Error message

Deprecated function: The each() function is deprecated. This message will be suppressed on further calls in menu_set_active_trail() (line 2385 of /home/budnetorg/domains/budnet.org/public_html/sunset/includes/menu.inc).

เมื่อนกกลายเป็นแมลงสาบ

-A +A

          อนุสติในวันที่นกกลายเป็นแมลงสาบ

          ชีวิตมีสองด้าน แต่เป็นสองด้านที่สุดๆ ในรอบสามเดือนมานี้ที่ bird .e.v ประสบมาตามนิสัยที่ยังมักเผลอไผลแกว่งไกวไร้สมดุล 

          อย่างแรกเป็นเรื่องที่ดี๊ดี แต่น่าแบ่งปันให้ไปลองพิจารณา แม้อาจเป็นแค่ความสุขเล็กๆ ส่วนอีกขั้วหนึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ (ค่อย) จะดีนัก ผู้เขียนก็รับไปแล้ว แต่ขอเอามาฝากเผื่อว่าเป็นแง่มุมอุทาหรณ์เตือนสติกัน... 

          เริ่มด้วยเรื่องเล่าที่ดีๆ ก่อน ว่าพบชีวิตที่มีความสุขเพราะได้ทำงานไปเรียนรู้ไป จากที่ไปสัมผัสกับสิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น จิตใจแช่มชื่นกระชุ่มกระชวย ..ยอดมาก ก.. ขอบอกว่าลองใช้ชีวิตแบบนี้ดูบ้าง คือ ไปสัมผัสเรื่องราวดีๆ ของคนอื่น อย่างใจแช่มชื่น หยิบสิ่งดีๆ มาพิจารณาใคร่ครวญว่าเขามีดีอะไรบ้าง และชื่นชมเขา 

          ด้วยการเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นพี่เลี้ยงกิจกรรมที่คนดีๆ ทำเพื่อเปลี่ยนแปลงตนเอง และช่วยเหลือผู้อื่นด้วย เครือข่ายพุทธิกาให้การสนับสนุน ภายใต้ชื่อโครงการสุขแท้ด้วยปัญญา พบว่าทั้งคนทำและผู้เข้าร่วมมีความสุข เห็นแล้วชุ่มชื่นใจ อยากจะชวนคนอื่นหาเวลาอย่างนี้ดูบ้าง คือไปเห็นสิ่งดีๆ ที่คนอื่นทำ แล้วเอามาใคร่ครวญสักหน่อย ยิ่งคนที่กำลังเฉาหรือเหนื่อยล้า หันมาลองใช้ชีวิตที่ประยุกต์แนวทางนี้ดูบ้าง รวมทั้งคนที่แฉะเฉื่อย ล่องลอย แถมยังยืนกรานจะอยู่แบบนั้น ไม่ชอบจะเปลี่ยนแปลง กลัว (ผูกมัด) กับอะไร / ใคร ถ้ามีคนรักก็ (ให้) เขารอไปเรื่อยๆ ตัวเองก็งงหรือเอ๋อเมื่อวันหนึ่งเธอคนรักมาบอก “เซย์ โน แล้ว โก อะเฮด” แฉะด้วยไม่ไหว (แล้ว) ก็แหงล่ะสิ ชีวิตน่ะเกิดมาแล้ว นิ่ง ไม่มีความเปลี่ยนแปลงได้ยังไง สัจธรรมเลย นี่ว่าไปตามหลักพุทธเลยด้วย  บางทีจะถูกดันให้เสื่อมถอยไปด้วย อย่างบ้านเมืองเรา สังคมเสื่อมก็ไม่มีการช่วยกันแก้ไข ไม่รู้รออะไร ส่วนคนอีกประเภทหนึ่งก็มากไปตารางชีวิตถี่ยิบ แน่นเอี๊ยด จนไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังหายใจ เธอไม่มีเวลาใคร่ครวญ ชีวิตก็ทรุด หากได้ลองทักชีวิตของตัวเองดูสักครั้ง ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แบบไหน นึกไม่ออกก็ลองเฉไฉดูคนอื่นเขาบ้าง ทางใฝ่ดีที่คนอื่นทำ อาจจะหักมุมมองชีวิตของตัวเองมีคุณภาพใหม่ก็ได้ 

          ดูอย่างโครงการแรกชื่อ โครงการเติมเต็มฝัน ที่ป่าตือ แม่แจ่ม เชียงใหม่ มีบาทหลวงทวีที่ชาวบ้านเรียกจนติดปากว่าคุณพ่อกุ๊ก วัย ๓๖ ปี ถ้าดูผิวเผินนึกว่านักมายากลก็ได้ แต่นั่นเป็นเพียงเครื่องมือให้คนได้ความสนุก คุณพ่อกุ๊กออกแบบกิจกรรมน่าทึ่งมาก เอาเด็กเผ่าปกาเกอะญอ ที่มักถูกคนเมืองล้อเลียนเรื่องสำเนียงไทยที่ไม่ชัด มาเจอกับคนพิการจากโรงเรียนอาชีวะมหาไถ่ พัทยา ที่ผู้คนมองเขาว่าเป็นคนตรงข้ามกับปกติ สังคมตีตราพวกเขาโดยไม่แคร์ว่าจะรู้สึกอย่างไร สร้างปมในใจเขา เพียง ๕ วัน ก็ช่วยเยียวยากันและกัน ให้กำลังใจจากการแบ่งปันเรียนรู้กัน ผ่านเกมต่างๆ ที่สนุกสนาน ทำให้ออกจากตัวเองสัมผัสผู้อื่น ออกจากกลุ่มของตนสัมผัสกลุ่มอื่น ออกไปสัมผัสธรรมชาติ ยิ่งคนพิการมักจะถูกวางให้อยู่ในที่จำกัด พอเขาได้มาสัมผัสธรรมชาติทำให้เขามีความสุขมาก ร่างกายของเขาไม่ได้เป็นอุปสรรคที่จะตามฝันในโลกแห่งจินตนาการ สุดท้ายให้เขาเชื่อมโยงตัวเขากับธรรมชาติ ได้สัมผัสความเป็นจริงของชีวิต ที่ไม่ถูกตีกรอบ สิ่งที่ประทับใจคือ ช่วงเกี่ยวข้าว ท่ามกลางความยากลำบากของการเดินไปตามทางขรุขระขึ้นเนินที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ พวกเขาต่างจับมือและเกื้อกูลกัน เกิดปีติซาบซึ้งใจกัน เกิดแรงบันดาลใจที่จะสู้ชีวิตอย่างไม่ย่อท้อ มุ่งมั่น เพราะความใสซื่อและไว้วางใจกัน ที่สำคัญทัศนะของเขาเปลี่ยนแปลงไป โลกนี้ยังมีคนที่เข้าใจและ เชื่อในศักยภาพของเขา สร้างความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เป็นพลังช่วยเติมเต็มฝันที่เขาจะก้าวเดินชีวิตไปข้างหน้า ใครได้มาเห็นหรือสัมผัสเรื่องราวในทำนองนี้ จะช่วยเติมเต็มความสุขใจเพราะการร่วมยินดีกับสิ่งดีๆ ของคนอื่นได้ 

          เรื่องที่สอง โครงการเรียนรู้กายใจเพื่อสร้างชีวิตที่มีความสุข จ.นครสวรรค์ มีคุณพจนา ทรัพย์สมาน เป็นโต้โผ เน้นให้เกิดสติจากกระบวนการรับรู้ความรู้สึก ตามแนวทางของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช กลุ่มที่อบรมเป็นเด็กนักเรียนตั้งแต่ประถม ถึง ม.ปลาย ที่น่าทึ่งคือ ใครจะไปคิดว่าวิทยากร / กระบวนกรเป็นเด็กด้วย ตลอด ๓ วันที่ให้เด็กได้สัมผัสเกมที่สนุกและเรียนรู้ จนเข้าใจว่าการรู้ตัว การมีสติเป็นอย่างไร มีการทดสอบระหว่างการใช้ชีวิตปกติระหว่างพัก เด็กไม่รู้สึกเครียด ไม่ง่วง บางคนจากที่เป็นเด็กเกเร กลับไปเปลี่ยนแปลง ส่วนหนึ่งข้อดีของเด็กคือมีความยึดมั่นถือมั่นไม่มากเท่าผู้ใหญ่ จึงสามารถซึมซับสิ่งดีๆ ได้ง่าย ถามเด็กว่าเป็นอย่างไร เขาบอกว่าดี สนุก มีความสุข อยากให้เพื่อนได้บ้าง ด้วยเหตุนี้กระมังชมรมเรียนรู้กายใจ จึงเกิดขึ้นในโรงเรียนต่างๆ ของนครสวรรค์มากมาย อยากจะบอกว่าลองดู ยิ่งครูเป็นพี่เลี้ยงด้วย ถ้าชอบการเจริญสติมีกิจกรรมอย่างนี้แล้ว จะสุขจริงๆ ทั้งครูและเด็ก

          เรื่องที่สามไปร่วมกิจกรรมของน้องฟิลม์ เปรมปพัทธ ผลิตผลการพิมพ์ โครงการพลังภาพยนตร์ชวนค้นคนดี เป็นโครงการที่ยิ่งเห็นยิ่งทึ่ง จากความสามารถของเด็กที่เริ่มจากใฝ่รู้และเต็มไปด้วยโลกแห่งจินตนาการใฝ่ฝันเกินวัยนับตั้งแต่เขายังเป็นแค่เด็กชาย ไม่มีบัตรประชาชน ฝันของเขากว้างไกลขึ้นไม่ใช่แค่ทำหนังสั้นเล็กๆ สมใจความชอบ หรือล่ารางวัล แต่เป็นความท้าทายที่จะช่วยให้เพื่อนๆ ให้สังคมมีความสุข ด้วยการทำความดี ขยายความดีของคนอื่นให้สังคมได้รับรู้ ความคิดของน้องฟิลม์ เด็ก ม.๔ สนับสนุนให้คนในรุ่นเดียวกันทำหนัง สิ่งที่ได้คือพัฒนาตนเองควบคู่กับเรียนรู้การทำหนังด้วย ด้วยกระบวนการอบรม ๓ วันที่ฉีกแนว เรียนด้วยกันอย่างเสมอภาคทั้งวิทยากรและคนเรียน มีรุ่นพี่มืออาชีพมาถ่ายทอด สร้างแรงบันดาลใจให้เกิดขึ้นมากมาย หลังจากนั้นจึงปล่อยให้ไปสร้างหนังสั้นเรื่องคนดี ก็รับเอาความสุขจากการทำสิ่งดีๆ มาแบ่งปันให้ผู้อื่น วิทยากรออกปากชมว่าเด็กๆ ว่ากระตือรือร้นดี ถ้าใครที่โฉบเฉี่ยวไปทีเคปาร์คในวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๓ คงจะได้เห็นผลงานและการนำเสนอเบื้องลึกเบื้องหลังของพวกเขาได้

          อีกงานหนึ่ง แรกๆ ก็ม่วนสนุกหลาย ทำต้นฉบับหนังสือที่มีเส้นตายให้ส่ง คู่มือเผชิญความตายอย่างสงบ แต่ชักไม่สนุก เมื่อมารู้ตัวว่า สุขที่ได้รับชักจะแปรเป็นทุกข์แล้ว ยิ่งสุขมาก ทุกข์ก็มาเร็วขึ้น ไหงงานมากแล้วไม่ทันรู้ตัว ทีนี้ทั้งแบกโน้ตบุ๊กไปพื้นที่ กะว่าจะพิมพ์บันทึกบทเรียน รวมทั้งต้นฉบับ bird eye view ด้วยแหละ (โทษเลย) นั่งรถไปไกลๆ นานหลายชั่วโมงนานๆ เข้า ก็เลยเกิดอาการเดี้ยง นอนแอ้งแง้ง จากสุขที่ได้โบยบินไม่มีพิกัดอย่างนกก็เลยกลายเป็นแมลงสาบที่นอนแอ้งแง้ง เพราะหลังเดี้ยง นอนหน้าคว่ำแล้วหงายไม่ได้ (ตรงข้ามกับแมลงสาบ ตัวหงายคว่ำไม่ได้ ความรู้สึกเดียวกันยังไงชอบกล ไม่เชื่อไปถามแมลงสาบดูสิ! ) ตอนนั้น ตกใจ ไม่เชื่อว่า หงายไม่ได้ กลัว เพราะอยู่คนเดียว ต้องตะเกียกตะกายก่ายตัวไปมา ยิ่งนึกก็ยิ่งเหมือนแมลงสาบเลย ตลกไม่ออกน่ะ รอจนมีแรงค่อยๆ คว้าที่ยึดให้ตัวเองพลิกได้ แล้วเอาเรื่องความรู้สึกตัว สติ จากวิชาเรียนรู้กายใจ ผสมไม่ย่อท้อจากเติมเต็มฝัน บวกกับจินตนาการที่ทำให้หัวเราะได้ยามสิ้นหวัง แต่ทีเด็ดจริงๆ คือเผชิญความตายอย่างสงบ ที่ฟังจากซีดีพระไพศาล วิสาโล มรณานุสติ ชีวิตไม่เที่ยง ใช้ชีวิตอย่างไรก็เจออย่างนั้น ทำให้ใจปล่อยวาง เริ่มนิ่ง จิตใจเริ่มเย็น ค่อยๆ สงบ พอใจสงบ ใจสบายขึ้น กายก็ฟื้นฟูดีขึ้นตาม เริ่มเดินอย่างมีสติ ทีละนิดๆ จนกระทั่งกลับสู่สภาพปกติ เลยให้บทเรียนกับตนเองว่า ต้องหมั่นใคร่ครวญชีวิต ความไม่เที่ยง ใช้ชีวิตที่สมดุล เวลาสุขก็ควรสุขพอดี ถ้าทุกข์ก็ให้พอประมาณ ตั้งตัวได้ 

          แล้วถอดบทเรียนบอกกับตัวเองว่า อย่าปล่อยตัวเองเริ่งร่าเหมือนนก ไม่งั้นจะกลายเป็นแมลงสาบนอนกลับอีกด้านหนึ่งไม่ได้ เฮ้อ เข็ดจริงๆ...

คอลัมน์:

ผู้เขียน: