ก็มาก เพราะอย่างที่บอก ซื้อไปแล้วก็เก็บจนเน่า หรือพอปรุงเป็นอาหารแล้วก็กินไม่หมด  อันนี้เป็นเพราะไม่ได้ซื้อให้พอดีกับความต้องการ  ถ้าเราซื้อให้พอดีกับความต้องการ ทำพอดี มันก็ไม่เกิดการสูญเสียมากมายขนาดนี้ เพียงแค่เราซื้อมาพอกิน ตักพอกิน หรือไม่กินทิ้งๆ ขว้างๆ จะช่วยโลกได้เยอะ เพราะว่าช่วยลดของเสียซึ่งกลายเป็นขยะทำลายสิ่งแวดล้อม

การที่เรากินอาหารด้วยความรู้ค่า รู้คุณ เป็นการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่ง  ถ้าเราเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรากิน เราก็จะรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณของชีวิตและผู้คนที่ผลิตและนำอาหารมาให้เรา  สำนึกดังกล่าวจะกระตุ้นเตือนให้เราพยายามใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า เพื่อตอบแทนบุญคุณของสรรพชีวิตที่ให้อาหารเรา สิ่งนี้เป็นการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่งที่เราควรจะทำเป็นอาจิณ

ก่อนที่จะกินอาหารพระบางวัดจะสวดสวดเป็นภาษาบาลี เรียกว่าสวดปฏิสังขาโย จุดมุ่งหมายก็เพื่อเตือนสติให้เรากินอย่างรู้ค่า ให้รู้ว่าควรกินเพื่ออะไร คือ กินเพื่อให้ร่างกายอยู่ได้ ไม่ใช่กินเพื่อความเอร็ดอร่อย เพื่อความเพลิดเพลิน สนุกสนาน เพื่อความโก้เก๋ แต่กินเพื่อบรรเทาความหิว และไม่ทำให้มีความทุกข์เพิ่มขึ้น  บางคนกินเข้าไปแล้วความหิวหายไป แต่ความทุกข์ใหม่เข้ามาแทนคือความจุกเสียด นี้เป็นเพราะกินอย่างไม่มีสติ  ปัจจุบันโทษของการกินอย่างไม่มีสติมีมากมาย ไม่ใช่แค่จุกเสียดเท่านั้น สารอาหารที่สะสมมากเข้ายังกลายเป็นไขมันอุดตันตามเส้นเลือด โดยเฉพาะเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงหัวใจ หรือเส้นเลือดสมอง สุดท้ายก็ป่วยและตายก่อนวัยอันควร

ถ้ากินอย่างไม่มีสติ กินด้วยความเพลิดเพลิน ไม่มีปัญญาในการกิน กินตามใจปาก ไม่เห็นคุณค่าและโทษของมัน ก็สามารถก่อผลเสียแก่ตัวเราได้ ซึ่งเป็นวิบากกรรมอย่างหนึ่ง  ทุกวันนี้มีผู้คนมากมายเจ็บป่วยเพราะกินอาหารอย่างไม่มีสติ ไม่ใช้ปัญญา เมื่อเจ็บป่วยแล้วก็ไม่ต้องโทษอดีตชาติ ไม่ต้องโทษกรรมในชาติที่แล้วว่าทำให้เจ็บป่วย แต่เป็นเพราะการกระทำของเราในชาตินี้ทั้งนั้น ถ้ากินอย่างไม่มีสติ กินอย่างไม่ใช้ปัญญา ผลร้ายก็สามารถจะเกิดกับเราโดยไม่ต้องรอชาติหน้า

ปีที่กำลังจะผ่านไปเต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่ถึงแม้บ้านเมืองจะผันผวนร้อนรุ่มเพียงใด ใจของเราก็ยังสามารถสงบเย็นได้เสมอ ใจที่สงบเย็นนี้แหละที่จะช่วยพาสติให้กลับมาจนเกิดปัญญา สามารถนำพาชีวิตให้พ้นวิกฤตและบรรเทาความร้อนรุ่มในบ้านเมืองได้

ปีใหม่นี้ขอให้ทุกท่านมีกำลังใจในการฟังฝ่าอุปสรรค สามารถสร้างประโยชน์สุขให้เกิดขึ้นทั้งแก่ตนเองและส่วนรวม

บทความที่เกี่ยวข้อง

 


อ่านจดหมายข่าวพุทธิกาฉบับอื่นๆ ได้ ที่นี่

พระไพศาล วิสาโล

ผู้เขียน: พระไพศาล วิสาโล

เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต และประธานมูลนิธิเครือข่ายพุทธิกา