คาถากันขโมย

เอกภพ สิทธิวรรณธนะ 16 กุมภาพันธ์ 2014

ในกรุงเทพฯ ช่วงนี้มีการรณรงค์ใช้จักรยานกันมาก นักปั่นก็มากขึ้น ผมเองก็ได้ปั่นจักรยานไปทำงานทุกวัน ได้ออกกำลังกาย น้ำหนักก็ลด แถมประหยัดอีกต่างหาก ประสบการณ์ที่ดีทำให้ผมเริ่มออกปากชวนน้องให้หันมาขี่จักรยานไปจอดที่ชานชาลารถไฟฟ้า แล้วค่อยนั่ง BTS ต่อไปทำงาน

“ไม่เอาล่ะ เดี๋ยวจักรยานหาย” น้องตอบปฏิเสธเช่นนี้หลายครั้ง ถึงแม้ว่าผมจะชักจูงหว่านล้อม ให้ข้อแนะนำต่างๆ เช่นว่า ให้ซื้อจักรยานราคาไม่แพง ตกแต่งให้ดูซอมซ่อ หรือใช้ที่ล็อคกันขโมยหลายๆ ชั้น แต่กระนั้นน้องผมก็ยังกลัวรถหายอยู่ดี

ผมยังคงได้ยินหลายๆ คนบ่นเรื่องต่างๆ ที่ใจความคือ “กลัวความสูญเสีย” เช่น กลัวป่วย (สูญเสียสุขภาพดี) กลัวลำบาก (สูญเสียความสบาย) กลัวล้มเหลว (เสียชื่อเสียง) อาจกล่าวได้ว่า ความกลัวสูญเสีย เป็นความคับแค้นใจของคนในยุคสมัยใหม่ หรือจะเป็นเพราะว่า เราคุ้นชินกับความสุขที่เกิดจากการครอบครองมากเกินไป หากต้องสูญเสียสิ่งนั้นไปก็เกิดความโศกเศร้า หวั่นไหว

เคยได้ยินอาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ เปรยถึงสภาพของสังคมปัจจุบันว่า “คนสมัยใหม่สูญเสียความสามารถในการแสวงหาความหมายจากประสบการณ์ที่ต้องประสบพบเจอ” ความสูญเสียก็คือความสูญเสีย ความทุกข์ก็คือความทุกข์ ไม่อาจหาแง่มุมอื่นๆ ของความสูญเสียหรือความทุกข์ได้

ครอบครัวของผมเคยมีสวนมะม่วงที่ต่างจังหวัด นานทีปีหนผมจึงได้มีโอกาสได้ไปเดินในสวนพร้อมกับแม่และเตี่ย ทางที่เดินไปก็มักจะเจอลูกมะม่วงถูกกระรอกกินบ้าง ถูกคนมาสอยกินบ้าง หลักฐานนั้นแจ่มชัดว่ามีโจรสอยมะม่วง เตี่ยเห็นดังนั้นก็บ่นอุบเป็นหมีกินผึ้ง แต่แม่กลับปลอบใจเตี่ยด้วยวลีที่น่าประทับใจว่า “นกกินเป็นบุญ คนกินเป็นทาน”

คำของแม่เป็นคำโบราณที่สะท้อนถึงความสามารถที่จะแปรเปลี่ยนความสูญเสียเป็นความเมตตา เปลี่ยนแปลงความอยากครอบครอง เป็นความสละออก (จาคะ) เหตุการณ์เดียวกัน เราอาจใช้เป็นสิ่งที่ทำให้ใจเศร้าหมองก็ได้ หรือเป็นเหตุปัจจัยที่บ่มเพราะคุณธรรมในใจเราก็ได้

“ความกลัวสูญเสีย” เป็นความคับแค้นใจชนิดหนึ่งของคนยุคใหม่ เพราะเราคุ้นชินกับความสุขที่เกิดจากการครอบครองมากไป

การทำใจยอมรับความสูญเสียเรื่องเล็กๆ ได้ ในแง่หนึ่งคือการทำความคุ้นชินกับความสูญเสียครั้งใหญ่ๆ ที่ย่อมเกิดขึ้นตามมาในอีกไม่ช้าก็เร็ว การป่วยหนัก การสูญเสียคนรัก และความตายของตนเอง ซึ่งคือการสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่เรารู้จักในภพชาตินี้ไป การพิจารณาแง่มุมความสูญเสียเช่นนี้ยังเป็นการเจริญมรณานุสติ ซึ่งเป็นโยนิโสมนสิการประการหนึ่ง

การขี่จักรยานจอดตามที่ต่างๆ ผมเองก็หวั่นไหวหากจะมีคนขโมยจักรยานของผมไป แต่เป็นเพราะทุกครั้งที่หวั่นไหวนี้แหละ ที่เป็นโอกาสที่จะได้พิจารณาแง่มุมอื่นๆ ของความสูญเสีย ได้ทำความรู้จักกับความกลัวในใจของผมเอง และในบางโอกาสก็ได้เจริญคุณธรรมบางประการ ถือเป็นการฝึกฝนที่จะประยุกต์หลักพุทธธรรมให้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของตัวผมเอง

“ทำยังไงให้ไม่กลัวจักรยานหาย” น้องถามผมเมื่อไม่นานมานี้

“ใช้คาถากันขโมยสิ” ผมตอบ

“คาถาอะไร”

“ถ้าคุณโจรอยากได้จักรยานไปก็เอาไปได้เลย เอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์นะ”


ภาพประกอบ

เอกภพ สิทธิวรรณธนะ

ผู้เขียน: เอกภพ สิทธิวรรณธนะ

Backstage writer, Urban sketcher