การงานแห่งชีวิต

ชัยยศ จิรพฤกษ์ภิญโญ 5 ตุลาคม 2008

“โตขึ้น หนูอยากเป็นอะไร” สมัยเด็กหรือวัยรุ่น เราคงมักได้ยินคำถามทำนองนี้บ่อยๆ หรือหากเราโตขึ้นสักหน่อยและดูมีฐานะการงานเลื่อนลอย คำถามที่มักตามมาคือ “จะเอายังไงกับอนาคต”  มันไม่ง่ายเลยกับการตอบคำถามนี้ เพราะคำตอบนี้เราต้องค้นหาทั้งจากหัวสมองและจากความรู้สึกของเราเอง  โลกของอาชีพการงานนั้นเป็นอาณาจักรชีวิตอันยิ่งใหญ่และสำคัญสำหรับการมีชีวิตรอด หลายคนทุ่มเทความฝัน ความหวัง และความปรารถนาเพื่อก้าวไปสู่จุดสูงสุดของโลกอาชีพการงานนี้  การก้าวไปนี้ หลายคนต้องสละเวลา ความเป็นส่วนตัว ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างและครอบครัว เพื่อทุ่มเทแรงกาย แรงใจ และแรงความคิดสู่โลกใบนี้  การทำงานเป็นเวลา ๑๐-๑๕ ชั่วโมงต่อวัน หรือรวมประมาณ ๔๘-๖๐ ชั่วโมงต่อสัปดาห์เป็นเรื่องปกติ เป็นวัฒนธรรมการทำงานของผู้คนในหลายๆ ประเทศ  ในโลกของอาชีพการงาน การไปจุดสูงสุดหรือความสำเร็จ จึงหมายถึงฐานะทางเศรษฐกิจที่มั่นคงปลอดภัย การได้รับเกียรติยศ และสถานภาพ รวมไปถึงการมีอำนาจจากทรัพย์สินเงินทอง ฐานะเศรษฐกิจ หรืออำนาจจากบทบาทหน้าที่ การงานวิชาชีพ

โลกของอาชีพการงาน ไม่ได้สำคัญเพียงเรื่องการได้ค่าตอบแทน  ช่วงอายุที่มากกว่าค่อนชีวิต ร่วม ๔๐ ปี เราต้องอยู่กับโลกการงาน เราอยู่ด้วยความรู้สึกต่างๆ นานา  ความสุข ความทุกข์ ความเครียด ความพอใจ เบื่อหน่าย กระตือรือร้น  เวทีชีวิตของการแข่งขัน การต่อสู้ และการพ่ายแพ้จึงมักเกิดขึ้น ณ เวทีชีวิตของโลกใบนี้  แล้วเมื่อวันหนึ่ง โลกของอาชีพการงานก็ค่อยๆ ถอนตัวออกไป เมื่อวันหนึ่งที่การเกษียณอายุเกิดขึ้น หรือเมื่อวันหนึ่งที่สภาพร่างกายเราไม่เอื้อต่ออาชีพการงานนั้นอีกต่อไป  แล้วเมื่อนั้น โลกของชีวิตก็เปลี่ยนไป จะทำอย่างไรกับเวลาว่างที่เพิ่มมากขึ้น ผู้คนที่แวดล้อมค่อยๆ ห่างหายไป สภาพร่างกายที่เสื่อมโทรม ไม่แข็งแรงว่องไวเหมือนแต่ก่อน  แต่จิตใจนั้นเล่า จิตใจเปลี่ยนแปลงอย่างไร จิตใจได้สั่งสมประสบการณ์อะไร เรียนรู้อะไร อย่างไร มีความสุข สงบ เร่าร้อน ยึดมั่นถือมั่น  คำตอบคือ แล้วแต่เหตุ ปัจจัยของแต่ละคน

“ผมไม่รู้ตัวเลยว่าผมเครียดมาตลอดกับชีวิตการงานมาร่วม ๓๐ กว่าปี ถ้ารู้ ผมคงมีชีวิตอีกแบบ” เสียงของชายวัยใกล้เกษียณดังขึ้นกระท่อนกระแท่นจากการพูดไม่ชัด เนื่องจากเส้นโลหิตในสมองแตกเมื่อเกือบปีที่ผ่านมา  ในฐานะนักวิชาการที่มีผลงานระดับศาสตราจารย์ ชีวิตดำเนินไปกับการงานทั้งงานวิจัยและงานสอน  แต่แล้ววันหนึ่ง ชีวิตก็เปลี่ยนแปลงไป อาการหน้ามืดเพียงวูบเดียว เมื่อชายชราฟื้นตื่นขึ้น ท่านก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป  ร่างกายซีกซ้ายเป็นอัมพาต และต้องใช้เวลาร่วมเกือบปีกว่าที่ร่างกายจะฟื้นฟูพอที่จะเคลื่อนไหวโดยใช้ไม้เท้าเพื่อที่จะพอขยับตัวได้ทีละก้าว การพูดที่พอสื่อสารได้ด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ ฟังไม่ชัดนัก  สิ่งที่ชายชราได้พบและเรียนรู้ คือ ชื่อเสียงและความสำเร็จที่สั่งสมมา ตำแหน่งศาตราจารย์กลายเป็นสิ่งไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง เพื่อนอาจารย์และเหล่าลูกศิษย์มาเยี่ยมเยียนท่านในช่วงแรก ก่อนที่จะค่อยๆ ห่างหายไป  จากชีวิตที่อยู่บนโต๊ะทำงาน พูดคุยธุระวิชาการ กลับกลายมาเป็นชีวิตที่นั่งจมจ่อมกับทีวี ฟังวิทยุ และกับร่างกายที่ไม่เหมือนก่อน

วัยเด็กของท่าน ก็คงไม่ต่างจากพวกเราทุกท่านที่มีความฝัน ความหวัง และความปรารถนา : อาชีพที่มั่นคง ความสำเร็จในหน้าที่การงาน ค่าตอบแทนที่พึงใจ  แต่แล้วทั้งหมดก็กลับกลายเป็นภาพลวงตา ไร้ความหมาย เพราะสิ่งที่ทรมานและรุมเร้าก็คือ จิตใจที่ยอมรับความจริงไม่ได้ จิตใจที่ขุ่นเคืองต่อโชคชะตา โกรธ และเสียใจกับชะตาชีวิตที่เหมือนกลั่นแกล้ง  ยิ่งคิดชายชราผู้นี้ก็ยิ่งทุกข์ระทม แต่ห้ามความคิดก็ทำไม่ได้  ยามนี้คงไม่มีสิ่งใดจะชุบชูจิตใจได้เท่าธรรมะ ครอบครัวพาท่านไปวัด ฟังเทศน์ ชักชวนให้ปฏิบัติศึกษาธรรมะ  แต่เพราะชีวิตที่ผ่านมาไม่ได้เตรียมพร้อมกับเรื่องเหล่านี้ ไม่ได้ใส่ใจ จิตใจของท่านไม่โน้มนำต่อเรื่องธรรมะเลย  สถาบันวิชาการที่เคยเป็นที่รักของท่านก็ไม่มีที่ทางสำหรับคนพิการเช่นท่าน กำลังใจจากเพื่อน คนรอบข้าง ก็เหมือนสายลมโชยพัดเป็นระยะเท่านั้น  จากอาการหน้ามืดครั้งนั้นที่เปลี่ยนชีวิตของชายชรา หลังจากนั้น ๓ ปี ชายชราก็ถึงแก่กรรม

เคยสังเกตอาการของจิตใจหรือไม่ว่า ยามที่เราได้ข่าวคราวว่าเกิดไฟไหม้ รถถูกขโมย เกิดเหตุร้าย หากมันเกิดขึ้นกับคนอื่น เราอาจรู้สึกเสียใจกับผู้เคราะห์ร้ายแ ละโล่งใจที่ไม่เกิดกับเรา  แต่เมื่อเกิดกับเรา เรารู้สึกทุกข์ร้อน จิตใจทุกข์ทรมานทันที เพราะความเป็นเรา ของเรา การยึดมั่นถือมั่นในกาย ในจิตใจว่ามันเป็นเรา เป็นของเรา  น่าสนใจว่าหากเราปล่อยวาง ไม่ได้ยึดมั่นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันเป็นเรา แต่เป็นของโลก เป็นของคนอื่น จิตใจเราก็ไม่ทุกข์ร้อน  มันจะดีเพียงใดที่เราจะไม่ถูกความทุกข์รุมเร้า เนื่องเพราะเราไม่ได้รู้สึกว่า กายหรือใจ คือ ตัวเรา ของเรา

จิตใจที่จะปล่อยวางเช่นนี้ ต้องอาศัยการเรียนรู้ การศึกษาปฎิบัติธรรมะ สิ่งนี้เป็นการงานแห่งชีวิตที่มีความสำคัญ และสำคัญมากกว่าความสำเร็จในหน้าที่การงานหรือแม้แต่การเปลี่ยนแปลงโลกและสังคมด้วย  เพราะการกระทำที่เรามีต่อโลกภายนอก : การสัมพันธ์กับผู้คน การดำเนินชีวิต การตัดสินใจ ฯลฯ ทั้งหมดก็คือ ภาพสะท้อนที่มาจากคุณภาพจิตใจภายใน และความสำเร็จของจุดหมายที่เป็นเรื่องภายนอกก็ไม่ช่วยอะไรเลย ยามเมื่อเราเผชิญความทุกข์ เช่นชายชราในเรื่องราว

นี่เอง จุดหมายภายในจึงเป็นเรื่องสำคัญ และเรื่องยิ่งใหญ่  จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม สิ่งที่เราทุกคนพอทำได้ คือ ลองปฏิบัติ ด้วยการกลับมาเรียนรู้ความจริงในตนเอง ความจริงในร่างกายและจิตใจของเราว่า ทั้งร่างกาย จิตใจ เป็นสิ่งที่เหนือพ้นการควบคุมของเรา เป็นสิ่งที่ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา แต่คือความทุกข์  และเมื่อมันเป็นความทุกข์ ใครเล่าจะอยากกอดกุม ใครเล่าจะอยากแบกความทุกข์นั่นอีก  สิ่งที่ทุกคนกระทำทันที คือ ปล่อยวางความทุกข์ทันที ด้วยการเฝ้าดู อยู่กับร่างกายซึ่งเป็นภาวะปัจจุบันของเรา และตามรู้กับอาการของจิตใจที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา เพื่อรู้ทันกับสภาวะจิตใจที่ทำงานอิสระของมันเอง  ขณะที่การต่อสู้ ดิ้นรนด้วยความอยาก ความไม่อยากสิ่งนั้น สิ่งนี้ก็มีแต่เพิ่มพูนความทุกข์

มันจะดีเพียงใดที่เราจะไม่ถูกความทุกข์รุมเร้า เนื่องเพราะเราไม่ได้รู้สึกว่า กายหรือใจ คือ ตัวเรา ของเรา

จุดหมายภายนอก : การงาน ครอบครัว เพื่อนฝูง อุดมการณ์ ฯลฯ แท้จริง ความสำคัญก็มีเพียงสิ่งที่ช่วยประคองให้เราได้ดำรงชีพอยู่ในสังคม ในโลกใบนี้  ซึ่งทั้งหมดก็คือเพียงสิ่งชั่วคราวที่เราหยิบยืมมา เมื่อเราต้องลาจากเพราะเกษียณ เพราะความตาย เราก็ต้องคืนสิ่งเหล่านี้ ส่งมอบให้คนอื่น คืนให้สังคม ให้โลกต่อไป  มีแต่จุดหมายภายในที่ความเพียรในการเรียนรู้ เข้าใจความจริงในจิตใจจะเป็นทรัพย์สินติดตัวเราตลอดไปของชีวิตที่ดำรงอยู่

ท้ายสุด ขอจบด้วยคำถามเชิงจินตนาการต่อเราทุกท่านคือ ชายชราผู้นี้เดินทางสู่ปรภพ ท่านได้รับโอกาสจากพญายมว่าสามารถเลือกกลับไปสู่อดีตเพื่อแก้ไขชีวิตที่ผ่านมาอีกครั้ง  ชายชราตรึกตรองอยู่นานแล้วก็ตัดสินใจ ท่านขอเลือกกลับไปในช่วงวัยเดียวกับผู้อ่านบทความนี้อยู่ ณ ขณะนี้ เพื่อที่จะ …..  ขอผู้อ่านทุกท่านได้เลือกด้วยครับ ท่านจะทำอะไรในการงานแห่งชีวิตนี้  ตัดสินใจจากสิ่งที่ปรารถนาและเรียนรู้มาตลอดชีวิตของท่านครับ


ภาพประกอบ

ชัยยศ จิรพฤกษ์ภิญโญ

ผู้เขียน: ชัยยศ จิรพฤกษ์ภิญโญ

นอกเหนือจากบทบาทนักเขียนประจำคอลัมน์ งานสำคัญ คือ กระบวนกร นักจิตปรึกษา, enneagram coach สนใจและรักที่จะทำงานด้านการทำงานเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงกับโลกภายในผ่านทักษะ ประสบการณ์เรียนรู้ทั้งงานอบรม การทำจิตปรึกษา และงานเขียน