เพชรในหัวคางคกจากกรณีคลื่นยักษ์

ปรีดา เรืองวิชาธร 5 กุมภาพันธ์ 2005

ผู้ที่ประสบทุกข์ภัยจากคลื่นยักษ์ถล่มคงมีกำลังใจดีขึ้นไม่น้อยเลย ที่ต่างได้รับสัมผัสโอบกอดแห่งรักจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน มันเป็นสัมผัสที่แสนอบอุ่นและมีพลัง ซึ่งน่าจะบรรเทาทุกข์โศกให้คลายลงได้บ้าง ก็เพราะทุกคนได้เห็นพลังการทุ่มเทช่วยเหลือชนิดที่ก้าวพ้นกำแพงหรือพรมแดนใดๆ ที่เคยเป็นอุปสรรคปิดกั้นความรักของมนุษย์ที่พึงมีต่อกัน ก็เพราะภาพของความสูญเสียปรากฏอยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจนปราศจากความเคลือบแคลงนี้เอง ที่ทำให้ความรักในใจของเราหลั่งไหลออกมาได้อย่างวิเศษสุด

ห้วงเวลาที่เราต่างร่วมเผชิญอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายด้วยกัน โดยไม่มีการปลุกปั่นบิดเบือนความเป็นจริงใดๆ ย่อมง่ายที่จะทำให้มนุษย์รักและเห็นอกเห็นใจกันแทนที่จะใช้กำลังเข่นฆ่าให้ร้ายกันดังหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา สิ่งใดที่เคยบาดหมางขัดแย้งกันก็ถูกก้าวข้ามได้จากการร่วมเผชิญความทุกข์อย่างเป็นหนึ่งเดียว ดังรัฐบาลอินโดนีเซียกับชนกลุ่มน้อยในจังหวัดอะเจ่ห์ที่จับมือต่อสู้กับทุกข์ภัยครั้งนี้ด้วยกัน เป็นต้น

แต่หลังจากเหตุการณ์นี้ ทำอย่างไรหนอสังคมต่างๆ ในโลกใบนี้ไม่เฉพาะที่บ้านเราจึงจะมีบรรยากาศกลิ่นไอแห่งรักและสันติได้อย่างต่อเนื่องและกระจายไปทั่วทุกภูมิภาค ไม่หยุดอยู่เพียงแค่เหตุการณ์ร้ายแรงนี้เท่านั้น หลายคนคงเฝ้าฝันอยากเห็นภาพเช่นนี้ปรากฏแทนภาพของการจับอาวุธเข้าประหัตประหารกัน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม

ดังนั้นหากเราทุกคนโดยเฉพาะผู้มีอำนาจทั้งหลายได้สัมผัสรับรู้ถึงการเจ็บปวดและสูญเสียของคนอื่นอย่างซื่อตรง ได้เห็นคนกำลังล้มลงอย่างช้าๆ ด้วยใจที่เปิดรับรู้อย่างเต็มที่นั้น ย่อมเป็นปัจจัยช่วยให้สำนึกแห่งรักในเพื่อนมนุษย์ด้วยกันกระเพื่อมและเอ่อล้นออกมาภายนอกได้ เราคงไม่ด่วนตัดสินใจใช้ความรุนแรงกระทำกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอย่างง่ายดาย ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม มีเชื้อชาติหรือถือศาสนาอื่นใดก็ตาม แต่กลับจะยับยั้งชั่งใจเพื่อแสวงหาหนทางคลี่คลายปัญหาขัดแย้งด้วยวิธีอื่น

ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้น การกะเทาะเปลือกเมล็ดพันธุ์แห่งความรักให้งอกงามในใจจึงเป็นสิ่งที่ทำได้และสมควรที่จะทำ เพราะเราทุกคนต่างมีเมล็ดพันธุ์แห่งความรัก ความเห็นอกเห็นใจอยู่ภายในอยู่แล้ว เพียงแต่เราไม่มีโอกาสมากพอที่จะรดน้ำพรวนดินให้เมล็ดพันธุ์แห่งรักนั้นงอกงามออกมาจากใจได้ และทุกวี่วันเราต่างก็ถูกปัจจัยต่างๆ ห้อมล้อม บิดเบือน และโหมกระพือไม่ให้รับรู้เหตุการณ์ต่างๆ ตามที่เป็นจริง โลกของความจริงที่เราเชื่อจึงอาจไม่จริงตามที่มันเป็นก็ได้ และนั่นเป็นที่มาของการเกลียดชัง ตีตรา แบ่งฝักแบ่งฝ่าย และทำร้ายทำลายกันเต็มไปหมด ดังกรณีเหตุการณ์ความรุนแรงใน ๓ จังหวัดภาคใต้ เป็นต้น

เมื่อหันกลับมามองการยื่นมือช่วยเหลือในเหตุการณ์คลื่นยักษ์ถล่มแล้ว มีใครบ้างไหมที่จะถามก่อนช่วยเหลือว่า คุณเป็นคนดี เป็นคนไทย เป็นคนพุทธ ฯลฯ หรือไม่ เชื่อว่าคงไม่มีอย่างนั้น สิ่งที่เห็นมีแต่ภาพของการช่วยเหลือกันสุดเรี่ยวแรงที่มีอยู่ ดังนั้นภาพอันประทับใจนี้ได้ตอกย้ำยืนยันอย่างดีว่า มนุษย์เราไม่ได้จงเกลียดจงชังกันเสียทั้งหมด เราพร้อมที่จะแสดงความรัก ความเห็นอกเห็นใจและให้อภัยกันได้ ถ้าจัดปรับเหตุปัจจัยให้ดีและเพียงพอ แม้ผู้มีอำนาจล้นฟ้าในมือหรือผู้มีชีวิตอยู่กับการฆ่าฟันอยู่กับความรุนแรงมาตลอด ก็ย่อมมีบางเวลาบางสถานการณ์ที่เมล็ดพันธุ์แห่งรักและสันติภายในตัวของเขาปรากฏตัวออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ดังกรณีของพระเจ้าอโศกมหาราชที่เดิมชีวิตทำแต่สงคราม อยู่กับการประหัตประหารมนุษย์มามากมายนับไม่ถ้วน แต่แล้ววันหนึ่งก็สลดใจที่ได้เห็นกองเลือดและการสูญเสียอันมากมายของมนุษย์จนกลับใจเลิกทำสงครามในที่สุด ดังนั้นประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ว่า เราทั้งหลายจะสร้างสรรค์เงื่อนไขปัจจัยที่จะกะเทาะเปลือกเมล็ดพันธุ์แห่งรักและสันติในใจมนุษย์ได้อย่างไร

เราทุกคนต่างมีเมล็ดพันธุ์แห่งความรัก ความเห็นอกเห็นใจอยู่ภายใน เพียงแต่เราไม่มีโอกาสมากพอที่จะรดน้ำพรวนดินให้เมล็ดพันธุ์นั้นงอกงามออกมาจากใจได้

ความเจ็บปวดสูญเสียใหญ่หลวงครั้งนี้ได้ให้บทเรียนที่ควรแก่การไตร่ตรองมากมายหลายประการ สิ่งหนึ่งที่เชื่อได้สนิทใจว่า เราทุกคนคงไม่ต้องการเห็นพลังแห่งความรักยุติสิ้นสุดไปพร้อมกันเหตุการณ์นี้เท่านั้น คงอยากเห็นมันงอกงามแผ่ขยายไปทุกสถานการณ์ทุกพื้นที่และทุกเวลา

แต่ฝันนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากเราทุกคนไม่ร่วมมือกัน โดยเริ่มต้นได้ทันทีตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ในช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟูชีวิตและจิตใจของผู้ประสบภัยถือเป็นโอกาสดีที่จะทำให้เมล็ดพันธุ์แห่งรักและสันติได้เติบโตงอกงาม หากเราคิดจะช่วยเหลือสิ่งใดทั้งวัตถุปัจจัย ๔ หรือการเกื้อกูลด้านกำลังใจก็ไม่ควรรอช้า ขณะที่ทุ่มเทช่วยเหลือผู้อื่นก็อย่าลืมสัมผัสรับรู้ความสุขหรือรอยยิ้มของเขารวมถึงสัมผัสรับรู้ถึงความอิ่มเอมใจที่เราได้ทำอะไรเพื่อคนอื่นอย่างบริสุทธิ์ใจ แม้ว่าร่างกายจะเหน็ดเหนื่อยเพียงใดแต่ใจที่เอิบอิ่มเราย่อมสัมผัสได้

มากไปกว่านั้นแต่ละคนควรแสวงหาวิธีการหล่อเลี้ยงจิตใจและการแสดงออกแบบนั้นให้เกิดขึ้นกับเหตุการณ์อื่นๆ ในชีวิตประจำวัน พร้อมกับฝึกฝนสำนึกแห่งรักและสันติด้วยการแสดงออกกับคนที่เรารักหรือแม้กับคนที่เราเกลียด โดยหมั่นสังเกตให้ดีว่า มีเหตุปัจจัยหรือสถานการณ์อะไรบ้างหนอที่ทำให้เมล็ดพันธุ์แห่งรักและสันติของเราเกิดขึ้นได้ง่าย เมื่อพบแล้วก็หมั่นสร้างสรรค์เหตุปัจจัยนั้นขึ้นมา ในทางตรงข้ามอาจพบว่ามีเหตุปัจจัยอะไรบ้างที่ปิดกั้นเมล็ดพันธุ์แห่งรักและสันติ ก็ควรหมั่นหลีกเลี่ยงหรือเลิกละเหตุปัจจัยนั้นเสีย

ในทางสังคม หากเราได้ยินได้เห็นการใช้ความรุนแรงเข้าทำร้ายทำลายกัน ก็ควรมีสติยับยั้งชั่งใจก่อนที่จะเข้าไปส่งเสริมหรือแม้แต่เกิดความสะใจยินดีที่มีการประหัตประหารกัน หมั่นไตร่ตรองกับสิ่งที่ได้เห็นได้ยินอย่างถี่ถ้วนก่อนว่า เหตุการณ์นั้นข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร เกิดขึ้นได้อย่างไร มีวิธีการอื่นอีกไหมที่ดีกว่าใช้ความรุนแรง และจะร่วมมือกันอย่างไรเพื่อยุติการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบและทุกระดับ

หากพิจารณาแล้วจิตใจเรายังคงเต็มไปด้วยความรุนแรง ก็ควรย้อนระลึกถึงเหตุการณ์ที่เราเคยได้ยื่นมือช่วยเหลือในเหตุการณ์คลื่นยักษ์ถล่ม การหมั่นระลึกนึกถึงสิ่งดีงามภายในย่อมช่วยให้เมล็ดพันธุ์ด้านร้าย เช่น ความโกรธเกลียดบรรเทาเบาบางลงได้บ้าง ด้วยเหตุนี้เองเหตุการณ์คลื่นยักษ์ถล่มก็จะไม่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างสูญเปล่าเสียทีเดียว แต่จะเป็นเสมือนเพชรในหัวคางคกที่ท่านพุทธทาสภิกขุอุปมาไว้ว่า สิ่งที่ประเสริฐนั้นสามารถหาได้จากสิ่งที่แสนน่าเกลียดหรือจากทุกข์อันมหาศาลนี้เองแหละ


ภาพประกอบ

ปรีดา เรืองวิชาธร

ผู้เขียน: ปรีดา เรืองวิชาธร

สนใจและศึกษาเรื่องการเรียนรู้แนวจิตวิญญาณและกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม โดยเป็นกระบวนกรให้กับเสมสิกขาลัยนับแต่ปี 2546 จนถึงปัจจุบัน