Error message

  • Deprecated function: Methods with the same name as their class will not be constructors in a future version of PHP; views_display has a deprecated constructor in require_once() (line 3066 of /home/budnetorg/domains/budnet.org/public_html/sunset/includes/bootstrap.inc).
  • Deprecated function: The each() function is deprecated. This message will be suppressed on further calls in menu_set_active_trail() (line 2385 of /home/budnetorg/domains/budnet.org/public_html/sunset/includes/menu.inc).

สารพัดวิธีธรรมชาติต้านหวัด

-A +A

          ไข้หวัดเป็นอาการเจ็บป่วยพื้นฐานที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย ไม่เลือกฤดูกาล เป็นแล้วก็เป็นซ้ำได้อีก แถมปัจจุบันนี้ด้วยสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนบางวันมี ๓ ฤดู อากาศก็เต็มไปด้วยมลพิษ รวมไปถึงการใช้ชีวิตอยู่ในห้องแอร์เกือบตลอดเวลา ทำให้เมื่อเป็นหวัดแต่ละทีจะหายยาก ต้องกินยาบรรเทาอาการอยู่นาน บางคนเป็นหวัดกินยาเป็นเดือนก็ยังไม่หาย ซึ่งการกินยาเคมีมากๆ นานๆ อาจทำให้เกิดการดื้อยาและสารพิษสะสมในตับได้ ฉบับนี้จึงอยากเสนอทางเลือกในการบรรเทาอาการเป็นไข้หวัด คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอ ปวดศีรษะ ด้วยวิธีธรรมชาติล้วนๆ โดยแต่ละอาการอาจมีหลายวิธีจากหลายแนวคิดที่สามารถทำได้ ลองเลือกสักวิธีหรือทดลองทำแล้วสังเกตว่าร่างกายเราเหมาะหรือถูกกับวิธีใดที่ช่วยบรรเทาอาการได้ดีที่สุดก็ใช้วิธีนั้น ดังนี้ค่ะ

 

เป็นไข้ 

  • วิธีที่คุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็กคือเมื่อเป็นไข้ให้เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นโดยเช็ดย้อนรูขุมขนจะช่วยให้รูขุมขนเปิดและความร้อนระบายออกได้ง่าย เช็ดจากปลายมือเข้าหารักแร้ ปลายเท้าเข้าหาโคนขาหนีบ ส่วนลำตัวให้เช็ดเข้าสู่หัวใจ ผู้เขียนเคยอ่านพบคำแนะนำให้เฉือนมะนาว ๑ ผล ใต้น้ำที่จะใช้เช็ดตัวแล้วบีบเพื่อให้น้ำมันหอมระเหยที่เปลือกมะนาวและน้ำมะนาวออกมาผสมกับน้ำ เพื่อนอีกคนใช้น้ำคั้นใบย่านางซึ่งมีฤทธิ์เย็นผสมกับน้ำที่จะเช็ดตัว จะช่วยลดไข้ได้ดีขึ้น อย่าลืมโปะผ้าที่บริเวณจุดชีพจร เช่น หน้าผาก คอ ข้อพับมือ แขน ขา เพื่อช่วยลดความร้อนสะสมอีกทางหนึ่งด้วย
  • แม่อู่หรือคุณชัญญา เศรษฐบุตร วิทยากรคอร์สธรรมชาติบำบัด เสถียรธรรมสถาน แนะนำว่าเมื่อเป็นไข้ควรรีบช่วยเหลือร่างกายทันทีโดยการอดอาหารและเลี้ยงไข้ไว้ ไม่ต้องอาบน้ำ ให้เช็ดตัวเฉพาะจุดชีพจร และคั้นน้ำใบย่านางกิน ใช้ใบย่านางสดสัก ๑๐-๑๕ ใบ คั้นให้เกิดเมือกแล้วแยกกากออก ซึ่งเมือกนี้คือตัวยา ถ้าไม่มีเมือกจะได้แต่คลอโรฟิลด์ จากนั้นเติมน้ำเข้าไปอีกเท่าตัวอย่าให้ข้นหรือจางเกินไป ดื่มบ่อยๆ ไข้จะค่อยๆ ลง
  • ดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำอุณหภูมิปกติให้ได้วันละ ๒-๓ ลิตร เพื่อช่วยระบายความร้อนและกำจัดของเสียออกจากร่างกายผ่านทางเหงื่อ ปัสสาวะ อุจจาระ การดื่มน้ำมากๆ ในช่วงที่เป็นไข้หวัดยังช่วยเพิ่มความต้านทานโรคให้ร่างกายหายจากหวัดเร็วขึ้นด้วย
  • เครื่องดื่มสมุนไพร เช่น น้ำผลไม้ ชาสมุนไพร โดยเฉพาะชารางจืดซึ่งมีสรรพคุณช่วยลดไข้ เพื่อชดเชยน้ำที่สูญเสียไปให้เพียงพอ

 

คัดจมูก น้ำมูกไหล

  • คำแนะนำจากหนังสือ ๑๐๐ วิธี รับมือโรคหวัด สำนักพิมพ์นานมี บุ๊คส์ ให้ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นประคบที่จมูกบ่อยๆ หรือสูดไอจากน้ำร้อนโดยเทน้ำร้อนลงในอ่างเติมน้ำมันหอมระเหยกลิ่นยูคาลิปตัส โรสแมรี่ หรือซีดาร์ ลงไป แล้วก้มหน้าสูดไอระเหยของน้ำ อาจใช้ผ้าคลุมเพื่อเก็บไอน้ำได้ดีขึ้น ให้ทำครั้งละ ๑๐-๑๕ นาที เช้า-เย็น จะช่วยลดอาการคัดจมูกได้ดี 
  • ส่วนคำแนะนำของคุณชัญญา ตามแนวทางธรรมชาติบำบัดให้เด็ดใบกะเพรา ถ้าได้ใบกะเพราแดงกลิ่นจะยิ่งดีกว่า นำมาขยี้ๆ ใส่ลงในแก้ว เติมน้ำร้อน แล้วอังปิดหรือคลุมผ้าเป็นไอ้โม่ง สูดกลิ่นกะเพราเข้าไป จะช่วยให้มูก เมือก ไหลออกได้ดีโดยไม่ต้องกินยา เป็นการช่วยให้ร่างกายขับพิษต่างๆ ออกมาทางน้ำมูกและอาการคัดจมูกน้ำมูกไหลก็จะบรรเทาลง
  • สำหรับการแพทย์แผนไทย หมอสอิ้ม คำโทน แห่งสอิ้มคลินิกแพทย์แผนไทย แนะนำให้เคี้ยวหัวหอมแดงสด และทุบหัวหอมห่อผ้าวางไว้ใกล้ๆ หัวนอน จะช่วยลดอาการคัดจมูก นอกจากนี้ ผู้เขียนเองมักจะต้มน้ำหัวหอมแดงผสมน้ำอาบให้หลานแฝดเวลาที่เป็นหวัด กลิ่นของหอมแดงจะติดอยู่ที่ผิว ช่วยลดอาการคัดจมูกอีกทางหนึ่งด้วย

 

เจ็บคอ

  • เมื่อเริ่มรู้สึกเจ็บคอเล็กน้อยให้รีบกินฟ้าทลายโจรลูกกลอนหรือแคปซูลตามขนาดที่ระบุบนฉลาก วันละ ๔ มื้อ จะช่วยให้อาการเจ็บคอหายได้อย่างรวดเร็ว (แต่ถ้ากินหลังจากเจ็บคอมากๆ แล้วจะหายช้ากว่าค่ะ)
  • หมอสอิ้มแนะนำภูมิปัญญาพื้นบ้านแก้อาการเจ็บคอ ให้ดื่มน้ำซาวข้าว โดยใส่น้ำให้ท่วมข้าวแล้วเทน้ำทิ้งยังไม่ต้องซาวข้าวเพื่อล้างฝุ่นและเศษรำข้าวที่ปะปนอยู่ในเมล็ดข้าวออกก่อน จากนั้นใส่น้ำ เอามือซาวข้าว และเทน้ำทิ้งอีกรอบ รอบสุดท้ายใช้น้ำสะอาดสำหรับดื่มซาวข้าวอีกครั้งแล้วดื่มน้ำซาวข้าวรอบนี้ น้ำซาวข้าวมีฤทธิ์เย็นช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอแถมยังลดไข้ได้อีกด้วย
  • นอกจากนี้หมอสอิ้มยังแนะนำว่าหลังแปรงฟันให้อมเกลือเม็ด ๑ เม็ดจนน้ำลายท่วมปากสักพักแล้วบ้วนทิ้ง จากนั้นอมน้ำมันงาสกัดเย็น (หรือน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น) กลั้วๆ ดูดๆ ไว้ในปากสัก ๑๕ นาที แล้วบ้วนทิ้ง จะช่วยลดเชื้อโรคในปาก อาการเจ็บคอจะค่อยๆ ดีขึ้น

 

ไอ

  • จิบน้ำอุ่นบ่อยๆ ตลอดทั้งวัน ช่วยลดอาการคันยุบยิบในลำคอ ลดอาการไอ งดดื่มน้ำเย็นหรือน้ำแข็งโดยเด็ดขาด อาการไอจะบรรเทาลงอย่างเห็นได้ชัดเจน
  • ดื่มเครื่องดื่มร้อนๆ ให้มาก เช่น น้ำแกงร้อนๆ ซุปหัวหอม หรือน้ำชาร้อนๆ เพื่อขับเสมหะ
  • จิบน้ำผึ้งผสมน้ำมะนาวบ่อยๆ จะช่วยละลายเสมหะ ลดไอ
  • เคี้ยวใบฟ้าทลายโจรสดแล้วอมไว้ให้ตัวยาค่อยๆ ซึมเข้าคอ หรือจะใช้ใบสดต้มสักพักเหมือนต้มชาแล้วนำน้ำมาดื่มตลอดวัน วิธีนี้ต้องใจถึงหน่อยค่ะเพราะขมมากๆ แต่ช่วยลดอาการไอได้ผลชะงัดนัก

 

ปวดศีรษะ

  • ตามแนวทางธรรมชาติบำบัด คุณชัญญาให้ตักน้ำราดศีรษะสัก ๕-๑๐ นาที จากนั้นนำผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ พันไว้ประมาณ ๑ ชั่วโมง โดยอย่าให้มือและเท้าเปียกน้ำ พลังมหัศจรรย์ของน้ำจะช่วยลดความร้อนที่สะสมอยู่บริเวณศีรษะ อาการปวดศีรษะก็จะบรรเทาลง หรือจะกินมะขามเปียกสักหยิบมือ หรือบีบน้ำมะนาวเข้าปากสักครึ่งซีกก็ช่วยได้เช่นกัน ผู้เขียนเองเวลาปวดศีรษะก็มักจะเปิดน้ำฝักบัวรดหัวบ่อยๆ ความเย็นและแรงกระทบของฝอยน้ำช่วยให้ผ่อนคลาย ยิ่งถ้าทำจิตให้ว่าง รับรู้สัมผัสของน้ำที่กระทบหนังศีรษะอย่างมีสติ ก็พบว่าอาการปวดศีรษะบรรเทาไปกว่าครึ่งแล้วจริงๆ ค่ะ
  • ส่วนหนังสือ ๑๐๐ วิธี รับมือโรคหวัด แนะนำให้ใช้ผ้าขนหนูร้อนประคบศีรษะ ไหล่และคอ หรือให้แช่เท้าในน้ำอุณหภูมิ ๔๐ องศาเซลเซียสประมาณ ๑๕-๒๐ นาที อาการปวดศีรษะจะบรรเทาลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้เพราะหลอดเลือดที่เท้าทั้งสองข้างขยายตัว เลือดไหลจากศีรษะลงมายังเท้า เป็นการลดเลือดที่คั่งอยู่ในสมอง อาการปวดจึงบรรเทาลง อีกวิธีคือให้นวดไหล่ คอ คาง ใบหน้า และหนังศีรษะ ซึ่งวิธีการนวดหน้าเช่นนี้ผู้เขียนมักจะใช้บรรเทาอาการปวดศีรษะให้สามีบ่อยๆ แม้จะไม่ช่วยให้หายสนิทได้ทุกครั้ง แต่ก็บรรเทาอาการไปกว่าครึ่งแน่นอนค่ะ

 

          สำหรับแนวทางชีวจิต เมื่อเริ่มเป็นหวัดแนะนำให้กินฟ้าทลายโจร มื้อละ ๓ เม็ด ร่วมกับวิตามินซี ๕๐๐ มก. ๓ มื้อหลังอาหาร ให้กินไปจนกว่าจะหายหวัด จะช่วยให้หายเร็วขึ้น 

          อย่างไรก็ตาม การใช้วิธีธรรมชาติในการบรรเทาอาการหวัดดังที่กล่าวมาอาจจะไม่เห็นผลชัดเจนและรวดเร็วเหมือนการกินยาแผนปัจจุบัน แถมยังต้องอาศัยระยะเวลา ความอดทน และต้องรอคอยมากกว่าปกติ ซึ่งอาจจะขัดกับวิถีชีวิตในยุคไซเบอร์ที่ทุกอย่างต้องเน้น “สะดวก” “ง่าย” และ “เร็ว” ไว้ก่อน แต่วิถีธรรมชาติก็เป็นประโยชน์ในระยะยาวต่อร่างกายของเรา เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้ร่างกายได้เยียวยาตัวเอง ซึ่งเท่ากับช่วยเพิ่มศักยภาพในการป้องกันโรคด้วย เราจึงเจ็บป่วยน้อยลง เป็นหวัดคราวหน้าลองเลือกสักวิธีที่ถูกจริตไปใช้ดูนะคะ แล้วจะพบว่าพลังธรรมชาตินี้มหัศจรรย์จริงๆ ค่ะ

 

เคล็ดลับป้องกันหวัด

  • กลั้วปากและลำคอด้วยน้ำสะอาดหรือจะเติมเกลือเล็กน้อยบ่อยๆ ตลอดวัน จะช่วยลดและกำจัดเชื้อโรคในลำคอได้ วิธีนี้น้องสาวซึ่งเป็นพยาบาลห้องผ่าตัดแนะนำว่าเธอทำแล้วได้ผลดีมาก ปกติต้องเป็นหวัดทุกเดือน เมื่อกลั้วคอบ่อยๆ ก็ไม่ค่อยเป็นหวัดอีกเลย
  • อาบน้ำเย็นเป็นประจำจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายไม่เจ็บป่วยง่าย เนื่องจากเมื่อตัวเรากระทบน้ำเย็น หลอดเลือดที่ผิวหนังจะหดตัว แต่หลังจากนั้นก็จะขยายตัวออกทันที จึงเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดปัญหามือเท้าเย็นได้ วิธีนี้ยืนยันได้จากประสบการณ์ตรงของหลานแฝด ช่วงไหนที่อาบน้ำเย็นให้ตลอดแม้อากาศจะเย็น สังเกตว่าเขาจะไม่ค่อยเป็นหวัดจริงๆ ค่ะ
  • กินวิตามินซีชีวภาพ ๑,๐๐๐ มก. ๑ เม็ดพร้อมอาหารเช้าทุกวัน ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานหวัดได้
  • หากรู้สึกเริ่มจะเป็นหวัดให้ดื่มน้ำขิงหรือกินอาหารที่มีส่วนผสมของขิงให้มากกว่าปกติ ออกกำลังกายให้เหงื่อออก ๓๐ นาที และอบตัวให้เหงื่อออกอีก ๑๕-๓๐ นาที จะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นและไม่เป็นหวัด.

 

  

คอลัมน์:

ผู้เขียน: