บิ๊กคลีนนิ่ง

เอกภพ สิทธิวรรณธนะ 19 กรกฎาคม 2015

สิ้นสุดเสียง “เย้!” พวกเรากระจายตัวทั่วสำนักงาน บางคนคว้าผ้าปิดปาก บางคนสวมถุงมือ แยกย้ายกันจัดการความรกเลอะเทอะ แยกของที่เป็นขยะออกจากของที่มีประโยชน์ เก็บของที่กระจัดกระจายให้เข้าที่เข้าทาง

ใช่ครับ พวกเรากำลังทำ “บิ๊กคลีนนิ่ง” สำนักงานกันอยู่ ไม่ได้ทำกันเป็นประจำทุกปีหรอก คิดจะทำก็ต่อเมื่อเริ่มหาของไม่เจอบ่อยๆ เมื่อเริ่มรู้สึกหงุดหงิดเพราะความรกบ่อยๆ เมื่อนั้นก็จะมีเจ้าภาพออกชักชวนทำความสะอาดใหญ่กันสักครั้งหนึ่ง กิจกรรมนี้ต้องอาศัยแรงจากทุกคนในสำนักงาน วันนั้นถ้าใครหนีหายไปล่ะก็ ได้โดนเขม่นแน่

หากคนแปลกหน้าพลัดหลงเข้ามาในวันนั้น ก็คงจะตะลึงกับขยะกองใหญ่ ใหญ่ถึงขั้นต้องใช้รถบรรทุกมาขนเอาไปกำจัด ไม่น่าเชื่อนะครับว่าสำนักงานขนาดเล็กๆ จะบรรจุขยะเอาไว้เยอะขนาดนั้น ไม่ว่าจะเป็น ตลับเทปคลาสเซ็ทบันทึกเสียง ซีดี เอกสารเก่าๆ นิตยสารเปื่อยๆ ตลอดจนเศษกระดาษเป็นกล่องๆ เศษอุปกรณ์ประดิษฐ์ ตลอดจนยาหมดอายุเป็นโหล ยังไม่นับเศษชิ้นส่วนเครื่องจักร เศษดินเศษไม้เลอะเทอะ

ผมจัดการข้าวของด้วยความคิดที่กำลังฮิตกันในขณะนี้ว่า “เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?” จุดที่สำนักงานมีขยะซ่อนอยู่เต็มไปหมดโดยไม่มีใครรู้ตัว ผมขำเมื่อนึกถึงภาพที่ว่า พวกเราพากันนั่งยิ้มทำงานโดยหารู้ไม่ว่าที่นั่งทับอยู่น่ะ กองขยะโดยแท้

ผมเห็นถุงขยะสีดำกองใหญ่ อ้วน หนัก ที่กองไว้หน้าสำนักงาน ก็เกิดอนุสติเห็นอุปมาของกองขยะนั้น กระบวนการเกิดขึ้นคงไม่ต่างกับ “กองอาสวะกิเลส” ซึ่งหมายถึงสิ่งเศร้าหมองที่หมักหมมนอนเนื่องอยู่ในจิต มีความโลภ โกรธ กลัว เป็นอาทิ

ผมนึกทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา ที่สำนักงานเต็มไปด้วยขยะเยอะขนาดนี้ ใช่ว่าจู่ๆ ก็มีผู้ไม่หวังดีเอามูลฝอยมาเททิ้ง หากแต่เกิดจากพวกเราเอง ที่สะสมสิ่งไม่จำเป็น ละเลยระเบียบทีละน้อย แต่บ่อย บวกกับความประมาทที่ว่า “ปล่อยไว้แบบนี้แป๊บเดียว คงไม่เป็นไรหรอก” สำนึกเหล่านี้เองที่เป็นตัวการก่อขยะกองโตดังเช่นที่ปรากฏในวันนี้

ไม่ต่างกับกระบวนการก่อกิเลสภายใน เดิมทีใจคนก็คงเหมือนสำนักงานที่สะอาดว่างเปล่า แต่ก็เพราะเผลอคิด เผลอวางใจไว้ผิด เผลอพูด ทำอย่างไม่สำรวมระวังในเรื่องเล็กๆ สะสมความยึดติดทีละน้อย (แต่บ่อย) นานวันเข้า ความเศร้าหมองก็สั่งสมกลายเป็นกิเลสก้อนใหญ่ กลายเป็นร่องแห่งความคุ้นชินที่มักชวนให้ตกไปสู่ความอยาก ความโกรธ ความกลัว

“ปล่อยไว้แป๊บเดียว คงไม่เป็นไรหรอก” สำนึกเหล่านี้เป็นตัวการก่อขยะกองโต เช่นเดียวกับการเผลอคิด พูด ทำอย่างไม่ระวังทีละน้อย นานวันเข้าก็สั่งสมเป็นกิเลสก้อนใหญ่

ยังโชคดีที่สำนักงานยังมีกิจกรรมทำความสะอาดใหญ่ในทุกครั้งที่พวกเราชักจะทนไม่ไหว แต่สำหรับจิตใจที่แบกอาสวะกองใหญ่ไว้ล่ะ เราเคยรู้สึกตะหงิดๆ บ้างไหมว่าตอนนี้จิตใจชักจะเริ่มรก มันน่านักที่จะทำบิ๊กคลีนนิ่งกันสักครั้งสองครั้ง

ผมเคยเห็นผู้ใหญ่ คนแก่ หรือแม้แต่คนหนุ่มสาวบางคน ที่มีพฤติกรรมที่น่าเป็นห่วง คือ อยากสุดโต่ง โกรธสุดเหวี่ยง หวาดระแวงง่ายเกินจะปลอบให้หาย พฤติกรรมเหล่านั้นคงมีสาเหตุเพราะเหตุการณ์ในแง่ลบ การวางใจในแง่ร้าย ที่ค่อยๆ ตกตะกอนเป็นสิ่งมัวหมอง นอนเนื่องในจิตใจ

ผมรู้สึกเสียดายที่เขาเหล่านั้นอาจไม่เคย หรือไม่ค่อยมีโอกาสทำกิจกรรมชำระใจสักเท่าใด ไม่ว่าจะด้วยการฝึกสติเจริญสมาธิ อบรมภาวนาจิต ขูดเกลาความรกเลอะทางวิญญาณออก บ้างก็ให้เหตุผลว่า ไม่ว่าง ไม่มีเวลา ขี้เกียจ เรื่องอื่นสำคัญกว่า เป็นข้ออ้างแบบเดียวกับที่ทำให้สำนักงานรกนั่นแหละ ท่านคงทราบดีว่าเหตุผลเหล่านี้ทำร้ายจิตใจในระยะยาว

การทำความสะอาดด้วยกันให้บทเรียนผมว่า ไม่ว่าจะชำระสำนักงานก็ดี สะสางใจก็ดี ล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยแรงกายแรงใจ อาศัยฉันทะรักในความสะอาด อาศัยพลังกลุ่มเร้ากำลังใจ อาศัยความพากเพียรไม่ย่อท้อ อาศัยสติปัญญาในการแยกสิ่งที่เป็นขยะออกจากสิ่งที่ประโยชน์ อาศัยความจดจ่อต่อเนื่องในกิจกรรมแห่งการชำระด้วยกันทั้งนั้น

แต่เชื่อได้อย่างหนึ่งว่า ผลจากการทำบิ๊กคลีนนิ่งนั้นคุ้มค่า เราจะได้สิ่งที่สดใหม่เอี่ยมอ่อง ได้สิ่งที่น่าอยู่ น่าใช้งาน กลับคืนมา

ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสำนักงาน หรือจิตใจของเราทุกคน

เอกภพ สิทธิวรรณธนะ

ผู้เขียน: เอกภพ สิทธิวรรณธนะ

Backstage writer, Urban sketcher