Error message

Deprecated function: The each() function is deprecated. This message will be suppressed on further calls in menu_set_active_trail() (line 2385 of /home/budnetorg/domains/budnet.org/public_html/sunset/includes/menu.inc).

ความหมายที่แท้จริงของการโอบอุ้ม-ให้พื้นที่แก่ใครบางคน

-A +A

วิธีอยู่เคียงข้างคนที่ต้องการคุณที่สุด

         ตอนที่แม่ของฉันกำลังจะตาย ฉันกับญาติๆ มารวมกันอยู่กับท่านในวันสุดท้ายของชีวิต ไม่มีใครในพวกเราที่รู้เรื่องการช่วยคนให้เปลี่ยนผ่านจากโลกนี้ไปสู่โลกหน้าเลยแม้แต่คนเดียว แต่เราค่อนข้างมั่นใจว่าต้องการดูแลเธอที่บ้าน และเราทำตามที่คิด

         ช่วงที่เราดูแลแม่ ในทางกลับกัน เราก็ได้รับความช่วยเหลือจาก “แอน” พยาบาลผู้มีพรสวรรค์ด้านการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองที่หมั่นมาดูแลแม่ทุกๆ สองสามวัน และพูดถึงสิ่งที่เราอาจจะต้องเผชิญในวันหน้า เธอสอนวิธีการฉีดมอร์ฟีนแก่เราเพื่อฉีดให้แม่เวลาที่ท่านกระสับกระส่าย เธออาสาทำเรื่องยากๆ (เช่น อาบน้ำให้แม่) และให้ข้อมูลเท่าที่จำเป็นในสิ่งที่เราต้องทำเกี่ยวกับร่างกายของแม่เมื่อท่านจากไปแล้ว

         “ให้เวลากับตัวเองก่อน” เธอบอก “คุณไม่จำเป็นต้องโทรเรียกร้านทำศพจนกว่าคุณจะพร้อม ให้รวบรวมคนที่อยากจะบอกลาเป็นครั้งสุดท้าย นั่งอยู่ข้างๆ แม่ให้นานเท่าที่ต้องการ เมื่อคุณพร้อม จึงค่อยโทร แล้วพวกเขาจะมารับท่านไปเอง”

         แอนได้มอบของขวัญอันล้ำค่าแก่พวกเราในช่วงเวลาสุดท้าย แม้จะเป็นช่วงสัปดาห์อันระทมทุกข์ แต่พวกเรารู้ว่าเราได้รับการดูแลจากใครบางคนซึ่งอยู่ห่างเพียงแค่ยกหูโทรศัพท์เท่านั้น

         ตลอดสองปีหลังจากนั้น ฉันนึกถึงแอนและบทบาทสำคัญของเธอในชีวิตพวกเราบ่อยๆ เธอเป็นมากกว่า “พยาบาลดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง” แต่เธอเป็นทั้งกระบวนกร ผู้ฝึกสอน และผู้นำทาง ด้วยการสนับสนุนและเสนอแนะอย่างนุ่มนวล อย่างไม่ตัดสิน เธอช่วยให้พวกเราก้าวผ่านช่วงชีวิตที่ยากที่สุดช่วงหนึ่งไปได้

         ในแวดวงที่ฉันทำงานอยู่ เราเรียกสิ่งที่แอนทำว่า เธอกำลังช่วย “โอบอุ้ม-ให้พื้นที่” แก่พวกเรา

 

การ “โอบอุ้ม-ให้พื้นที่” แก่ผู้อื่น หมายความว่าอย่างไร?

         หมายถึงการที่เราเต็มใจเดินเคียงข้างไปกับอีกคนหนึ่งไม่ว่าหนทางนั้นจะเป็นอย่างไร โดยไม่ตัดสิน ทำให้เขารู้สึกพร่อง พยายามปรับเปลี่ยนเขา หรือมีอิทธิพลต่อผลลัพธ์ เมื่อเราโอบอุ้ม-ให้พื้นที่แก่ผู้อื่น เราจะเปิดใจ มอบการสนับสนุนให้อย่างไม่มีเงื่อนไข โดยไม่ตัดสินและควบคุม

         ในบางครั้งเราจะพบว่าตัวเราเองกำลังโอบอุ้ม-ให้พื้นที่แก่คนที่เขากำลังโอบอุ้ม-ให้พื้นที่แก่ผู้อื่น อย่างเช่นในสถานการณ์ของฉัน แอนได้โอบอุ้ม-ให้พื้นที่แก่พวกเราในขณะที่เราโอบอุ้ม-ให้พื้นที่แก่แม่ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้เรื่องระบบสนับสนุนของเธอ แต่เดาว่าคงมีคนที่กำลังโอบอุ้ม-ให้พื้นที่แก่แอน เมื่อเธอทำงานที่ท้าทายและมีความหมายเช่นนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะเป็นผู้โอบอุ้ม-ให้พื้นที่แก่ผู้อื่นได้ หากไม่มีใครคอยโอบอุ้ม-ให้พื้นที่แก่เรา แม้แต่ผู้นำ ผู้ฝึกสอน หรือพยาบาลที่เข้มแข็งที่สุด ก็จำเป็นต้องรู้ว่ายังมีคนที่พวกเขาสามารถเปราะบาง และอ่อนแอได้โดยไม่ต้องกลัวที่จะถูกตัดสิน

         เวลาอยู่ในบทบาทต่างๆ ของชีวิต ไม่ว่าในฐานะครู, กระบวนกร, โค้ช, แม่, ภรรยา และเพื่อนๆ ฯลฯ ฉันจะทำหน้าที่โอบอุ้ม-ให้พื้นที่แก่ผู้อื่นอย่างดีที่สุดแบบเดียวกับที่แอนแสดงให้ฉันและญาติๆ ได้เห็นเป็นตัวอย่าง แม้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไปเพราะฉันมีแนวโน้มเป็นคนที่ต้องการจะปรับเปลี่ยนผู้อื่น ให้คำแนะนำ หรือตัดสินพวกเขาที่ไม่ไปให้ไกลว่าที่เป็นอยู่ แต่ฉันก็พยายามเพราะรู้ว่ามันสำคัญ พร้อมๆ กันนั้นฉันก็มีคนที่ตัวเองไว้ใจคอยโอบอุ้ม-ให้พื้นที่แก่ฉันเช่นกัน

         การสนับสนุนเพื่อให้ผู้คนเติบโต เปลี่ยนผ่าน และโศกเศร้า ฯลฯ ในแบบของเขาเองอย่างแท้จริง เราต้องไม่ดึงเอาอำนาจออกจากตัวเขา (เช่น การพยายามแก้ปัญหาให้) ทำให้เขาอับอาย (เช่น การบอกเป็นนัยๆ ว่าเขาควรจะรู้มากกว่านี้) หรือครอบงำเขา (เช่น การยื่นข้อมูลให้เกินกว่าที่พวกเขาพร้อมจะรับได้) เราต้องเตรียมพร้อมที่จะขยับออกมาอยู่ด้านข้าง เพื่อให้พวกเขาสามารถเลือกหนทางต่างๆ ด้วยตัวเอง ให้ความรักและการสนับสนุนอย่างไม่มีเงื่อนไข ให้คำแนะนำที่นุ่มนวลเมื่อพวกเขาต้องการ และทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยเมื่อทำผิดพลาด

         การโอบอุ้ม-ให้พื้นที่ไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของกลุ่มกระบวนกร, ผู้ฝึกสอน หรือพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองเท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนสามารถทำให้กันและกันได้ ไม่ว่าจะเป็นคู่ชีวิตของเรา, ลูกหลาน, เพื่อนๆ, เพื่อนบ้าน หรือแม้กระทั่งคนแปลกหน้าที่สนทนากับเราในขณะที่นั่งรถเมล์ไปทำงาน

 

คำแนะนำ ๘ ประการ เพื่อช่วยให้คุณโอบอุ้ม-ให้พื้นที่แก่คนอื่นๆ

         นี่คือบทเรียนที่ฉันได้เรียนรู้จากแอนและคนอื่นๆ ที่ช่วยโอบอุ้ม-ให้พื้นที่แก่ฉัน

         ๑. อนุญาตให้ผู้คนเชื่อมั่นในสัญชาตญาณและปัญญาญาณของพวกเขาเอง ตอนที่พวกเราช่วยเหลือแม่ในช่วงวันท้ายๆ ของชีวิตท่าน พวกเราไม่มีประสบการณ์ใดๆ ที่จะนำมาใช้ได้เลย แต่โดยสัญชาตญาณแล้ว พวกเรารู้ว่าอะไรคือสิ่งจำเป็นจริงๆ พวกเรารู้วิธียกร่างอันสั่นเทาของแม่ไปยังห้องน้ำ พวกเรารู้ว่าจะนั่งข้างๆ และฮัมเพลงเบาๆ ให้ท่านฟังอย่างไร และพวกเรารู้วิธีแสดงความรัก พวกเรารู้แม้ระทั่งเวลาที่จะฉีดยาเพื่อช่วยขจัดความปวดของท่านให้หายไป แอนมีวิธีทำให้พวกเรารู้อย่างนุ่มนวลว่า เราไม่จำเป็นต้องทำอะไรๆ ตามวิธีปฏิบัติในการดูแลสุขภาพตามแบบแผนเสมอไป พวกเราแค่ต้องวางใจในสัญชาตญาณและปัญญาญาณที่สั่งสมมาจากความรักแม่เท่านั้นเอง

         ๒. ให้ข้อมูลแค่เพียงพอเท่านั้น แอนให้คำแนะนำง่ายๆ บางอย่างและเอกสารใบปลิวอีกนิดหน่อยแก่เรา แต่ไม่ได้ให้เกินกว่าที่พวกเราจะสามารถรับได้ในช่วงที่เรากำลังโศกเศร้า เพราะข้อมูลที่มากเกินไปอาจทำให้เรารู้สึกไร้ความสามารถและไร้ค่า

         ๓. อย่าดึงอำนาจของพวกเขาไป เมื่อเราดึงอำนาจการตัดสินใจออกจากผู้คน เรากำลังทิ้งให้พวกเขารู้สึกไร้ประโยชน์และไร้ความสามารถ อาจมีบางครั้งที่เราจำเป็นต้องก้าวเข้าไปทำหน้าที่และตัดสินใจเพื่อคนอื่นในเรื่องยากๆ (เช่น เมื่อพวกเขาต้องรับมือกับการติดยาและการเข้าไปแทรกแซงดูเหมือนเป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยพวกเขาได้) แต่ในเกือบจะทุกกรณี ผู้คนมักต้องการอิสรภาพในการเลือกทางของตัวเอง (แม้แต่ลูกหลานของเรา) แอนรู้ว่าพวกเราต้องการมีอำนาจตัดสินใจแทนแม่ของเราเอง เธอจึงสนับสนุนเราแต่ไม่เคยพยายามกำกับหรือควบคุมพวกเราเลย

         ๔. เก็บอัตตาของคุณเอาไว้ให้ดี เป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่ง เรามักจะตกหลุมพรางนี้เสมอๆ เมื่อเราเริ่มเชื่อว่าความสำเร็จหรือล้มเหลวของผู้อื่นขึ้นอยู่กับการแทรกแซงของเรา หรือเมื่อเราถูกทำให้เชื่อว่าไม่ว่าอารมณ์ใดๆ ที่พวกเขาเลือกโยนมาที่เรา เกี่ยวข้องกับเราแทนที่จะเป็นแค่เรื่องของเขา มันคือกับดักที่ฉันพบว่าตัวเองลื่นตกลงไปเป็นครั้งคราวเมื่อฉันเป็นผู้สอน ฉันจะกังวลกับความสำเร็จของตัวเอง (นักเรียนจะชอบฉันไหม? คะแนนของพวกเขาจะสะท้อนถึงความสามารถในการสอนของฉันไหม? และอื่นๆ) มากกว่าความสำเร็จของนักเรียน แต่เรื่องแบบนี้ไม่มีประโยชน์กับใครเลยแม้แต่ตัวฉันเอง เพื่อสนับสนุนการเติบโตของนักเรียนจริงๆ ฉันจำเป็นต้องเก็บอัตตาของตัวเองเอาไว้ให้ดีและสร้างพื้นที่ว่างๆ เพื่อให้พวกเขามีโอกาสเติบโตและเรียนรู้

         ๕. ทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยมากพอที่จะล้มเหลวได้ เมื่อคนเรากำลังเรียนรู้ เติบโต ก้าวผ่านความโศกเศร้าหรือการเปลี่ยนแปลง พวกเขามักจะทำสิ่งผิดพลาดไปตลอดทาง แต่ถ้าเราในฐานะผู้โอบอุ้ม-ให้พื้นที่ของพวกเขา ระงับการตัดสินและการทำให้ละอายไป เสนอโอกาสให้พวกเขามองเข้าไปภายในใจตัวเองเพื่อค้นหาความกล้าได้กล้าเสีย และพลังในการฟื้นฟูตนเองที่ทำให้พวกเขายังคงเดินหน้าต่อไปแม้ล้มเหลว เมื่อเราปล่อยให้พวกเขารู้ว่าความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางและไม่ใช่วันโลกาวินาศ พวกเขาจะใช้เวลาโบยตีตัวเองน้อยลง และมีเวลาเรียนรู้จากข้อผิดพลาดต่างๆ มากขึ้น

         ๖. มอบคำแนะนำและความช่วยเหลืออย่างถ่อมตัวและมีวิจารณญาณ ผู้โอบอุ้ม-ให้พื้นที่ที่ชาญฉลาดจะรู้จังหวะยั้งการให้คำแนะนำ (เช่น เมื่อมันอาจจะทำให้ผู้คนรู้สึกโง่เง่าและไม่ดีพอ) และรู้จังหวะที่จะเสนอคำแนะนำอย่างนุ่มนวล (เช่น เมื่อเขาเริ่มถามหา หรือเขาสับสนจนไม่รู้ว่าจะขออะไร) อย่างแอนที่ไม่เคยดึงอำนาจหรือความเป็นตัวของตัวเองจากพวกเราไป เธอเสนอว่าจะมาหาและช่วยอาบน้ำให้แม่ และดูแลในส่วนที่ยากๆ ช่วยทำให้เราเบาใจ เพราะเราไม่เคยฝึกทำแบบนั้นมาก่อน และไม่ต้องการทำให้แม่อาย (เช่น มีลูกๆ หลานๆ เห็นเธอโป๊) นี่เป็นเรื่องที่เราต้องพลิ้วไหวอย่างระแวดระวังในขณะที่ช่วยโอบอุ้ม-ให้พื้นที่แก่คนอื่น ขอให้ตระหนักถึงพื้นที่ที่พวกเขารู้สึกเปราะบางและไร้ความสามารถที่สุด และมอบการช่วยเหลือที่ถูกเรื่องโดยไม่ทำให้พวกเขาอับอาย 

         ๗. สร้างภาชนะบรรจุอารมณ์ ความกลัว ปมบาดแผลอันซับซ้อน ฯลฯ เมื่อผู้คนรู้สึกดิ่งลงไปในห้วงลึกของจิตใจกว่าที่เคย พวกเขาจะรู้สึกปลอดภัยมากพอที่จะปล่อยให้อารมณ์อันซับซ้อนซึ่งปกติอาจเก็บซ่อนไว้ปรากฏออกมา ผู้ที่ฝึกฝนเรื่องการโอบอุ้ม-ให้พื้นที่ย่อมรู้ว่าสิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้ และต้องพร้อมที่จะโอบกอดมันอย่างอ่อนโยน อย่างเกื้อหนุน และอย่างไม่ตัดสิน ใน “The Circle Way” (กระบวนการล้อมวงพูดคุยด้วยการฟังอย่างลึกซึ้งและพูดคุยอย่างยั้งคิด) เราเรียกว่าการ “โอบอุ้มขอบ” ให้แก่ผู้คน

         กระบวนการล้อมวงเป็นพื้นที่ที่ผู้คนรู้สึกปลอดภัยพอที่จะแตกเป็นเสี่ยงๆ ได้โดยไม่กลัวว่าจะถูกทอดทิ้งให้พังทลายอย่างถาวร หรืออับอายต่อคนอื่นๆ ในห้อง มีคนที่คอยมอบความเข้มแข็งและความกล้าหาญให้อยู่ที่นั่นเสมอ ซึ่งไม่ใช่งานง่ายๆ มันเป็นงานที่ฉันต้องเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเมื่อเป็นเจ้าภาพวงสนทนาที่มีความท้าทายมากๆ บ่อยขึ้น เราจะทำงานนี้ไม่ได้หากเราไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเอง ถ้าเราไม่มองลึกลงไปในด้านมืดของตัวเองอย่างเอาจริงเอาจัง หรือไม่เชื่อมั่นในคนที่เราโอบอุ้ม-ให้พื้นที่ ในกรณีของแอน เธอแสดงออกมาให้เห็นอย่างอ่อนโยน เมตตา และเชื่อมั่น หากเธอไม่แสดงให้เรามั่นใจว่าเธอจะสามารถจัดการสถานการณ์ยากๆ ได้ หรือเธอกลัวความตาย พวกเราคงจะไม่เชื่อใจเธออย่างที่เป็นอยู่

         ๘. ยินยอมให้พวกเขาตัดสินใจและได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากคุณ การโอบอุ้ม-ให้พื้นที่เป็นเรื่องการให้ความเคารพในความต่างของผู้คน และตระหนักว่าความต่างเหล่านี้อาจทำให้พวกเขาเลือกในสิ่งที่เราอาจจะไม่เลือก บางครั้งพวกเขาเลือกจากบรรทัดฐานทางวัฒนธรรมซึ่งเราไม่สามารถเข้าใจได้จากประสบการณ์ของเรา เมื่อเราเป็นผู้โอบอุ้ม-ให้พื้นที่ เราจะไม่ควบคุม แต่เราสรรเสริญความต่าง ซึ่งแอนทำให้เราเห็นในตอนที่สนับสนุนให้เราตัดสินใจเรื่องการจัดการกับร่างกายของแม่เมื่อท่านจากไปแล้ว ถ้าเรารู้สึกว่าจำเป็นต้องทำพิธีกรรมบางอย่างก่อนจะปลดปล่อยร่างของท่านไป เราสามารถทำได้อย่างอิสระและเป็นส่วนตัวในบ้านของแม่เอง

         การโอบอุ้ม-ให้พื้นที่ ไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้อย่างเชี่ยวชาญในเวลาเพียงข้ามคืน หรือทำเป็นรายการเคล็ดลับต่างๆ พอหอมปากหอมคออย่างที่ฉันเพิ่งจะแนะนำไปได้ แต่เป็นข้อปฏิบัติอันซับซ้อนที่เราจะพัฒนาได้จากการฝึกฝนเท่านั้น โดยมีลักษณะเฉพาะในแต่ละบุคคลและสถานการณ์

 

แปลจากบทความเรื่อง 

“What it Really Means to Hold Space for Someone”

โดย Heather Plett

 

คอลัมน์:

frontpage: