เธอกับฉัน: สัมพันธภาพกับอิสรภาพ

ชัยยศ จิรพฤกษ์ภิญโญ 25 มกราคม 2015

สมศรีเป็นหญิงสาวหน้าตาดี มีอาชีพการงานเป็นที่เคารพนับถือ เธอสมควรที่จะมีความสุข แต่การยึดติดกับอะไรบางอย่างก็ทำให้เธอดูไม่มีความสุขเท่าที่ควร  สิ่งนั้นคือ ความโหยหาในสัมพันธภาพ  เธอใช้ชีวิตกับเพื่อนชายในฐานะคู่ชีวิตโดยไม่ได้มีการจดทะเบียนสมรสหรือการแต่งงาน เธอต้องการสัมพันธภาพที่มั่นคง อบอุ่น ใส่ใจและดูแล แต่เธอก็พบว่าเธอมิอาจเรียกร้องอะไรได้มากนัก  เธอมีความสุขยามเมื่อเพื่อนชายอยู่ใกล้ด้วย ใช้เวลาใช้ชีวิตร่วมด้วย และเธอก็ทุกข์ใจรู้สึกไม่มั่นคง เมื่อเธอพบว่าเพื่อนชายคนนี้ติดธุระการงาน หรือไม่ได้ใส่ใจเธอเท่าที่คาดหวัง เธอพบว่าเธอไม่มีอิสรภาพเลย สุขทุกข์ของเธอ เหตุใดจึงขึ้นกับเพื่อนชายคนนี้  ปัญหาของเธอคืออะไรกันแน่

สมชายเป็นหนุ่มโสดที่มีการงานมั่นคง สนุกสนานกับชีวิตและมีภาพฝันมากมายหากว่าวัยเกษียณของเขามาถึง แต่เมื่อเวลาผ่านไปเพียง ๓-๔ เดือน เขาพบว่าไม่ง่ายเลยกับการดูแลจิตใจ ชีวิต และการจัดการเวลาที่ดูมีมากมาย ยังไม่รวมถึงภาวะที่แตกต่างมากมายระหว่างการมีอำนาจหน้าที่จากบทบาทการงานที่เคยมี กับภาวะที่เป็นคนธรรมดา ไม่มีอำนาจหรือตำแหน่งบทบาทอีกต่อไป เป็นเพียงคนธรรมดาที่มีรายได้จากเงินบำนาญ  สมชายมีอิสรภาพมากมาย แต่ไม่มีบทบาทตำแหน่ง ไม่มีใครสนใจแบบที่เคยได้รับจากเมื่อก่อน  เขาจะรับมือกับอิสรภาพที่มากมายนี้อย่างไรดี

หลายท่านคงมีประสบการณ์ขี่จักรยาน ช่วงเวลาที่เราประคองตัวบนยานพาหนะ ๒ ล้อ และเท้าถีบบันไดรถจักรยานเพื่อพุ่งตัวไปข้างหน้า ประสบการณ์ที่สัมผัสได้คือ อิสรภาพ  การขี่จักรยานให้ความรู้สึกแตกต่างจากการเดินและการวิ่งที่เราคุ้นเคย เราได้สัมผัสกับประสบการณ์ความเร็ว สายลมที่ปะทะร่างกาย และเราก็รู้ด้วยว่า เราสามารถควบคุมจังหวะความเร็วของการขับขี่ด้วยตัวเราเองได้

สิ่งนี้ให้ความรู้สึกที่ดีมาก เพราะหมายถึงเราควบคุมชีวิตของเราเองได้ เรามีอิสรภาพและเราก็มีสัมพันธภาพด้วย แต่มันเป็นสัมพันธภาพที่เราเชื่อมโยงกับตนเอง กับความรู้สึกในปัจจุบันและความเป็นไปในขณะนั้นๆ  การขับขี่จักรยานเป็นทักษะที่ต้องอาศัยการฝึกฝน เราจะประคองตัวอย่างไรที่จะพุ่งไปข้างหน้า เท้าเคลื่อนไหวพอดีกับสมดุลของการทรงตัว ความเร็วที่ต้องการ และทิศทางรถที่ต้องการไป  ทักษะเหล่านี้ต้องอาศัยการลองผิดลองถูก อาจจะหมายถึงการล้มลุกคลุกคลาน หกล้มบาดเจ็บ  วิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงคือ ขอให้พ่อแม่หรือใครก็ได้ที่ยอมเหนื่อยช่วยประคองจักรยานให้เราขณะฝึกหัดขี่จักรยาน เด็กหลายคนมุ่งมั่นฝึกฝนถีบจักรยานไปข้างหน้า แต่ก็ต้องการมั่นใจว่ามีพ่อแม่คอยประคองหลัง รับประกันความปลอดภัยให้พวกเขา

การขี่จักรยานจึงเป็นประสบการณ์ที่มีเส้นแบ่งชัดเจนระหว่างความเป็นอิสระ กับสัมพันธภาพ  ความเป็นอิสรภาพจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อพ่อแม่ยอมปล่อยมือให้เราได้เข้ามาควบคุมจักรยานด้วยตัวเอง และหมายถึงการพร้อมรับความเสี่ยงว่า เราอาจจะต้องหกล้มเจ็บตัวเพราะควบคุมจักรยานเองไม่ได้  ดังนั้นหากเรากลัวเจ็บ กลัวความเสี่ยง เราก็จะไม่มีโอกาสได้เรียนรู้และเติบโตต่อไป และหมายถึงว่าจริงๆ เราพอใจที่จะอยู่ภายใต้การปกป้องคุ้มครองของพ่อแม่ ของสิ่งที่เราคุ้นเคยมั่นคง  เด็กๆ จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็ต่อเมื่อสามารถและกล้ารับผิดชอบตนเอง กล้าที่จะมีอิสรภาพของตนเอง

หลายคนโหยหาสัมพันธภาพ สัมพันธภาพช่วยให้เราไม่ต้องพบกับความรู้สึกโดดเดี่ยวลำพัง เหงา ว้าเหว่  สัมพันธภาพทำให้เราได้เข้าถึงความรัก ความผูกพัน  แต่สิ่งที่ต้องแลกคือ อิสรภาพ  อิสรภาพทำให้เรามีสิทธิกำหนดชีวิต ความคิด ความรู้สึก และการกระทำว่าเราต้องการอะไร สามารถเดินตามความฝัน ความปรารถนาของเราเอง มันให้เสรีภาพในการเลือก ซึ่งหมายถึงการต้องรับผิดชอบตนเอง การลองผิด ลองถูก และรับผิดชอบต่อสิ่งที่เลือก

หากกลัวการบาดเจ็บ เราจะไม่มีโอกาสได้เรียนรู้และเติบโต ซึ่งหมายถึงว่า เราพอใจจะอยู่ภายใต้การคุ้มครองของสิ่งที่เราคุ้นเคยมั่นคง

สำหรับสมศรี การยึดติดกับสัมพันธภาพทำให้สมศรีไม่มีโอกาสได้ลิ้มลองรสชาติของอิสรภาพ ความไม่เชื่อในความสามารถที่จะดูแลตนเอง ความไม่วางใจตนเองในความสามารถที่จะอยู่เพียงลำพังและดูแลสุขทุกข์ของตนเองด้วยตนเอง ทำให้สมศรีมีชีวิตที่เหมือนถูกขังกับสัมพันธภาพที่ยึดโยงใจของสมศรี  หากเปรียบเทียบกับการขับขี่จักรยาน เราอาจสรุปได้ว่า สมศรีเลือกที่จะไม่ขับขี่จักรยานด้วยตนเอง

ขณะที่สมชายต้องเผชิญกับโจทย์ที่ต่างออกไป ชีวิตหลังเกษียณทำให้สมชายมีอิสรภาพจากหน้าที่การงาน ตำแหน่งบทบาท รวมถึงอำนาจและความสำคัญที่เคยมี  อิสรภาพนี้จึงเป็นทั้งการสูญเสียอะไรบางอย่าง และเป็นการได้มาซึ่งอะไรบางอย่าง  อิสรภาพจึงหมายถึง การเป็นอิสระจากอะไรบางอย่าง เพื่อไปทำอะไรบางอย่างด้วย เพราะแท้จริงสัมพันธภาพคือส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา  โจทย์ของสมชายจึงเป็นการใช้อิสรภาพที่มีอยู่ในวัยพ้นเกษียณนี้ว่า จะมุ่งหมายเพื่ออะไรต่อไป

เราทุกคนต้องการสัมพันธภาพของการโอบอุ้มดูแล ความมั่นใจในความคุ้นเคย  ทุกอย่างต่างมีกาลเวลากำกับอยู่  วันหนึ่งตัวอ่อนในท้องแม่ก็จะต้องถือกำเนิดออกมา เด็กน้อยก็จะต้องเป็นผู้ใหญ่ และวันหนึ่งเราที่มีชีวิตก็ต้องลาจากไป  การเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะก็หมายถึงการสิ้นสุดของภาวะเด็กน้อย พร้อมกับการมีความเข้าใจในชีวิตแบบผู้ใหญ่ที่ไม่ใช่แบบเด็กๆ  ชีวิตเราทุกคนจึงเหมือนการขับขี่จักรยาน อาศัยศิลปะการประคองตัว และทำงานไปมาระหว่างอิสรภาพกับสัมพันธภาพ

ชัยยศ จิรพฤกษ์ภิญโญ

ผู้เขียน: ชัยยศ จิรพฤกษ์ภิญโญ

นอกเหนือจากบทบาทนักเขียนประจำคอลัมน์ งานสำคัญ คือ กระบวนกร นักจิตปรึกษา, enneagram coach สนใจและรักที่จะทำงานด้านการทำงานเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงกับโลกภายในผ่านทักษะ ประสบการณ์เรียนรู้ทั้งงานอบรม การทำจิตปรึกษา และงานเขียน