ฉลาดทำใจในยามมีสุข

พระไพศาล วิสาโล 9 กันยายน 2007

ใครๆ ก็ต้องการความสุข และคิดว่าความสุขจะได้มาก็เมื่อมีทรัพย์ ได้โชค มีสุขภาพดี มีงานการดี หรือสมหวังในความรัก เป็นต้น  แต่ความสุขที่แท้จริงและยั่งยืนนั้นมิได้อยู่ที่ว่ามีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับเรามากมายเพียงใด แต่อยู่ที่เราวางใจหรือเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านั้นอย่างฉลาดหรือไม่  หากวางใจไม่เป็น ความสุขก็ผ่านเข้ามาในชีวิตเพียงชั่วประเดี๋ยว และอาจตามมาด้วยความทุกข์แสนสาหัส

ฉลาดทำใจเป็นสิ่งจำเป็นแม้ในยามมีสุขหรือสมหวัง เพราะในสุขนั้นมีทุกข์แฝงด้วยเสมอ เช่นเดียวกับคุณและโทษมักจะมาด้วยกัน  หากวางใจอย่างฉลาด ความทุกข์หรือโทษย่อมเกิดขึ้นได้ยาก  ขณะเดียวกันก็สามารถเข้าถึงความสุข รักษาให้ยั่งยืน และสร้างคุณประโยชน์ให้แพร่หลายกว้างขวาง  ไม่ว่าทรัพย์ สุขภาพ ความสำเร็จ ชื่อเสียง สามารถสร้างสรรค์สิ่งดีงามให้เพิ่มพูนได้หากรู้จักใช้ด้วยใจที่ฉลาด

สุขภาพดี แข็งแรง

การมีสุขภาพดี ไม่มีโรคภัย นับเป็นความสุขอย่างหนึ่งที่คนไม่ค่อยตระหนัก เพราะใจไปจดจ่ออยู่กับอย่างอื่นที่ยังมาไม่ถึงหรือยังไม่มี เช่น ความมั่งคั่ง ชื่อเสียง อำนาจ สถานะ คู่ครอง  ต่อเมื่อล้มป่วย หรือทุพพลภาพ จึงมาได้คิดว่าครั้งหนึ่งความสุขเคยอยู่กับตัวแท้ๆ แต่กลับมองข้ามไป  บางคนมาได้คิดเมื่อสายไปเสียแล้ว เพราะร่างกายไม่มีวันดีเหมือนเดิม  ดังนั้นถ้าวันนี้คุณยังมีสุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง ก็ควรพอใจแล้ว อย่าไปมัวแต่เศร้าโศกน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาที่ไม่สมหวังในเรื่องต่างๆ  อย่าลืมว่า มีผู้คนนับไม่ถ้วนที่อยากมีสุขภาพอย่างคุณ แต่ก็ทำไม่ได้ทั้งๆ ที่มีเงินมากมายมหาศาล ทั้งนี้เพราะสุขภาพมิอาจซื้อได้ด้วยเงิน

ขอให้ถนอมรักษาสุขภาพของคุณเอาไว้ ด้วยการกินอาหาร ออกกำลังกาย รักษาใจและใช้ชีวิตอย่างถูกต้องเหมาะสม  อย่าคิดว่าสุขภาพดีนั้นเกิดขึ้นเอง หรือได้มาโดยคุณไม่ต้องทำอะไร  การคิดเช่นนั้นจัดว่าเป็นความประมาทอย่างหนึ่ง เพราะหากคุณปล่อยตัวปล่อยใจ กิน เสพ เที่ยว อย่างไม่ระมัดระวัง  ใหม่ๆ อาจไม่เป็นไร แต่พอคุณเริ่มมีอายุ ผลร้ายจะแสดงตัวอย่างชัดเจน ถึงตอนนั้นอาจสายเกินกว่าที่คุณจะแก้ไขให้ดีเหมือนเดิมได้

แต่ถึงจะดูแลรักษาสุขภาพอย่างไร ก็ควรตระหนักว่า สุขภาพเป็นของไม่เที่ยง ความเจ็บความป่วยเป็นของธรรมดาที่ไม่มีใครหนีพ้น  แท้ที่จริงความเจ็บป่วยนั้นแทรกซึมอยู่ในทุกขณะที่ยังดูเหมือนปกติ เพียงแต่ยังไม่แสดงตัวเท่านั้น  ดังพระพุทธเจ้าตรัสว่า “ความตายมีอยู่ในชีวิต ความเจ็บป่วยมีอยู่ในความไม่มีโรค”  เพราะฉะนั้นจึงควรเตรียมใจไว้เสมอว่าสักวันหนึ่งคุณจะต้องเจ็บป่วย จะได้ไม่ทุกข์หรือก่นด่าชะตากรรมว่า “ทำไมถึงต้องเป็นฉัน?” เมื่อวันนั้นมาถึง

หากวางใจไม่เป็น ความสุขก็ผ่านเข้ามาในชีวิตเพียงชั่วประเดี๋ยว และอาจตามมาด้วยความทุกข์แสนสาหัส

เนื่องจากสักวันหนึ่ง ร่างกายของคุณก็จะต้องผันแปรไป ไม่อาจทำสิ่งต่างๆ ได้เหมือนเดิม  ดังนั้นในขณะที่ยังมีสุขภาพดี ยังมีเรี่ยวแรง ไปไหนมาไหนได้สะดวก คุณจึงควรใช้โอกาสนี้ทำสิ่งที่มีประโยชน์ทั้งต่อคุณเอง ต่อครอบครัว และต่อส่วนรวมให้ได้มากที่สุด  อย่าทิ้งโอกาสดีๆ ไปโดยเปล่าประโยชน์ หรือใช้เรี่ยวแรงเพื่อตักตวงความสนุกสนานหรือความเพลิดเพลินชั่วครู่ชั่วยาม เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่อาจช่วยคุณได้หากคุณล้มป่วยหรืออ่อนแรงลง  ถึงตอนนั้นแม้คุณอยากทำสิ่งดีๆ ที่มีประโยชน์ ก็อาจทำไม่ได้แล้ว เพราะสังขารไม่อำนวย

ประสบความสำเร็จ

ใครๆ ก็ชอบความสำเร็จ เพราะนอกจากจะหมายความว่าน้ำพักน้ำแรงที่เขาทุ่มเทไปไม่สูญเปล่าแล้ว ยังอาจได้รับคำสรรเสริญหรือรางวัลอีกด้วย  แต่หากคุณไปคาดหวังคำสรรเสริญหรือรางวัล คุณอาจเป็นทุกข์ได้ง่ายๆ  อันที่จริงความสำเร็จก็เป็นรางวัลอยู่แล้วในตัวเอง คือเป็นรางวัลแห่งความพากเพียรพยายาม ซึ่งคุณควรภาคภูมิใจ แม้นไม่มีใครสรรเสริญเลยก็ตาม  ยิ่งงานที่คุณทำนั้นเป็นประโยชน์เกื้อกูลผู้อื่น รอยยิ้มของเขาก็เพียงพอแล้วที่จะนำความสุขใจมาให้คุณ ความสุขอย่างนี้มีค่ามากกว่าคำสรรเสริญหรือรางวัลที่คนอื่นให้เสียอีก

จะว่าไปแล้วถึงคุณทำงานไม่สำเร็จ แต่หากพยายามอย่างเต็มที่แล้ว ก็ควรภาคภูมิใจที่ได้ทำ โดยเฉพาะเมื่องานนั้นเป็นสิ่งดีงามหรือถูกต้อง  การทำสิ่งที่ถูกต้องดีงามแม้ไม่สำเร็จ ย่อมมีคุณค่ามากกว่าการประสบความสำเร็จในการทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

ความสำเร็จนั้นมิใช่เป็นของที่ได้มาง่ายๆ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะมีเหตุปัจจัยต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย  งานแต่ละชิ้นที่ประสบความสำเร็จ มักจะมีหลายคนและหลายสิ่งมาช่วยสนับสนุนให้บังเกิดผลที่มุ่งหวัง  ความสำเร็จจึงเหมือนภูเขาน้ำแข็ง ที่มีส่วนพ้นผิวน้ำเพียงส่วนเดียว แต่อีก ๑๐ ส่วนอยู่ใต้น้ำซึ่งไม่มีใครมองเห็น  ดังนั้นเมื่อประสบความสำเร็จ คุณควรตระหนักว่ามีผู้คนมากมายที่ช่วยหนุนส่งให้ความพยายามของคุณสัมฤทธิผลจนปรากฏเด่นเห็นชัดดังยอดภูเขาน้ำแข็ง อย่างน้อยคุณก็ได้อาศัยความรู้และประสบการณ์ของเขามาประยุกต์ใช้  คุณจึงควรขอบคุณบุคคลเหล่านั้น และตระหนักว่าความสำเร็จดังกล่าวมิใช่เป็นของคุณคนเดียว แต่เป็นของผู้คนอีกมากมายด้วย

การมอบความสำเร็จให้ผู้อื่นมีส่วนเป็นเจ้าของด้วยนั้น เป็นการตระหนักถึงความจริงที่ช่วยลดอัตตาของคุณมิให้พองโต  และจะดีกว่านั้นหากคุณยกความสำเร็จนั้นให้เป็นของ “ธรรมชาติ” อันได้แก่เหตุปัจจัยต่างๆ อีกมากมายที่ช่วยให้งานของคุณสัมฤทธิผล โดยคุณเองก็เป็นส่วนหนึ่งของกระแสแห่งเหตุปัจจัยดังกล่าว  การทำเช่นนั้นจะช่วยให้คุณยึดติดในความสำเร็จดังกล่าวน้อยลง ไม่เป็นเจ้าเข้าเจ้าของจนใครมาแตะต้องหรือวิจารณ์ไม่ได้  เมื่อยกผลงานและความสำเร็จให้เป็นของธรรมชาติ คุณจะรับฟังคำวิจารณ์ด้วยใจที่เปิดกว้างและปล่อยวางได้มากขึ้น ไม่รู้สึกว่าคำวิจารณ์เหล่านั้นมากระทบ “ตัวกู ของกู” จนต้องปกป้อง แก้ตัว หรือกราดเกรี้ยว

กับดักประการหนึ่งของความสำเร็จคือ ทำให้เราหลงตัวได้ง่าย และเกิดความประมาท ไม่คิดเรียนรู้หรือปรับปรุงตัวเอง เพราะคิดว่าวันนี้สำเร็จแล้ว พรุ่งนี้ก็จะสำเร็จเช่นกัน  แต่ความเป็นจริงไม่ได้หยุดนิ่งหรือแน่นอนตายตัว ไม่ว่างานการและความสำเร็จจะยิ่งใหญ่แปลกใหม่เพียงใดก็ตาม สักวันหนึ่งก็จะกลายเป็นของธรรมดาและล้าสมัยไป  ขืนทำซ้ำก็จะไม่ให้ผลเหมือนเดิม กลับจะกลายเป็นปัญหาและนำไปสู่ความล้มเหลวในที่สุด  บางคนจึงกล่าวว่า ความสำเร็จคือจุดเริ่มต้นของความล้มเหลว หรือเป็นความล้มเหลวที่ยังไม่ปรากฏ  เมื่อเป็นเช่นนี้จึงควรที่คุณจะตื่นตัวอยู่เสมอ ไม่ยึดติดหรือประมาทในความสำเร็จ หากพร้อมจะปรับเปลี่ยนหรือเรียนรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ เพื่อพาตัวเองออกจากกับดักดังกล่าว

ขณะเดียวกันก็ไม่ควรหลงใหลได้ปลื้มกับความสำเร็จ ไม่เช่นนั้นก็จะต้องเศร้าโศกเสียใจเมื่อประสบกับความล้มเหลว  อย่าลืมว่าไม่มีใครประสบความสำเร็จได้ตลอด แม้แต่นักกีฬาที่เก่งที่สุดก็ยังต้องประสบกับความพ่ายแพ้  สำเร็จกับล้มเหลว แพ้กับชนะ เป็นของคู่กันที่ต้องเกิดกับคุณอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  คุณไม่สามารถเลือกอย่างหนึ่ง และปฏิเสธอีกอย่างได้  ถ้าไม่อยากทุกข์ยามล้มเหลว ก็อย่าปล่อยใจเป็นสุขมากเมื่อได้รับความสำเร็จ


ภาพประกอบ

พระไพศาล วิสาโล

ผู้เขียน: พระไพศาล วิสาโล

เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต และประธานมูลนิธิเครือข่ายพุทธิกา