Error message

  • Deprecated function: Methods with the same name as their class will not be constructors in a future version of PHP; views_display has a deprecated constructor in require_once() (line 3066 of /home/budnetorg/domains/budnet.org/public_html/sunset/includes/bootstrap.inc).
  • Deprecated function: The each() function is deprecated. This message will be suppressed on further calls in menu_set_active_trail() (line 2385 of /home/budnetorg/domains/budnet.org/public_html/sunset/includes/menu.inc).

ทำใจลำบาก เมื่อพ่อสั่งไม่ให้ยื้อชีวิตในวาระสุดท้าย

-A +A

ปุจฉา: กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ผมมีคำถามอยากเรียนถามพระอาจารย์เรื่องหนึ่งครับ คือคุณพ่อของผมท่านป่วยเรื้อรังเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง อาการค่อยๆ ทรุดลงๆ จนไม่สามารถเดินหรือขยับได้อย่างคนปกติ การหายใจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเกือบตลอดเวลา ท่านมีความทุกข์ทรมานทางกายและใจมาก ท่านสั่งอยู่เสมอว่าหากท่านมีอาการทรุดหนักแล้วต้องเข้าโรงพยาบาล ท่านขอไม่ให้ยื้อชีวิตท่านด้วยเครื่องช่วยใดๆ เพื่อให้ท่านไปสบายพ้นจากความทุกข์ทรมาน

          หลายปีผ่านไป เวลานั้นก็มาถึง เมื่อร่างของท่านถูกนำส่งโรงพยาบาลด้วยอาการเกี่ยวกับการหายใจ ท่านหมดสติหยุดหายใจไป ๑๓ นาที แต่หมอก็พยายามยื้อด้วยการปั๊มหัวใจจนกลับมาหายใจได้อีกครั้ง ทว่าคราวนี้ท่านไม่รู้สึกตัวอีกเลยเป็นเวลาเกือบสัปดาห์หนึ่งแล้ว หมอบอกว่าการขาดออกซิเจนนานขนาดนั้นทำให้สมอง (และอวัยวะอื่น) เสียหาย แต่ไม่ทั้งหมด ยังให้ยายับยั้งความเสียหาย แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น และดูภายนอกร่างกายของคุณพ่อก็แย่ลงไปเรื่อยๆ การรักษาแบบนี้ค่าใช้จ่ายก็สูงมาก แต่นั่นไม่สำคัญเท่าสิ่งที่คุณพ่อย้ำอยู่เสมอว่าท่านไม่ต้องการให้ยื้อชีวิต ทำให้ลูกและญาติๆ ทำใจลำบาก คือจะบอกให้หมอหยุดการให้ยายับยั้งก็รู้สึกผิดบาป แต่ก็สงสารคุณพ่อที่ต้องมาติดล็อคในสภาวะแบบนี้ หมอเองก็บอกว่าต้องให้ญาติเท่านั้นตัดสินใจหมอไม่มีข้อแนะนำอะไร

          ผมจึงขอกราบเรียนถามพระอาจารย์ว่า ควรวางใจในเรื่องนี้อย่างไรดีครับเพื่อที่จะไม่ให้เกิดเป็นตราบาปติดตัวไป และให้คุณพ่อท่านไปสู่สุคติภพด้วยความไม่ทุกข์ทรมาน ขอบพระคุณครับ

 

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา: แม้คุณไม่สามารถสั่งให้หมอยุติการให้ยายับยั้ง แต่คุณยังสามารถทำอะไรได้มากกว่าการทำใจ นั่นคือดูแลช่วยเหลือจิตใจของท่าน

          ถึงแม้ท่านมีสภาพเหมือนผัก ไม่สามารถพูดจาสื่อสารหรือตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ แต่อาตมาเชื่อว่าท่านยังสามารถรับรู้ เช่น ได้ยินเสียงที่อยู่รอบตัวได้ ดังนั้นคุณจึงควรพูดในสิ่งที่ทำให้ท่านสบายใจ เช่น พูดถึงประสบการณ์ที่เคยมีความรู้สึกดีๆ ด้วยกัน หรือพูดถึงสิ่งที่คุณประทับใจในตัวท่าน หยิบยกเรื่องที่ท่านภาคภูมิใจมาคุยให้ท่านฟังด้วยความชื่นชม หากท่านสนใจธรรมะ ก็อ่านหนังสือธรรมะให้ท่านฟัง หรือพูดถึงบุญกุศลรวมทั้งความดีที่ท่านเคยทำ รวมทั้งพูดให้ท่านคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับครอบครัวหรือลูกหลาน

          สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ท่านสบายใจ เป็นไปได้ว่าตอนนี้ท่านอาจไม่ได้ทุกข์ทรมานหรือมีความเจ็บปวดทางกายอย่างที่คุณเข้าใจ หากดูแลจิตใจของท่านให้ดี ท่านก็จะไม่ทุกข์กับสภาพที่เป็นอยู่ในขณะนี้ และหากร่างกายของท่านมาถึงจุดสิ้นสุด ท่านก็จะไปด้วยใจสงบ

 

จากเพจ พระไพศาล วิสาโลก - Phra Paisal Visalo

 

คอลัมน์: