ทุกข์ใจ เพราะแม่ใกล้ตาย
Nokina Lin: กราบนมัสการค่ะ แม่หนูป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย หนูรู้ว่าทุกคนต้องตาย แต่พอนึกถึงแม่ หนูทำใจไม่ได้ ตั้งแต่แม่ป่วยหนักไม่มีความสุขเลย หนูเป็นลูกคนเดียวพึ่งทำงานได้ปีกว่า มาทำงานไกลบ้าน หนูช่วยอะไรแม่ไม่ได้เลย หนูรู้สึกเจ็บปวดมาก หนูทำได้เพียงกลับบ้านไปหาแม่ทุกอาทิตย์ หนูควรจะคิดในแง่บวกยังไงบ้างคะ เพื่อให้หนูรู้สึกดีขึ้นกว่านี้
พระไพศาล วิสาโล: เมื่อตอนที่โยมแม่ของอาตมาประสบอุบัติเหตุจนกะโหลกร้าวสมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงและเสียชีวิตหลังจากนั้นไม่ถึงอาทิตย์ แม้เป็นเรื่องที่ไม่คาดฝัน แต่อาตมารู้สึกว่ายังดีที่โยมแม่ไม่เสียชีวิตกะทันหัน แต่ยังอยู่ต่อมาอีกหลายวันให้ลูกๆ มีเวลาทำใจ รวมทั้งมีโอกาสปรนนิบัติแม่และพูดความในใจให้แม่รับรู้ ตลอดจนขอขมาต่อแม่ด้วย แม้ตอนนั้นท่านอยู่ในภาวะโคม่าแล้ว แต่พวกเราก็เชื่อว่าท่านรับรู้ทุกอย่างที่เราทำให้ท่าน
กรณีคุณแม่ของคุณยังนับว่าดีกว่าโยมแม่ของอาตมามาก เพราะท่านยังสามารถดำเนินชีวิตได้ไม่ต่างจากคนทั่วไปมากนัก อย่างน้อยก็ยังสามารถพูดคุยสื่อสารกับคุณได้ อีกทั้งยังสามารถรับรู้ความรักที่คุณมีต่อท่านได้อย่างเต็มที่ นอกจากนั้นยังสามารถทำสิ่งดีๆ ให้แก่ตนเองได้ เช่น ทำบุญ สวดมนต์ เจริญสมาธิ รวมทั้งการเตรียมตัวเตรียมใจเพื่อรับมีอกับวาระสุดท้ายของชีวิตอย่างสงบ
ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะเปรียบเทียบความทุกข์ของตนเองกับความทุกข์ของคนอื่น เพราะความทุกข์ที่เกิดกับใครล้วนเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขาทั้งนั้น โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวพันกับพ่อแม่และผู้มีพระคุณ แต่ก็อย่าลืมว่าถ้าคุณจมอยู่ในความทุกข์ คุณจะพลาดโอกาสสำคัญนั่นคือ การเก็บเกี่ยวความสุขทางใจในขณะที่คุณแม่ยังอยู่กับคุณ ในเมื่อเวลาที่คุณแม่จะได้อยู่กับคุณนั้นมีน้อยลงเรื่อยๆ แทนที่คุณจะใช้เวลาที่เหลือน้อยนิดจมอยู่ในความทุกข์ความเจ็บปวด ไม่ดีกว่าหรือที่คุณจะใช้เวลาดังกล่าวสร้างสุขให้แก่กันและกัน เช่น พูดคุยถึงความซาบซึ้งประทับใจในอดีตที่คุณได้รับจากคุณแม่ ร่วมกันทำสิ่งดีๆ ที่ให้ความสุขแก่กัน อาทิ การไปเที่ยวในที่ๆ คุณแม่ชอบ หรือไปทำบุญร่วมกัน นี้คือเวลาที่คุณกับคุณแม่จะได้ยิ้มแย้มและมีรอยยิ้มให้แก่กันและกัน
แต่ถ้าหากคุณปล่อยใจจมปลักในความทุกข์ นอกจากความทุกข์จะปิดกั้นใจคุณไม่ให้พบสัมผัสกับความสุขซึ่งมีอยู่รอบตัวแล้ว และละเลยเวลาที่มีค่าแล้ว ยังพลอยทำให้คุณแม่ของคุณเป็นทุกข์ ไม่มีแม่คนไหนจะมีความสุขได้ถ้าลูกเป็นทุกข์ แต่ถึงแม้จะเจ็บป่วย เราก็ยังมีความสุขได้หากได้รับสิ่งดีๆ จากคนรอบข้าง รวมทั้งได้ทำสิ่งดีๆ ร่วมกัน หากทำได้เช่นนี้ แม้วันที่ความพลัดพรากมาถึง คุณก็สามารถจะยิ้มได้ทั้งน้ำตาเพราะมั่นใจว่าได้มอบสิ่งดีที่สุดให้แก่คุณแม่ และไม่ทิ้งโอกาสให้ผ่านไปอย่างไร้ค่าแม้แต่น้อย
ตรงกันข้ามหากคุณเอาแต่ทุกข์ และไม่สามารถทำสิ่งดีๆ ให้แกุ่คุณแม่ได้อย่างเต็มที่ เมื่อวันนั้นมาถึง คุณจะเสียใจว่าทำไมคุณถึงปล่อยโอกาสดีๆ ให้หลุดมือไป
สรุปก็คือ อย่ามัวเป็นห่วงกังวลกับเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จนละเลยที่จะทำปัจจุบันให้ดีที่สุด หรือใช้ประโยชน์จากปัจจุบันอย่างเต็มที่
จาก เฟซบุ๊กแฟนเพจ พระไพศาล วิสาโล – Phra Paisal Visalo