เราทุกคน คือ ผู้นำ

ชัยยศ จิรพฤกษ์ภิญโญ 17 กุมภาพันธ์ 2008

ภาวะผู้นำ คือคุณสมบัติและการกระทำที่มีอยู่ในเราทุกคน  เราสามารถค้นพบ เรียนรู้ พัฒนาและสร้างสรรค์ในตัวเราได้  กีฬาที่เล่นเป็นทีม ซึ่งผู้เขียนขอยกตัวอย่างกีฬาที่พอมีประสบการณ์ คือ วอลเล่ย์บอล เป็นภาพสะท้อนที่เราสามารถเรียนรู้ในเรื่องนี้ได้  ขอพวกเราลองย้อนระลึกประสบการณ์เวลาที่เราเล่นกีฬาเช่นนี้  ณ ขณะนั้น ความคิดนึก ความรู้สึกและการกระทำของเรา มันเป็นอย่างไร เรามีปฏิสัมพันธ์และท่าทีต่อเพื่อนร่วมทีมอย่างไร ความมุ่งมั่นต่อชัยชนะมีผลต่อพลังในตัวเราและของทีมงานอย่างไรบ้าง

ไม่ว่าเราจะเป็นนักกีฬาหรือไม่ก็ตาม กีฬาที่เล่นเป็นทีมให้ประสบการณ์ที่น่าสนใจหลายประการ ในกีฬาวอลเล่ย์บอล พวกเราจะต้องช่วยกันรับ ตั้งลูก ตบ ส่ง เสริฟ หยอด หรือป้องกันเพื่อตอบโต้ให้ลูกบอลตกไปยังฝั่งตรงข้ามและทำให้อีกฝ่ายรับลูกบอลไม่ได้  พร้อมกับพวกเราในทีมเดียวกันก็ต้องช่วยกันรับ ป้องกันเพื่อรับลูกบอลที่มาจากฝั่งตรงข้าม  พวกเราไม่สามารถทอดทิ้งหรือดูดายเพื่อนร่วมทีมคนใดได้ พร้อมกับต้องวางใจในตัวเพื่อน ไม่แย่งชิง ไม่ก้าวก่าย

หัวใจสำคัญของกีฬาที่เล่นเป็นทีม คือการร่วมกันทำงานเป็นทีม ในการนี้สิ่งสำคัญ คือ ๑) การพึ่งพาและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน  ๒) การไม่แบ่งแยก การไม่แบ่งพรรค แบ่งพวกในทีมเดียวกัน  ๓) การรู้จังหวะเวลา  ๔) การรู้และรับผิดชอบในตำแหน่งบทบาท ที่ยืน ฐานะของตนเอง  ๕) การไม่ก้าวก่าย และไม่ดูดาย ทอดทิ้งใคร  ๖) การมีจิตสำนึกของหมู่คณะว่า เราคือทั้งหมด และทั้งหมดคือเรา

ประเด็นนี้มีความหมายอะไรกับตัวเรา ยามที่เราเผชิญเรื่องราวที่ไม่ถูกต้อง ไม่ยุติธรรม แม้ความรู้สึกลึกๆ หรือมโนธรรมสำนึกจะบอกเราว่า เราไม่ควรนิ่งดูดาย หรือวางเฉย  แต่อีกเสียงหนึ่งในตัวเราก็บอกเราว่า “ช่างมัน” “ธุระไม่ใช่” “อย่าไปยุ่ง เสียเวลา เสียพลัง เปลืองตัว” “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้อื่นดีกว่า” นี่คือ ความเข้าใจผิดในเรื่องความเป็นผู้นำ  ความเป็นผู้นำไม่ใช่การต้องมีบทบาท ตำแหน่ง หรือการแต่งตั้งจากใคร  สิ่งนี้ไม่ได้ขึ้นกับบทบาท ตำแหน่ง ไม่ได้ขึ้นกับวัยวุฒิ  แท้จริง ผู้นำ หมายถึง ความสามารถในการทำสิ่งที่ถูกต้อง ด้วยวิธีการที่ถูกต้อง เพื่อเป้าหมายอันถูกต้อง และในจังหวะเวลาที่ถูกต้องด้วย

ในการเล่นวอลเล่ย์บอล ผู้เล่นทุกคนต้องมีความเป็นผู้นำในตัว นั่นคือ การรู้จักพึ่งพาช่วยเหลือกัน ไม่ทอดทิ้งหรือดูดายใคร  ความสามารถของผู้เล่นแต่ละคนแสดงออกได้ ต้องอาศัยเพื่อนร่วมทีมสนับสนุนหรือหยิบยื่นให้  และชัยชนะของทีมก็ไม่อาจพึ่งพาเพียงใครบางคน แต่ขึ้นกับความเป็นทีม

ในขณะที่ใครก็ตามในทีมกำลังทำบทบาทหน้าที่ของตนเอง มันหมายถึง ผู้นั้นกำลังทำบทบาทหน้าที่ในนามของหมู่คณะด้วย ความเป็นหมู่คณะอยู่ในทุกจังหวะการเล่น การทำบทบาทของตนเอง ไม่ว่าเราจะอยู่ในอาชีพหรือสถานภาพอะไรก็ตาม  ความเป็นหมู่คณะอยู่ในความเป็นปัจเจกบุคคลด้วย เราทุกคนต่างมีสายสัมพันธ์ที่ยึดโยงความเป็นหนึ่งเดียว ความเป็นหมู่คณะร่วมกัน  จิตสำนึกของหมู่คณะ หรือ “จิตใหญ่” เป็นสิ่งสำคัญของเรา  หากมีใครสักคนคิดนึกแต่ตนเอง ไม่ได้ใส่ใจ ไม่เห็นความสำคัญของหมู่คณะ ภาวะจิตใจที่คิดแต่ตนเอง ลักษณะนี้ย่อมกระทบต่อหมู่คณะ  ท้ายที่สุดก็จะนำไปสู่ความพ่ายแพ้ ความล่มสลายบางอย่าง  ในแง่กีฬา ผลลัพธ์อาจมีเพียงการแพ้-ชนะ  แต่ในแง่ของชีวิต ภาวะไร้ความเป็นผู้นำ ย่อมทำให้สังคมเกิดความแตกร้าว ทอดทิ้ง เห็นแก่ตัว และก่อความรุนแรงต่อกันในที่สุด

ชีวิตเราทุกคน อาจเปรียบเทียบได้กับการเล่นกีฬาเป็นทีม  จะโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม เราต่างอยู่ในทีม ในหมู่คณะที่มีชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น ครอบครัว เครือญาติ เพื่อน องค์กร หมู่บ้าน ชุมชน ฯลฯ  แต่ละหมู่คณะกำเนิดขึ้นภายใต้บทบาทหน้าที่และสำนึกความรับผิดชอบแตกต่างกันไป  สิ่งเหล่านี้จะมีบทบาทและตระหนักรู้ได้ง่ายในเวลาที่เกิดปัญหา ภัยพิบัติ หรือความไม่ปกติเกิดขึ้น ดังเช่น เหตุการณ์สึนามิที่พวกเราสามารถรวมพลังเพื่อช่วยเหลือกันได้ ในยามนี้ภาวะผู้นำเกิดขึ้น และพวกเราต่างช่วยกันสร้าง เพื่อการอยู่ร่วมและนำพาหมู่คณะให้ก้าวข้ามโมงยามแห่งอุปสรรค ปัญหาที่รุมเร้า ยามนี้เองเราต่างมีสำนึกที่ร่วมกัน ช่วยเหลือกัน ไม่แบ่งแยก  สำนึกของความรับผิดชอบไม่ได้จำกัดเพียงแค่เรื่องของตัวกูอีกต่อไป แต่คือเรื่องราวหรือกิจธุระของพวกเราทุกคน ไม่ใช่เรื่องของคนอื่น

‘ผู้นำ’ หมายถึง ความสามารถในการทำสิ่งที่ถูกต้อง ด้วยวิธีการที่ถูกต้อง เพื่อเป้าหมายอันถูกต้อง และในจังหวะเวลาที่ถูกต้อง

แต่เพราะพวกเราบางคนอาจไม่ได้คิดนึกหรือมีจิตสำนึกอย่างเดียวกัน นี่เองที่ภาวะผู้นำต้องการบทบาทอื่นๆ ที่มากขึ้น ดังเช่น  ๑) การนำพาให้เพื่อนร่วมหมู่คณะได้ตื่นรู้และตระหนักถึงความไม่ปกติบางอย่างที่พวกเราบางคนอาจมองข้ามไป  ๒) การได้ร่วมด้วยช่วยกันเพื่อค้นหาที่มาที่ไป ทำความเข้าใจในสายสัมพันธ์ของเรื่องราวความไม่ปกติเพื่อช่วยกันแก้ไข  ๓) การนำพาสิ่งที่ได้ช่วยกันคิดนึก ไปสู่การปฏิบัติ การกระทำ  และทั้งหมดนี้ต้องการสิ่งสำคัญ คือ ๔) การรู้จักศักยภาพของตนเอง อันหมายถึงการรู้จักตนเอง ในศักยภาพ ความสามารถ และจุดอ่อนด้อยของตนเอง

ความเป็นผู้นำ มีอยู่ในเราทุกคน มันเป็นสิ่งที่ทำงานและเกิดขึ้นได้ยามที่ภาวะแวดล้อมเรียกร้อง  แต่สำหรับเราทุกคนผู้ใฝ่ใจในความก้าวหน้าทางจิตใจ จิตวิญญาณ และต้องการสร้างสรรค์คุณงามความดีให้กับสังคมของเรา ความเป็นผู้นำเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ สร้างสรรค์ และพัฒนาเพื่อให้มีอยู่ในตัวเราอย่างเข้มแข็ง  ความเป็นผู้นำเช่นนี้มาจากการสร้างสรรค์ของเรา ไม่ใช่มาจากการแต่งตั้งหรือมอบหมายจากใคร

จากนั้นก็ขอให้รื่นรมย์กับเกมชีวิต ด้วยความเป็นผู้นำที่มีอยู่ในตัวเรา ได้สนุกและได้สร้างสรรค์สิ่งที่ดีต่อไป


ภาพประกอบ

ชัยยศ จิรพฤกษ์ภิญโญ

ผู้เขียน: ชัยยศ จิรพฤกษ์ภิญโญ

นอกเหนือจากบทบาทนักเขียนประจำคอลัมน์ งานสำคัญ คือ กระบวนกร นักจิตปรึกษา, enneagram coach สนใจและรักที่จะทำงานด้านการทำงานเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงกับโลกภายในผ่านทักษะ ประสบการณ์เรียนรู้ทั้งงานอบรม การทำจิตปรึกษา และงานเขียน