ควรทำอย่างไรดี เมื่อกลัวตายมากจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
ปุจฉา: หนูกลัวความตายอย่างมาก กลัวมานานแล้วตั้งแต่อายุ ๖ ขวบ ตอนนี้อายุ ๓๔ แล้วค่ะ เรื่องเกิดจากหนูได้ไปคุยกับพี่ข้างบ้านแล้วอยู่ๆ พี่เขาพูดเรื่องพ่อของเขาเสียชีวิต และพูดว่าทุกคนต้องตาย ตอนนั้น ความรู้สึกเหมือนหัวใจตกไปที่ตาตุ่มเลยค่ะ กลัวมาก อยากวิ่งหนี ช่วงแรกๆ เป็นๆ หายๆ ค่ะ ปีหนึ่งอาจเป็นหนึ่งหรือสองครั้ง แต่ตอนนี้เป็นตลอดจนถึงกับนอนไม่หลับ กินไม่ได้ รู้สึกหดหู่ ช่วงที่เป็นมากๆ จะไม่อยากทำอะไรเลย คิดว่าทำไปก็ต้องตาย กินไปก็ต้องตาย อยู่ไปก็ไม่มีความสุข ในช่วงแรกๆ ที่เป็น ควบคุมความคิดได้ก็หายเร็ว และไม่ได้บอกใคร แต่ ๓-๕ ปีหลังเป็นมากๆ จนเล่าให้เพื่อนสนิทฟัง เพราะตื่นมาตอนตีสาม ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี เพราะในใจคิดแต่เรื่องความตาย
หนูแต่งงานแล้วแต่ยังไม่มีลูก หนูไม่ได้บอกแฟน แต่เขาสังเกตว่าหนูตื่นมาตีสาม แล้วคุยโทรศัพท์บ่อย เขาคิดว่าหนูคุยกับชู้ค่ะ หนูเลยจำเป็นต้องเล่าให้เขาฟัง ในครั้งแรกเขาเป็นผู้ฟังที่ดี แต่พอหนูมีอาการบ่อยขึ้น บางทีไม่กินข้าว ไม่กินอะไรเลย ไม่พูดกับใครเลย อยากอยู่คนเดียว และร้องไห้คนเดียว เขาคิดว่าหนูเป็นหนักแล้ว ควรไปหาหมอจิตแพทย์ หนูเลยไปโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง เล่าให้หมอฟังไปร้องไห้ไป ครั้งแรกหมอไม่ได้บอกว่าหนูเป็นอะไร แต่ให้ยานอนหลับ และยาคลายเครียดมากิน กินแล้วดีขึ้น แต่ค่ายาแพงมาก เลยไม่ได้ไปอีก เพราะคิดว่าดีขึ้นแล้ว เปลืองเงินเปล่าๆ
สรุปว่า กลับมาเป็นอีกรอบค่ะ เลยตัดสินใจเข้าโรงพยาบาลประกันสังคม ให้ยามากินเหมือนกันเลย แต่เป็นยาคนละตัว กินแล้วเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยค่ะ จากที่ไม่คุยกับคนแปลกหน้าก็คุย จากไม่เคยตะโกนคิดได้ก็ตะโกนออกมาเลย แฟนเลยบอกให้หยุดกินยา อาการก็กำเริบอีก เลยไปหาหมอโรงพยาบาลรัฐที่เป็นจิตเวชโดยตรง เพราะเริ่มคิดเรื่องฆ่าตัวตาย แฟนไม่เห็นด้วยในครั้งนี้ เขากลัวว่าเรากินยาแล้วจะเป็นเหมือนเดิม และแฟนหนูบังคับในบอกแม่ หนูไม่อยากบอก กลัวแม่เป็นห่วง เสียใจ แต่พอหนูบอกไป แม่ฟังแล้วพูดว่าทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก ถ้ารู้เร็วกว่านี้ก็จะดี แต่แม่ให้กำลังใจตลอดค่ะ
หนูกลับมากินยาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่หาย คิดบ้างแต่ไม่สติหลุด เคยคิดว่าอยากตายจะได้ไม่ต้องกลัวอีก หมอบอกต้องใช้เวลาแล้วเพิ่มปริมาณยาให้กิน
หลวงพ่อคะ หนูอยากมีความสุขในชีวิตที่มีอยู่ จากที่เคยมีความสุขร้อยเปอร์เซ็นต์ ตอนนี้เหลือยี่สิบเปอร์เซ็นต์ คนที่อยู่ใกล้พลอยเป็นห่วงไปด้วย หนูอยากหาย อยากอยู่อย่างมีความสุข หนูรู้ว่าเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่หนูกลัวที่จะไม่มีตัวตน หนูกลัวคนรู้จักตายไป หนูควรทำอย่างไรดีคะ หนูทุกข์ใจที่สุด
พระไพศาล วิสัชนา: คุณกลัวความตายทำไม ในเมื่อกว่าความตายจะมาถึงคุณก็คงอีกนาน สิ่งที่คุณควรสนใจมากกว่าก็คือ ปัจจุบัน นั่นคือทำปัจจุบันให้ดีที่สุด รวมทั้งรู้จักเก็บเกี่ยวความสุขจากปัจจุบัน ความสุขในปัจจุบันมาอยู่ต่อหน้าคุณแล้ว แต่คุณกลับละเลย เพราะมัวแต่นึกถึงสิ่งที่ยังอยู่อีกไกล เวลา ๒๔ ปีที่ผ่านมา มีความสุขให้คุณเก็บเกี่ยวมากมาย แต่คุณปล่อยโอกาสนั้นให้ผ่านเลยไปอย่างน่าเสียดาย แต่ก็ยังไม่สาย ขณะที่คุณยังมีลมหายใจ และยังอยู่ได้อีกนาน ขอให้เปิดใจรับความสุขที่มารอบตัวคุณ อย่าเป็นเหมือนคนบางคนที่มีสวนดอกไม้นานาพรรณอยู่รอบตัว แต่แทนที่จะชื่นชมดอกไม้อันงดงาม กลับมัวจ้องมองกองขยะส่งกลิ่นเหม็นที่อยู่นอกรั้ว
อาตมาอยากแนะนำให้คุณสนใจปัจจุบัน ใส่ใจกับวันนี้ อย่าเพิ่งไปนึกถึงอนาคตที่ยังอยู่อีกไกล สุขหรือทุกข์อยู่ที่ใจ ถ้าจดจ่อแต่อนาคตที่น่ากลัว ก็มีแต่ทุกข์ แต่ถ้าใจจดจ่ออยู่กับปัจจุบัน เห็นความงามของท้องฟ้า ชื่นชมสีสันของดอกไม้ ได้ยินเสียงเพลงไพเราะ รวมทั้งหมั่นทำบุญกุศลอยู่เสมอ คุณก็จะมีความสุขได้ง่ายมาก เพราะความสุขมีอยู่รอบตัวคุณอยู่แล้ว โดยเฉพาะข้อหลัง คือการหมั่นทำบุญกุศลอยู่เสมอ อาตมาอยากแนะนำให้คุณสวดมนต์ทุกวัน ใส่บาตรเป็นประจำ รวมทั้งหาเวลาไปช่วยเหลือเด็กกำพร้า คนตกทุกข์ได้ยาก สิ่งเหล่านี้จะให้ความสุขแก่คุณ อีกทั้งทำให้คุณมั่นใจว่าความดีจะปกปักรักษาคุณ
จะว่าไปแล้ว ความตายไม่น่ากลัวหรอก สิ่งที่น่ากลัวคือความกลัวตายต่างหาก เมื่อใดก็ตามที่มีความกลัวเกิดขึ้น ตั้งสติให้ดี อย่าไปกลัวมัน อย่าหลงเชื่อมัน ขณะเดียวกันก็อย่าไปกดข่มมัน เพียงแค่รู้ว่ามันมาเยี่ยมเยือน เหมือนใครสักคนที่มาบ้านของเรา ไม่ต้องให้ความสนใจ เดี๋ยวมันก็จะหายไปเอง
ขอให้คุณถือเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง แล้วความอบอุ่นใจจะเกิดแก่คุณในที่สุด