Error message

Deprecated function: The each() function is deprecated. This message will be suppressed on further calls in menu_set_active_trail() (line 2385 of /home/budnetorg/domains/budnet.org/public_html/sunset/includes/menu.inc).

Dharma Rosa ธรรมะจากดอกไม้

-A +A

          เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ นับเป็นโอกาสพิเศษอันงดงามอีกครั้ง ที่การจากไปของ ‘น้องกันย์’ หรือ รสวรรณ ม่วงมิ่งสุข ทำให้คนอีกหลายคนได้รับโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับการเตรียมตัวตายอย่างสงบ โดยมีต้นเรื่องมาจากจดหมาย ‘เมื่อฉันตาย’ ที่เป็นรูปแบบหนึ่งของ ‘พินัยกรรมชีวิต’ ที่บ่งบอกถึงความปรารถนาจะมอบบทเรียนรู้ที่เธอเคยได้รับก่อนการจากไปให้กับคนที่เธอรักและรักเธอ รวมถึงบุคคลอื่นๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับเพื่อนทุกข์บนโลกใบนี้ เรื่องราวดีๆ จึงเกิดขึ้น ณ ห้องประชุมสดศรี อาคาร ภปร. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ตลอดทั้งวัน

          กิจกรรมในครึ่งวันเช้า เป็นเวิร์คช็อปเบาๆ สบายๆ นำเสนอโดย โครงการความตาย พูดได้ ของเครือข่ายพุทธิกา ในชื่อว่า ‘สมุดเบาใจ’ กิจกรรมเปิดตัวด้วยเพลง ‘เบาใจ’ บทประพันธ์โดย ครูมิ้นท์ แตรตุลาการ แห่ง babiemind studio ที่เชิญชวนให้ผู้ร่วมกิจกรรม เปิดใจเรียนรู้กับความเปลี่ยนแปลงไปด้วยกันอย่างเป็นกัลยาณมิตร แล้วตามด้วยกิจกรรมดูแลกาย-ใจ ที่หลายคนอิ่มเอมกับมิตรภาพจากเพื่อน แล้วเชื่อมโยงเข้าหาความปรารถนาการดูแลตัวเองในวาระสุดท้ายของชีวิต จากนั้นกิจกรรมก็พาผู้คนให้ลองค้นหาคำตอบสำหรับช่วงสำคัญของการตัดสินใจเพื่อบุคคลอันเป็นที่รักและตนเอง เมื่อภาวะวิกฤตของชีวิตมาเยือนอย่างกะทันหัน หลายความคิดและเหตุผล เชื่อมโยงกับประสบการณ์ล้ำค่าในแต่ละชีวิตที่มาหลอมรวมกันในห้องประชุมแห่งนั้น ช่วยให้ผู้ร่วมกิจกรรมเข้าใจชัดเจนมากขึ้นกับความสำคัญของการวางแผนดูแลรักษาตนเองล่วงหน้า กิจกรรมส่งท้ายด้วยการส่งต่อความรู้สึกทั้งหลายทั้งปวงที่มีต่อคนสำคัญในชีวิต มอบไว้ให้เป็นบทเรียนเพื่อนำกลับไปใช้ให้ดีงามที่สุดกับชีวิตที่เหลืออยู่ กับครอบครัวและมิตรสหายอันเป็นที่รัก 

          ภาคบ่าย ‘เรียนรู้มรณสติผ่านบทสวดรัตนมาลัย’ รศ.ดร. กฤษดาวรรณ เมธาวิกุล และ อ.มิว เยินเต็น แห่งมูลนิธิพันดารา เริ่มเชื้อเชิญผู้เข้าร่วมด้วยบทสวดมนต์คุรุโยคะ ทุกถ้อยคำแห่งความนอบน้อมรำลึกถึงครูบาอาจารย์ เพื่อประสานจิตให้เป็นหนึ่งเดียวกับคุรุทางจิตวิญญาณ ก่อนเริ่มทำสิ่งอันเป็นกุศลในชีวิต 

          อาจารย์กฤษดาวรรณเชื่อมโยงคำสอนอันทรงคุณค่าแห่งวิถีพุทธวัชรยานผ่าน ‘รัตนมาลัย’ อันเป็นบทสวดมนต์สำหรับวาระสุดท้ายของชีวิต เปรียบได้ดังมาลัยแก้วที่เป็นมงคลแก่ชีวิตของผู้สวด ซึ่งถูกรจนาโดยพระมหาโยคี กูร์ชก เช็มโบ คุรุแห่งทิเบต ในช่วงศตวรรษที่ ๑๑ มีเนื้อหามาจากคัมภีร์มรณศาสตร์แห่งทิเบต อาจารย์กฤษดาวรรณบอกว่า ถ้าเราเข้าใจความหมายของทุกบทสวดแล้ว บทสวดนั้นจะเบิกบานและงอกงาม เชื่อมโยงและเปลี่ยนจิตใจของเรา อาจารย์จึงค่อยๆ อธิบายความหมายของบทสวดมนต์ไปทีละช่วงทีละตอน เพื่อชี้ให้ผู้ร่วมฟังบรรยายเข้าใจเนื้อหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความหมายของบางคำที่ไม่มีในภาษาไทย เช่น ‘บาร์โด’ หรือ วาโด ในภาษาทิเบต หรือ อันตรภพ ในภาษาสันสกฤต ที่แปลว่า “สภาวะที่อยู่ระหว่าง” เมื่อพูดเชื่อมโยงถึงความตาย ส่วนมากบาร์โดจะหมายถึงสภาวะที่อยู่ระหว่างการตายกับการเกิดใหม่ ซึ่งสภาวะนี้มีขั้นตอนได้มากกว่านั้นเมื่อศึกษาอย่างละเอียดขึ้น 

          การปฏิบัติธรรมฝ่ายทิเบตเป็นไปเพื่อฝึกที่จะประคองรักษาจิตไม่ให้เกิดการยึดติดกับภาพลวงในจิตใจของเรา ไม่ว่าจะอยู่ในบาร์โดแบบใดก็ตาม เช่น ขณะอยู่ใน “บาร์โดแห่งการดำรงชีวิต” เราไม่ควรยึดติดกับเรื่องราวต่างๆ เพราะทุกสิ่งล้วนเป็นอนิจจัง หรือขณะอยู่ใน “บาร์โดแห่งการตาย” ไม่ว่ากระบวนการแตกสลายของธาตุ และจิตจะมีสภาวะอย่างไร เราก็ไม่ควรยึดติด 

          เนื้อหาและความหมายของบทสวดรัตนมาลัย ชี้ชวนให้เราทุกคนได้เห็นความหมายของการเตรียมตัวตายอย่างลึกซึ้ง การสวดมนต์บทนี้ก็เพื่อให้จิตคุ้นชิน จดจำและรู้เท่าทันว่า ปรากฏการณ์ทั้งหลายที่เกิดกับจิตนั้นคือภาพลวง เมื่อผู้ฟังเข้าใจทั้งความหมายและเห็นความสำคัญของการปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง เพื่อความไม่ยึดติดในตัวตน เพื่อเข้าถึงความเป็นธรรมดาโดยปรีชาญาณภายในตน และเพื่อเข้าถึงสภาวะจิตเดิมแท้แล้ว ในช่วงสุดท้ายของการบรรยาย ท่านอาจารย์ทั้งสองยังได้กรุณานำผู้ร่วมฟังบรรยายสวดมนต์บทรัตนมาลัยร่วมกัน และปิดท้ายด้วยการอุทิศส่วนกุศลเพื่อทุกๆ สรรพชีวิตได้เข้าถึงพระสัมมาสัมโพธิญาณ

          ช่วงท้ายสุดของงาน คือปาฐกถา ‘ธรรมะจากดอกไม้’ โดยท่านอาจารย์ ดร.ประมวล เพ็งจันทร์ ที่เรียกได้ว่าประมวลความงดงามจากทุกเรื่องราวไว้ด้วยกันได้อย่างเบิกบาน ท่านอาจารย์เปรียบเทียบความหมายดอกไม้ที่เบ่งบานว่างดงาม ก็ยังไม่เท่ากับความเบิกบานงดงามของจิตใจดวงหนึ่งที่ข้ามพ้นความหมายบางอย่างของชีวิตได้ จิตใจที่ปกคลุมไปด้วยความหวั่นกลัวเป็นเหตุที่ทำให้ไม่เบิกบาน เราจะสัมผัสความงามไม่ได้เลยถ้าจิตใจยังคงมีความกลัว แล้วความหมายอันงดงามที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของคนเราก็คือความหมายของความตาย ถ้าเราไขความหมายของความตายให้กระจ่างแจ้ง หรือทำให้เกิดความหมายที่งดงามไม่ได้ ยากนักที่เราจะสัมผัสความงดงามของชีวิตและโลกใบนี้ ต่อเมื่อเราข้ามพ้นความหวั่นกลัวความตาย นั่นแหละคือความงดงามของการมีชีวิตอยู่ 

          จิตดวงหนึ่งที่เบิกบาน แจ่มใสทั้งในการมีชีวิตและจบชีวิตลง เป็นสิ่งมหัศจรรย์ในชีวิตที่เกิดขึ้นและสัมผัสรู้ผ่านใจของเราได้ แต่ที่สำคัญความรู้สึกเช่นนี้สำเร็จไม่ได้แค่การฟังหรือคิดเอา แม้เราจะพยายามฝึกเจริญมรณสติอย่างไร หากอยู่เพียงระดับความคิดก็ไม่ได้ผล ไม่เกิดพลังที่จะทำให้เราหยุดหวาดกลัวความตายได้ การภาวนาและการลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังในชีวิตด้วยการเผชิญหน้ากับมันต่างหากที่จะทำให้เกิดพลังที่แท้จริง สังคมปัจจุบันเก็บความตายไปซุกซ่อนไว้มิดชิดจนเราขาดความคุ้นเคย แต่เราก็หนีความตายไม่พ้น เมื่อต้องเผชิญกับมัน พวกเราจำนวนมากจึงตระหนกตกใจกลัว ทั้งที่ความจริงแล้ว ความตายคือความหมายของชีวิตที่เราต้องเรียนรู้ และการเรียนรู้ความหมายของชีวิตผ่านข้อจำกัดของความตาย จะทำให้เราพบคุณค่าของชีวิตที่มีอยู่

          

          น้องกันย์ในวัย ๓๗ ปี เดินเข้ามาพบอาจารย์และเชื้อเชิญให้ไปร่วมในงานศพของเธอพร้อมกับรอยยิ้ม อาจารย์มองเห็นว่าน้องมีชีวิตธรรมดา ไม่ได้เป็นนักบวช แต่เรียนรู้ความหมายของชีวิตผ่านความเจ็บป่วย แล้วสุดท้ายก็กลายเป็นความหมายที่ยิ่งใหญ่ผ่านการตระหนักรู้ จนมีคนกล่าวถึงน้องมากมายบนโลกออนไลน์ นี่คือปรากฏการณ์ดอกไม้เบ่งบาน ‘ธรรมะจากดอกไม้’ ที่เกิดจากจิตดวงหนึ่งที่เบิกบานนั่นเอง เป็นความงดงามที่ยิ่งใหญ่ ที่เมื่อรับรู้แล้วนำไปสู่ความหมายที่เราตระหนักได้ว่า เราเองก็สามารถเบิกบานแจ่มใสกับชีวิตนี้ได้ ทันทีที่เมฆหมอกแห่งความกลัวตายผ่านไป ความแจ่มใสเบิกบานก็จะปรากฏขึ้นในใจเรา

          ไม่ว่าสิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นกับชีวิตเรา ขอให้เรารู้สึกถึงความหมายอันงดงามให้ได้ ขอให้เราเชื่อและมีศรัทธาที่มั่นคง ถ้าเราเข้าใจความหมายที่แท้จริง รู้สึกมหัศจรรย์ได้ว่ามันต้องเกิดเช่นนี้แหละ ว่าคนเรามีกรรมเป็นของตัวเอง มีวิบากเป็นของตัวเอง มีหนทางแห่งการดำรงอยู่และจากไปของตนเอง สิ่งที่เกิดปรากฏขึ้นล้วนแต่เป็นปัจจัยให้เราเกิดความรู้แจ้ง ขอให้เราน้อมใจให้เกิดศรัทธาและเชื่อมั่นว่า วิถีที่เราพูดถึงนี้มีอยู่จริง เหมือนวันนี้ที่เรามาอยู่กันที่นี่ ด้วยว่าจิตดวงหนึ่งหรือน้องกันย์นั่นเองที่ปรารถนาให้เราได้พบกัน เพื่อให้เกิดความหมายแห่งความปีติเบิกบานขึ้นในใจของเรา จึงขอให้เชื่อมั่นว่าสิ่งทั้งหลายที่ปรากฏขึ้นบนโลกใบนี้ ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่ามีสิ่งนั้นๆ เพื่อเป็นปัจจัยให้เราเกิดความรู้แจ้ง ศรัทธาในพุทธศาสนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ ตถาคตโพธิสัทธา ทั้งหมดทั้งปวงทั้งสิ้นที่เราพบเจอนี้ก็เพื่อให้เราเกิดความรู้แจ้งว่า ทุกสิ่งเป็นเช่นนี้เอง มันเป็นเช่นนั้นเอง น้องกันย์ทำให้เรารู้ว่า มันเป็นเช่นนี้เอง ที่น้องจากไปและทำให้เรามาพบกัน ในความหมายที่เป็น ‘เช่นนี้เอง’ 

 

คอลัมน์:

frontpage: