Error message

Deprecated function: The each() function is deprecated. This message will be suppressed on further calls in menu_set_active_trail() (line 2385 of /home/budnetorg/domains/budnet.org/public_html/sunset/includes/menu.inc).

สยบภูมิแพ้ด้วยน้ำเห็ดสามอย่าง-ข้าวงาดำ

-A +A

           ใครที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้คงทราบดีถึงความทรมานจากอาการของโรค ที่มีตั้งแต่ระดับสร้างความรำคาญไปจนถึงคุกคามชีวิตเลยทีเดียว คุณชฎาพร แพรแก้ว เป็นคนหนึ่งที่เคยป่วยเป็นภูมิแพ้หนักมาก มีอาการคันตามต่อมน้ำเหลือง ๘ จุดทั่วร่างกาย คันจนนอนไม่ได้ แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ต้องกินยาสเตียรอยด์ครั้งละเม็ดวันละสามครั้งต่อเนื่องนานนับสิบปี จนเกือบจะเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเองหรือโรคพุ่มพวง เพราะก้นเริ่มลีบ แขนใหญ่ หน้ากลมเป็นพระจันทร์ มีผื่นคันเม็ดเล็กๆ ขึ้นตามผิวหนัง ผมร่วงมาก กระดูกเปราะดังกรอบแกรบ ปวดหลัง ปวดกระดูก ปวดไต ข้อมือและตัวบวม ตาแดงเหมือนคนติดยาเสพติด เบลอ ไม่มีสติ อาการหนักจนเกือบเสียชีวิตไปแล้ว จนวันหนึ่งเธอได้ชมรายการชีวิตชีวา ของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร แนะนำให้กินน้ำเห็ดสามอย่างเพื่อช่วยขจัดสารพิษและฟื้นฟูร่างกาย จนเธอหายจากอาการภูมิแพ้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขในปัจจุบัน น้ำเห็ดสามอย่างคืออัศวินที่คืนชีวิตให้เธอกลับมามีสุขภาพแข็งแรง และบอกเล่าประสบการณ์กับผู้เขียนได้ในวันนี้ 

           เห็ด เป็นอาหารประเภทผักที่ปราศจากไขมัน มีปริมาณน้ำตาลและเกลือค่อนข้างต่ำ ทั้งยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์นานาชนิด ได้แก่ กรดอะมิโนกลูตามิค ที่ช่วยกระตุ้นประสาทการรับรู้รสอาหารของลิ้นให้ไวกว่าปกติ ทำให้เห็ดมีรสชาติคล้ายกับเนื้อสัตว์ มีวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินบีรวม (ไรโบฟลาวิน) และไนอาซิน ซึ่งช่วยควบคุมการทำงานของระบบย่อยอาหาร มีเกลือแร่ เช่น ซิลิเนียม ทำหน้าที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งและโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน มีโพแทสเซียม ทำหน้าที่ควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ รักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาทต่างๆ ทั้งยังลดความเสี่ยงในการเกิดโรคความดันโลหิตสูง อัมพฤกษ์ และอัมพาต รวมถึงมีทองแดงที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของธาตุเหล็ก

           นอกจากคุณค่าทางอาหารแล้ว เห็ดยังมีสรรพคุณทางยาใช้รักษาโรคต่างๆ ได้มากมาย เช่น ช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะสำคัญต่างๆ เช่น สมอง หัวใจ ปอด ตับ และระบบไหลเวียนของโลหิต ชาวจีนจัดเห็ดเป็นยาเย็น เพราะมีสรรพคุณครอบจักรวาลที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าเห็ดสามารถช่วยลดไข้ เพิ่มพลังชีวิต ดับร้อนใน แก้ช้ำใน บำรุงร่างกาย ลดระดับน้ำตาลและคอเลสเตอรอลในหลอดเลือด ลดความดัน ขับปัสสาวะ คลายหงุดหงิด บำรุงเซลประสาท รักษาอาการอัลไซเมอร์ และที่สำคัญยังยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย

           การนำเห็ดสามอย่างมาต้มรวมกันจะมีค่ากรดอะมิโนที่สามารถลดอัตราการเติบโตของเซลล์มะเร็ง ได้ ทั้งยังช่วยล้างพิษที่สะสมในตับ ทั้งจากอาหารและสารเคมี เช่น พิษจากสุรา สารตกค้างในเนื้อสัตว์ สารเคมีจากเครื่องสำอาง และพิษจากสารอนุมูลอิสระ นอกจากนั้นยังล้างไขมันในตับ ทำให้ตับแข็งแรง สร้างเม็ดเลือดแดงได้ดี คุณชฎาพรดื่มน้ำเห็ดสามอย่างทุกวันต่อเนื่องเป็นเวลา ๓ เดือน จึงเห็นผลว่าร่างกายค่อยๆ ขับสารพิษและยาที่สะสมอยู่ออกไป อาการเจ็บป่วยต่างๆ ค่อยๆ ลดลงจนหายไปในที่สุด

           วิธีการต้มน้ำเห็ดสามอย่าง คุณชฎาพรแนะนำดังนี้ค่ะ

  • นำเห็ด ๓ ชนิดในปริมาณเท่าๆ กัน จะเป็นเห็ดฟาง เห็ดหูหนูขาว เห็ดหูหนูดำ เห็ดนางฟ้า เห็ดหอม เห็ดออรินจิ เห็ดเข็มทอง หรือเห็ดอะไรก็ได้ที่เราชอบมาล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เตรียมไว้ จากการทดลองนำเห็ดมาต้มรวมกัน คุณชฎาพรพบว่าควรใช้เห็ดหอม เห็ดเข็มทอง และเห็ดออรินจิ ๓ อย่างนี้จะได้น้ำเห็ดรสชาติดีที่สุด
  • ใส่น้ำประมาณ ๑ ถึง ๑.๕ ลิตร แล้วแต่ปริมาณเห็ด ต้มให้เดือดแล้วหรี่ไฟต้มต่ออีกประมาณ ๑๕ นาที จากนั้นกรองเอาเนื้อเห็ดไปทำอาหาร ส่วนน้ำเห็ดเก็บใส่กระติกเก็บความร้อน ดื่มอุ่นๆ แทนน้ำเปล่าได้ตลอดวัน
  • อาจใส่ใบเตยหรือมะตูมแห้งย่างไฟเพื่อช่วยเพิ่มรสชาติให้หอมดื่มง่ายขึ้น แต่ไม่ควรปรุงแต่งรสชาติด้วยเกลือหรือน้ำตาลค่ะ

           นอกจากดื่มน้ำเห็ดสามอย่างเป็นประจำแล้ว คุณชฎาพรยังกินข้าวผสมงาดำบดทุกมื้อ โดยนำงาดำที่ยังไม่คั่ว ๑ ถ้วย มาร่อนเอาทรายหรือฝุ่นออกให้สะอาด จากนั้นปั่นให้ละเอียดนำไปหุงรวมกับข้าวกล้อง ๑ ถ้วย ใส่น้ำ ๒ ถ้วย สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มรับประทานอาจใส่งาทีละน้อยก่อนเพื่อให้คุ้นชินกับรสชาติแล้วค่อยเพิ่มปริมาณให้มากขึ้นเท่าที่ตัวเองรับได้ แต่อย่าใส่งามากเกินไปเพราะจะทำให้ข้าวขมไม่อร่อย และอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ การกินงาดำป่นนี้คุณชฎาพรกล่าวว่าเคยดูรายการของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรแนะนำให้กินงาดำป่นวันละ ๑ ขีด จะช่วยซ่อมแซมกระดูก บำรุงไต เมื่อเธอกินต่อเนื่องเป็นประจำก็พบว่าอาการปวดกระดูกค่อยๆ หายไป มวลกระดูกเพิ่มขึ้น ไม่มีเสียงดังกรอบแกรบอีก ผมที่ร่วงก็ขึ้นมาดกดำ เงางาม มีน้ำหนัก ผิวพรรณก็เปล่งปลั่งสดใสขึ้น

           เมื่อพิจารณาคุณสมบัติของงาดำ ซึ่งถือเป็นราชินีแห่งพืชน้ำมัน ราชินีแห่งธัญพืช ก็พบว่างาดำอุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุ มีวิตามินบี ๑ บี ๒ บี ๓ บี ๕ บี ๖ บี ๙ แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม โซเดียม ฟอสฟอรัส สังกะสี เหล็ก ที่ช่วยบำรุงร่างกายได้ทุกส่วนตั้งแต่ผม ผิว กระดูก เล็บ ระบบขับถ่าย บำรุงหัวใจ เหมาะกับคนทุกวัยตั้งแต่เด็กจนถึงวัยทอง ทั้งยังช่วยป้องกันภาวะกระดูกพรุนอีกด้วย

           นอกจากนี้ งาดำยังมีสาระสำคัญ คือ เซซามีน ซึ่งมีประโยชน์มากมาย ช่วยเผาผลาญสลายไขมัน ลดความอ้วน เสริมสร้างกล้ามเนื้อ ลดการดูดซึมและการสังเคราะห์คอเลสเตอรอล ทำให้ระดับไขมันอยู่ในสัดส่วนพอดี ช่วยการทำงานของวิตามินอี ป้องกันการเสื่อมของเซลในระบบประสาท ต้านการอักเสบ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นสูง สามารถดักจับอนุมูลอิสระสาเหตุของริ้วรอย แก้ปัญหาผิวเหี่ยวย่น และเพิ่มออกซิเจนให้กับผิวอีกด้วย

           การดื่มน้ำเห็ดสามอย่างเป็นประจำ ควบคู่ไปกับการกินข้าวผสมงาดำป่น บางครั้งคุณชฎาพรก็ใส่ธัญพืชและผักต่างๆ เช่น แครอท ฟักทอง หั่นเป็นลูกเต๋าเล็กๆ หรือลูกเดือยต้มสุก ลงไปหุงผสมกับข้าวด้วย และหันมากินผักสด ผลไม้ ให้มากขึ้น ทำให้เธอสามารถหยุดการกินยาสเตียรอยด์ได้อย่างสิ้นเชิง อาหารจากธรรมชาตินี้เองที่ช่วยล้างสารพิษสะสมในร่างกาย และช่วยฟื้นฟูให้เธอหายจากอาการภูมิแพ้ที่หมอแผนปัจจุบันมักจะบอกว่าเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ต้องใช้ยาช่วยประทังไปตลอดชีวิต 

           ใครที่เป็นภูมิแพ้ลองกินน้ำเห็ดสามอย่างและงาดำอย่างคุณชฎาพรดูสักระยะ หากไม่สะดวกหุงข้าวงาดำอาจใช้งาดำป่น ๓-๔ ช้อนชาชงใส่เครื่องดื่มแทนก็ได้ มีน้องคนหนึ่งมารีวิวในอินเทอร์เน็ตว่าเธอกินงาดำป่นวันละ ๓ ช้อนชา สัปดาห์ละ ๖ วัน เป็นเวลา ๓ เดือนครึ่ง พบว่าช่วยแก้ปัญหาท้องผูกเป็นประจำได้ สามารถขับถ่ายได้ปกติ ผมดกดำ นิ่มเป็นเงาและหนามีน้ำหนัก ที่สำคัญช่วยเรื่องภูมิแพ้ สุขภาพดีขึ้นไม่เป็นหวัดง่าย แถมยังช่วยเรื่องน้ำในไขข้อได้ด้วย ซึ่งการจะเห็นผลเช่นนี้ได้นั้น ขอเพียงสามารถกินให้ได้ต่อเนื่องสม่ำเสมอ อย่างน้อย ๓ เดือนขึ้นไป คุณอาจพบว่าภูมิแพ้ที่ว่าแน่ยังแพ้อาหารจากธรรมชาตินี่จริงๆ ค่ะ..

 

คอลัมน์:

ผู้เขียน: