Error message

Deprecated function: The each() function is deprecated. This message will be suppressed on further calls in menu_set_active_trail() (line 2385 of /home/budnetorg/domains/budnet.org/public_html/sunset/includes/menu.inc).

ตายไม่กลัว กลัวเป็นสิว

-A +A

           “วันนี้ไม่ว่างแล้ว จะไปหาหมอดูสิว” 

           “อะไรกันหน้าเธอไม่เห็นมีสิวซะหน่อย” 

           “เมื่อวานฉันเข้าครัว เลยหน้ามัน คันๆ สิวจะขึ้น แย่แล้ว”

           “ฉันละเชื่อเลย ทีวันก่อนคุยว่า เรื่องตาย สบายมาก ไม่กลัว... ไม่เห็นจะต้องไปอบรมเผชิญความตายอย่างสงบ ที่จองกันแล้วเต็มอยู่เรื่อย (ก็จัดไม่กี่ครั้งด้วย) แต่กลัวสิวจนพักทุกเรื่องก่อนได้เนี่ย..นะ” 

           ขอบอกตรงๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอคนนั้นให้ความสำคัญกับ...หน้าสวย ไร้สิว ถึงขนาดลงทุนไปคลินิกชื่อดัง เสียทั้งเงินและเวลา จ่ายเหมาเป็นคอร์ส ราว ๖,๐๐๐ บาท ต้องไปรวม ๑๐ ครั้ง หวังจะหน้านวล สวย ใส  มียากิน ฉีด อยากรู้เหมือนกันว่าจริงมั้ย แต่ไม่ได้ไปทดลองใช้บริการ (น่าจะหมดสิทธิ์ นอกจากไปผ่าให้หน้าหายย่น...) อาจจะเพราะคำพูดของเธอ คนที่กลัวสิว ว่า ความตายเป็นเรื่องเล็ก พร้อมเสมอ ไม่กลัว  

           ข้อมูลที่เอามาจากอินเทอร์เน็ต น่าสนใจมาก ตัวเลขที่ใช้บริการดูแลหน้าเวลานี้ประมาณ ๔,๐๐๐ – ๑๐,๐๐๐ บาทขึ้นไปต่อคน และต้องไปอย่างต่อเนื่อง (ใช้วิธีโปรโมทว่า ถ้าราคาเหมาจะคุ้มกว่า และได้ผล) ทั้งวัยรุ่น สาว หนุ่ม พากันไปใช้บริการกันมาก ก็แปลกดีที่มีคนไปวิจัยแบบบ้านๆ เก็บข้อมูลมาลงเน็ตบอกว่า คลินิกที่โฆษณาดังมากๆ ใช้ดาราเป็นพรีเซ็นเตอร์ เบื้องหลังหมอที่มา ไม่ได้เรียนด้านนี้มาโดยตรง เจ้าของแบรนด์ไม่อยากลงทุนมาก ไม่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญซับซ้อนอะไร เพราะทำกันเป็นธุรกิจความงาม มีความต้องการของผู้บริโภค จนมีการแข่งขันสูง 

           เมื่อเร็วๆ นี้ มีงานวิจัยของบริษัทบัตรกรุงไทยจำกัด (มหาชน) ตอกย้ำกระแสความงามว่า ความงามเป็นเทรนมาแรง โดยมากับค่านิยมว่า ความประทับใจแรกในการพบกันคือ บุคลิกภาพ หมายถึง รูปลักษณ์หน้าตาต้องดูดี สวย หล่อ มาจากการเอาใจใส่ทางกายภาพ หน้าตาผิวพรรณดี ทำให้เห็นในห้างสรรพสินค้ามีธุรกิจความงามผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด แย่งชิงตลาด หั่นราคา ยิ่งดึงดูดผู้บริโภคให้สนใจจนตาลุกวาว ต่างประเทศจะใช้คำว่าเสพติดเลย ก็น่าอยู่หรอก เมื่อปลูกฝังว่ามันจะมีผลติดตัวไปจนตาย ถ้าจะให้แน่ใจ ต้องทำศัลยกรรมความงามไปเลย อย่างเทรนตอนนี้ เป็นแบบเกาหลีมาแรงสุด

           ในสหรัฐ พบว่าร้อยละ ๑๐ ของคนเป็นสิวบอกว่า การเป็นสิวเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต วัยรุ่นจะเรียนตกต่ำลง เพราะเข้าสังคมไม่ได้ สมัครงานไม่ผ่านสัมภาษณ์  สิวเป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดกับทุกคน แต่ร้อยละ ๗๐ ทำใจไม่ได้ต้องไปรักษา บางคนรุนแรงถึงกับปลดชีวิต มีแล้วเช่นที่อังกฤษ บางคนเกิดภาวะซึมเศร้าจากการเป็นสิวอย่างเช่น คนที่มีอาชีพประชาสัมพันธ์ ดารา บางคนไม่กล้าไปไหน พอนานเข้ารู้สึกว่าตนเองไม่มีคุณค่า สะท้อนให้เห็นว่า สิวมีผลต่อสภาวะทางจิตใจ

           การที่เราไม่ปฏิเสธหรือการที่เราจะอยู่แบบที่สังคมยอมรับ โดยที่เราไม่ได้ตั้งคำถามของตนเองว่า เราอยากเป็นอะไร แต่กลายเป็นสังคมอยากให้เราเป็นอะไร สังคมขณะนี้กระแสหลักเป็นกระแสบริโภคที่ให้ค่ากับภายนอก ที่เน้นภาพลักษณ์ ปรุงแต่ง แข่งขัน เมื่อธรรมชาติตัวตนแท้จริงถูกบดบัง บิดเบี้ยว ใบหน้าจริงที่เราได้มาตอนเกิดกลายเป็นขี้เหร่ ต้องไปทำศัลยกรรมความงาม เป็นตัวตนตามกระแสสังคม 

           จึงหายแปลกใจกับคนที่พูดว่า การตายไม่เห็นจะน่ากลัวเลย แต่อาการที่เจอสิวกลับกลัวยิ่งกว่า เพราะไปให้ความสำคัญกับความงามเหนืออื่นใด จนสำคัญมั่นหมายความงามเป็นของยั่งยืน ทั้งที่เมื่อเราตาย ร่างกายก็ไม่เหลืออะไร รวมทั้งสิวหรือความงาม สิ่งที่พึงปรารถนาของคนที่ใกล้ตายคือขอให้ได้ตายดีตายอย่างสงบ ไม่ทุรนทุราย แต่คนที่ยังสำคัญมั่นหมายว่ามี ติดยึดสิ่งต่างๆ ยากที่จะละจากไปอย่างสงบได้

ภาพบางส่วน จาก a day ฉบับมกราคม ๕๖

 

คอลัมน์: