คำขอร้องจากผู้ใกล้ตาย
ฉันอยากบอกเล่าความนึกคิดและความรู้สึกกลัวของฉัน ฉันกำลังผ่านพ้นกับการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ฉันรู้สึกว่าอนาคตของฉันมันไม่มีแล้ว สิ่งที่อยู่ข้างหน้า คือ อนาคตที่ฉันมักจะรู้สึกกลัวบ่อยๆ แต่ละวันความกลัวของฉันจุดประกายความรู้สึกต่างๆ มากมาย ในบางวันฉันแทบทนอยู่กับความรู้สึกนั้นไม่ได้จนแทบอยากให้ตนเองเชื่อว่ามัน ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันอาจใช้เวลาเป็นวัน หรือเป็นสัปดาห์ก็ได้ที่ฉันมักรู้สึกเศร้า หงุดหงิดและอึดอัด หากคุณรับฟังและยอมรับฉันได้โดยไม่พยายามให้ฉันเปลี่ยนแปลงอารมณ์ความรู้สึก ฉันก็คงผ่านพ้นมันไปได้ และผ่อนคลายตนเองได้ในที่สุด และบางทีฉันก็อาจจะร่วมหัวเราะกับคุณได้อีก
จนถึงตอนนี้ คุณอาจจะคาดหวังให้ฉันเข้มแข็งและควบคุมอารมณ์ได้ ฉันกลัวว่าถ้าให้ฉันซื่อสัตย์กับตนเองจริงๆ ในเรื่องนี้ คุณคงหมดหวังในตัวฉัน เพราะว่าสิ่งที่ฉันกำลังเผชิญอยู่นี้มันเป็นความเครียดที่รุนแรงเหลือเกิน อุปนิสัยที่ฉันแสดงออกคงเป็นด้านที่เลวร้ายมากที่สุด เป็นสิ่งที่ย่ำแย่มากซึ่งก็คงระเบิดอยู่เรื่อยๆ เมื่อมันเกิดขึ้น ฉันอยากขออนุญาต “ หลบซ่อนตัว ” เพื่อจะกลับมาปกติได้อีก คุณไม่ต้องกังวล
คุณรู้หรือไม่ว่า ฉันกลัวที่จะแสดงความรู้สึกนึกคิดที่แท้จริงออกมา มันจะเป็นอย่างไรบ้างนะถ้าหากทุกคนที่ฉันรักและให้ความหมาย พวกเขาพากันหลบหนีและทอดทิ้งฉันไว้คนเดียว ? อย่างไรก็ดี ทั้งหมดนี้คุณคงไม่เชื่อว่าสิ่งเลวร้ายเช่นนี้ มันจะเกิดขึ้นจริง นี่ก็คือ สาเหตุที่ฉันอยากขอให้คุณให้ความมั่นใจว่าคุณเข้าใจความทุกข์ทรมานของฉัน และคุณจะอยู่เคียงข้างฉันในช่วงขณะที่ฉันกำลังตาย ฉันต้องการที่จะรู้ว่าคุณจะรับฟังฉัน ให้เกียรติและยอมรับในตัวฉัน ไม่ถือสากับอารมณ์ความรู้สึกใดที่มักจะเกิดขึ้นกับฉันในแต่ละวัน
ถึงตรงนี้ สิ่งสำคัญมากที่สุด คือ ฉันอยากขอให้คุณมองเห็นฉันเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ไม่ใช่เชื้อโรค ไม่ใช่โศกนาฎกรรม ไม่ใช่เศษแก้วที่แตกร้าว โปรดอย่ามองดูฉันด้วยความสงสาร แต่ขอให้คุณมองฉันด้วยความรัก ความกรุณา แม้ขณะที่ฉันกำลังเผชิญหน้าความตาย ฉันก็ยังมีชีวิตอยู่ ฉันต้องการขอให้ทุกคนปฏิบัติต่อฉันเป็นปกติเหมือนเดิม และนับรวมฉันให้มาอยู่ในแวดวงชีวิตของพวกเขาด้วย ไม่ต้องกังวลว่าพวกคุณจะไม่พร้อมรับฉันได้ทั้งหมด บอกฉันได้ ฉันยอมรับได้หากว่าฉันอาจทำอะไรให้คุณรู้สึกลำบาก หรือทำให้คุณรู้สึกกลัว เศร้าหรือเสียใจ
เหนืออื่นใด ฉันต้องการให้คุณจริงใจต่อฉันด้วย สำหรับพวกเราแล้วตอนนี้ไม่มีเวลาเล่นละครกันแล้ว ไม่มีเวลาที่จะหลบซ่อนซึ่งกันและกัน ฉันรักที่จะรู้ว่าไม่ใช่ฉันคนเดียวที่รู้สึกอ่อนแอและหวาดกลัว เวลาที่คุณมาเยี่ยมเพื่อแสดงความเข้มแข็งและให้กำลังใจ ฉันมักรู้สึกว่าฉันต้องซ่อนตัวตนที่แท้จริงเอาไว้ เวลาที่พวกเราคุยกันแต่เรื่องสัพเพเหระ ฉันรู้สึกเปล่าเปลี่ยว กรุณาเถอะ ได้โปรดเปิดใจและยอมให้ฉันเป็นตัวของตัวเอง ขอให้พยายามใส่ใจด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน สิ่งที่ช่วยเยียวยาฉันได้ก็คือ การมีใครสักคนที่ร่วมแบ่งปันน้ำตา และการร้องไห้กับฉันได้ อย่าลืม พวกเราจะต้องกล่าวคำอำลาระหว่างกันเร็วๆ นี้ ในวันหนึ่ง
หากว่าพวกเราเคยมีเรื่องราว ความเป็นมาร่วมกันมาก่อน คุณคงคิดว่ามันคงไม่ง่ายที่พวกเราจะมาเริ่มสืบสาวเรื่องหมองใจที่ผ่านมา สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ได้หมายความว่าฉันไม่ต้องการรื้อฟื้นเรื่องราวหมอง ใจนั้นๆ ฉันต้องการทีเดียว ถ้าพวกเราจักสามารถยอมรับเรื่องราวความยุ่งยาก ขัดข้องที่ผ่านมาระหว่างพวกเราได้ เพื่อให้อภัยซึ่งกันและกันและปล่อยวางเสีย ถ้าพวกเราคุยเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ และเลือกที่จะซ่อนมันเอาไว้ แต่ละครั้งที่คุณมาเยี่ยมเราทั้งคู่ก็จะรู้สึกเหมือนถูกบีบเค้นจากสิ่งที่ ค้างคาใจอยู่ เชื่อเถอะว่า ฉันรู้ตัวดีถึงความผิดพลาดที่ผ่านมาของฉัน และฉันรู้สึกเสียใจกับสิ่งใดก็ตามที่ได้ทำร้ายคุณมาก่อน ได้โปรดให้โอกาสฉัน บอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ ให้ฉันได้กล่าวคำขอโทษ เพื่อที่เราทั้งคู่จะได้มองดูกันและกันด้วยความรู้สึกแช่มชื่น และมีความสุขด้วยกันได้กับเวลาที่เหลืออยู่
ถึงขณะนี้ฉันต้องพึ่งพาคุณมากกว่าที่ผ่านมา เวลาที่เรานัดหมายกันแล้วคุณมาสาย หรือไม่มาเลย คุณคงไม่รู้ตัวกระมังว่าคุณได้ทิ้งให้ฉันรู้สึกหดหู่ การคิดว่าฉันจะมีเพื่อนสักคนมาเยี่ยมเยียนในวันหนึ่ง มันสร้างความแตกต่างให้ฉันมากทีเดียวกับการอดทนอยู่กับความรู้สึกเจ็บปวด หรือความรู้สึกหดหู่ แต่ละชั่วขณะที่ฉันได้อยู่กับเพื่อนที่รักและยอมรับฉันได้จริงๆ มันเหมือนแสงสว่างแห่งความอบอุ่นที่ฉายสาดเข้ามาให้กับชีวิตที่กำลังทุกข์ ทรมาน เปล่าเปลี่ยวและตื่นกลัว
เมื่อคุณเข้ามาในห้อง คุณสบตาฉันด้วยได้ไหม ? ฉันปรารถนาให้คณใช้เวลามองเข้ามาในดวงตาและมองเห็นความรู้สึกของฉันจริงๆ ฉันโหยหาอ้อมกอดของเพื่อน หรืออย่างน้อยขอให้จับไหล่ สัมผัสมือหรือลูบไล้ใบหน้าของฉันบ้าง ได้โปรดอย่าเก็บรั้งความรัก ความปรารถนาดีของคุณเอาไว้ ในโรงพยาบาลนั้นฉันมักจะรู้สึกเหมือนเป็นวัตถุ เป็นเชื้อโรคมากกว่ามนุษย์ ได้โปรดหยิบยื่นความเป็นมนุษย์ ความโอบอ้อมอารีเพื่อบรรเทาความทุกข์ของฉันด้วย เพราะว่าภาพภายนอก ฉันอาจดูเหมือน .. เย็นชา เก็บตัว แจ่มใส ฉันเฉียว หรือดูจิตใจไม่ปกติ แต่ภายในขงฉันนั้นฉันกำลังทุกข์ทรมาน ว้าเหว่ และ กลัว
กระนั้นแม้ช่วงเวลานี้จะยากลำบากในชีวิตของฉัน ความวิตกกังวลเรื่องใหญ่ก็คือ สภาพของตัวฉันนั้นกำลังสร้างความยุ่งยากกับคนที่ฉันรักอย่างไรบ้าง พวกเขาคงรู้สึกเหมือนสูญเสีย เหนื่อยยากและโดดเดี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่พวกเขากำลังพบปะอยู่ รวมถึงความรับผิดชอบทั้งหมดที่พวกเขาต้องแบกรับ อนาคตของพวกเขาจะเป็นอย่างไร พวกเขาจะจัดการกับมันอย่างไรบ้างหลังจากฉันจากโลกนี้ไปแล้ว ฉันรู้สึกกลัวที่ฉันได้ทอดทิ้งให้พวกเขาโดดเดี่ยวอยู่เพียงลำพัง ในบางวันเมื่อพวกเขามาเยี่ยมเยียนด้วยอารมณ์และความต้องการแตกต่างกันไป ฉันก็รู้สึกอ่อนแอเกินกว่าที่จะรับมือกับมันได้ทั้งหมด ฉันแทบไม่สามารถรับฟังทุกคนและกับทุกภาระที่เข้ามา ฉันจะรู้สึกค่อยยังชั่วขึ้นมากหากมีใครช่วยเหลือให้ครอบครัวที่ใกล้ชิดของ ฉันได้พบกับผู้ให้คำปรึกษา รับฟังความต้องการ ความทุกข์ของพวกเขา และบางทีก็อาจจะช่วยเหลือ แนะนำแนวทางปฏิบัติกับพวกเขาได้
การกล่าวคำอำลาระหว่างเราสองคนเป็นเรื่องสาหัสมาก แต่ถ้าเราไม่ทำเช่นนั้นและถ้าคุณยังเหนี่ยวรั้งความตายของฉันในเวลาที่ฉัน ต้องเดินทางสู่ความตายแล้ว มันก็จะเป็นเรื่องที่แสนสาหัสสำหรับฉันที่จะต้องลาจากไป ฉันอยากที่จะอยู่ให้นานกว่านี้แม้ว่าฉันจะสู้อีกต่อไปไม่ไหวแล้ว ได้โปรดอย่าขวางทางฉันเลย หรือกระตุ้นให้ฉันสู้ต่อไปในเมื่อความเข้มแข็งของฉันมันโบยบินไปแล้ว ตอนนี้สิ่งที่ฉันต้องการมากกว่าคำอวยพรของคุณ ก็คือ การยอมรับของคุณถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับฉัน บอกฉันเถอะว่า ทุกสิ่งจะเรียบร้อยแม้เมื่อฉันจากไปแล้ว แม้ในยามที่ฉันไร้สติ ไม่รู้สึกตัวแล้ว หรืออยู่ในความเจ็บปวด โปรดบอกฉันด้วยว่าคุณยินยอมให้ฉันลาจากไปด้วยความปรารถนาดีอันอบอุ่นและด้วย ความกล้าหาญเท่าที่มีอยู่ในตัวคุณ
สิ่งหนึ่งที่ฉันกลัวมากและอยู่ลึกภายในที่สุด คือ การที่สภาพของฉันต้องกลายมาเป็นเด็กทารกช่วยเหลือตนเองไม่ได้ สื่อสารไม่รู้เรื่อง ฉันกลัวว่าคุณจะหลงลืมว่าฉันเป็นใครและทำกับฉันอย่างไร้เกียรติ แม้แต่การคิดว่าคนอื่นต้องมาดูแลในเรื่องความจำเป็นพื้นฐานที่สุดของฉันก็ทำ ให้ฉันรู้สึกอาย ทุกขณะที่เข้าไปใกล้ความตายมันทำให้ฉันรู้ตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าฉันต้องพึ่งพาคนอื่นอย่างแท้จริงเสียแล้ว ได้โปรดเข้าใจด้วยเวลาที่ฉันต่อต้านการเปลี่ยนแปลงที่มากขึ้น ซึ่งก็คือการต่อต้านการสูญเสียที่เริ่มมากขึ้นนั่นเอง โปรดช่วยเหลือให้ฉันได้ดูแลตัวเองบ้างด้วย ด้วยวิธีนี้มันจะง่ายขึ้นสำหรับฉันที่จะทนรับกับการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่กว่า ซึ่งจะมาถึงในที่สุด ขอให้บอกเล่ากับฉันตรงๆด้วย มากกว่าการพูดคุยข้ามหัวฉัน หรือทำราวกับว่าไม่มีตัวฉันอยู่ในห้อง ค้นหาด้วยว่าในช่วงที่ฉันกำลังจะตายและฉันยังมีสติพูดคุยได้ ฉันต้องการความช่วยเหลือทางการแพทย์อย่างไร ได้โปรดซื่อสัตย์และเคารพความต้องการของฉันด้วย ให้ความมั่นใจว่าความต้องการนั้นจะถูกจดจำและสื่อสารให้คนอื่นทราบ
เวลาที่ทุกคนปฏิบัติต่อฉันราวกับพวกเขารู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุด สำหรับฉัน ฉันรู้สึกโกรธมาก ฉันเป็นคนป่วยไม่ใช่หรือ นี่ไม่ใช่ชีวิตของฉัน ไม่ใช่ร่างกายของฉันหรือ ? ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ ? ไม่มีสิทธิ์รู้ว่าฉันกำลังเป็นหรือตายอย่างนั้นหรือ ? ฉันต้องการรู้ว่าสภาพของฉันเป็นอย่างไร ? ด้วยการคาดคะเนอย่างดีที่สุดของหมอ สิ่งที่ฉันต้องการรู้มากที่สุด คือ ฉันมีเวลาเหลืออยู่แค่ไหน หากคุณทำใจให้รู้สึกกล้าหาญได้ที่จะบอกถึงสิ่งที่กำลังเป็นไป ฉันก็จะตัดสินใจได้ว่าการรักษาพยาบาลแบบไหนที่ฉันต้องการ สิ่งนี้ก็คือ ฉันสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับชีวิตของฉันเอง ถ้าพวกเราต่างเลิกหลบซ่อนความจริงเกี่ยวกับความตายของฉันที่ใกล้เข้ามา ฉันก็จะสามารถที่จะสรุปเรื่องราวความเป็นไปในชีวิตของฉัน เตรียมพร้อมครอบครัวของฉันให้ดำเนินชีวิตต่อไปโดยที่ไม่มีฉันอีกต่อไป
คุณรู้ได้ว่าความเจ็บปวดนั้น บางครั้งฉันแทบทานทนไม่ได้ บางวันความเจ็บปวดนั้นมันเพียงแค่เหมือนการปวดฟัน มันทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิด เครียด โปรดให้อภัยฉันด้วยถ้าฉันอารมณ์ไม่ดี คุณไม่รู้หรอกว่ามันเป็นอย่างไรในการที่ต้องอยู่กับความเจ็บปวดที่ต่อเนื่อง และความไม่สบายแบบนี้ สิ่งที่หนักหนามากก็คือ ไม่มีใครเชื่อว่าฉันต้องแบกความเจ็บ ความปวดมากแค่ไหน มันแทบทำให้ฉันเป็นบ้า ฉันต้องการให้คนอื่นเชื่อว่าฉันเจ็บปวดจริงๆ และฉันก็ต้องการให้ความเจ็บปวดนั้นบรรเทาลง แต่ได้โปรดอย่าทำให้ฉันไม่รู้สึกตัว ฉันขอเลือกที่จะรับรู้ต่อความรู้สึกปวดเจ็บที่มีอยู่บ้างโดยที่ฉันยังมีสติ สัมปชัญญะอยู่ เพื่อสามารถชื่นชมต่อชีวิตและครอบครัวของฉัน และเพื่อที่ฉันจะสามารถเตรียมพร้อมด้านจิตวิญญาณ ขณะที่ฉันมีเวลา ๒ - ๓ สัปดาห์ที่เหลือในโลกนี้
สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากที่สุดที่คุณจะสามารถช่วยฉันในทางปฏิบัติได้ก็คือ การทำในสิ่งที่สนับสนุนความต้องการของฉัน ในช่วงที่ฉันเจ็บป่วยและอ่อนแอเช่นนี้ ฉันอาจจะสูญเสียความสามารถที่จะบอกกล่าวสิ่งที่ฉันต้องการและจำเป็น บางทีกฏเกณท์ในโรงพยาบาลอาจจะพอยืดหยุ่นเพื่อเอื้อเฟื้อต่อวิถีชีวิตแบบของ ฉัน ต่อครอบครัวและต่อความจำเป็นส่วนตัวของฉัน สำหรับผู้เป็นที่รักของฉันพวกเขาอาจจะต้องการการรับรองหรือการสนับสนุนที่จะ หยุดพักจากหน้าที่การดูแลคนเจ็บป่วย เมื่อพวกเขารู้ศึกเครียดหรือหมกมุ่นอารมณ์มากเกินไป และสิ่งที่จริงจังมาก คือ ช่วยฉันในการวางแผนล่วงหน้าถึงสิ่งใดก็ตามที่จำเป็นต้องจัดการ เตรียมพร้อมก่อน เพื่อให้สามารถเตรียมพร้อมบรรยากาศอันสงบได้ในช่วงเวลาแห่งการตาย
เมื่อการนึกคิดของฉันเริ่มไม่ปะติดปะต่อ จะเกิดอะไรขึ้น คุณยังจะมาเยี่ยมเยียนฉันอยู่หรือเปล่า ฉันหวังว่าคุณคงจะไม่เลิกราที่จะพูดคุยกับฉันเมื่อฉันเริ่มเพ้อ พูดไม่เป็นคำ เป็นประโยคแล้ว หรือเมื่อฉันพูดไม่ได้อีกต่อไป อย่าลืมว่าภายใต้สิ่งที่ดูสับสน สิ่งที่ดูไร้ความรู้สึกตัว ฉันยังอยู่ตรงนั้น ฉันยังได้ยินคุณอยู่ ฉันยังรู้สึกได้ถึงความแน่นแฟ้น สัมพันธภาพระหว่างเรา ฉันอาจกำลังรู้สึกโดดเดี่ยว หวาดกลัว กระนั้นฉันก็ต้องการความรักและความมั่นใจจากคุณเสมอ เพื่อที่จะช่วยเหลือฉัน ฉันหวังว่าคุณจะเรียนรู้ได้ถึงความสุขสงบที่อยู่ลึกภายในและการยอมรับ ดังนั้นคุณจะรู้สึกได้ว่าฉันกำลังรู้สึกอย่างไร ต้องการอะไรและรู้ถึงการตอบสนองที่เหมาะสม
เมื่อร่างกายและจิตใจของฉันเริ่มไม่สัมพันธ์กัน ระลึกด้วยว่าภายในของฉันนั้น ฉันยังเป็นคนเดิมที่เคยมีชีวิตในระดับสูงที่สุดมาก่อน ดังนั้นฉันจึงมีคุณค่าอยู่ตลอดเวลาที่จะได้รับความกรุณาและความเคารพ ไม่สำคัญว่าฉันอาจดูเหมือนลาลับจากไปไกลแล้ว ฉันก็เชื่อมั่นว่าความรักและความปรารถนาดีที่รู้สึกได้จากหัวใจของคุณได้ ผ่านเข้ามาและให้ความมั่นคงอย่างลึกซึ้งกับตัวฉัน โปรดอย่าสิ้นหวังในตัวฉันแม้สิ่งต่างๆ ดูเลวร้ายลง นี่คือโอกาสสุดท้ายในการเยียวยาแก้ไขความสัมพันธ์ของพวกเราที่จะหยิบยื่นให้ ของขวัญอันเป็นความรัก การให้อภัยและปัญญาซึ่งกันและกัน
การอยู่โรงพยาบาลทำให้ฉันรู้สึกเคร่งเครียดได้ มันยากที่จะยุติวิถีชีวิตที่ฉันเคยชิน ความชำนาญของฉันที่เคยสร้างความรื่นรมย์ให้เพื่อนพ้อง กิจกรรมที่ฉันเคยชอบ หรือแม้แต่แบบแผนเวลาตื่น เวลานอนของฉัน มันยากที่ต้องสูญเสียความเป็นส่วนตัวไป ในโรงพยาบาลฉันรู้สึกเปราะบางและไร้การปกป้อง ฉันคิดถึงอาหารที่บ้าน งานรื่นเริงในบ้านและดนตรีที่ฉันชื่นชอบ แต่ในสภาพแวดล้อมที่ดูเปิดเผย เป็นที่สาธารณะและถูกควบคุม มันยากมากที่จะหาพื้นที่ว่างสำหรับการแบ่งปันความผูกพันใกล้ชิด ความรู้สึกโศกเศร้าโดยไม่ต้องถูกแทรกหรือขัดจังหวะ เมื่อฉันกลายเป็นคนไข้ในโรงพยาบาล ฉันโหยหาถึงการได้เชื่อมสัมพันธ์กับโลกภายนอก ธรรมชาติ การแปรเปลี่ยนของฤดูกาล อากาศและสายลม ฉันต้องถูกตัดโอกาส ถูกตัดรอนจากทุกสิ่งที่ฉันรักและเฝ้าทนุถนอมแม้ขณะที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ อย่างนั้นหรือ
ฉันขอเลือกตายที่บ้าน ถ้าคุณติดต่อกับสถานพยาบาลผู้ป่วยระยะสุดท้ายได้ พวกเขาคงบอกคุณได้ถึงวิธีการดูแลรักษาพยาบาลฉันที่บ้านได้นานเท่าที่คุณจะ สามารถรับมือได้ การได้อยู่บ้านมันทำให้ช่วงเวลาแห่งการตายเป็นสิ่งที่สามารถทนรับได้ ฉันเข้าใจดีว่าคุณต้องมีความรับผิดชอบต่อการงาน ต่อการเลี้ยงดูครอบครัว ซึ่งคุณอาจต้องผลักไสฉันให้ไปอยู่โรงพยาบาล แต่ได้โปรดกรุณา อย่าได้ทอดทิ้งฉันไว้ที่นั้น ขอให้ช่วยทำสภาพแวดล้อมในโรงพยาบาลให้เหมือนบ้านด้วย ขอให้พยายามใช้เวลาช่วงกลางคืนซึ่งอาจพอทำได้ และหากฉันต้องอยู่โรงพยาบาลกระทั่งช่วงเวลาสุดท้าย ฉันยินดีมากถ้าคุณสามารถพาฉันซึ่งมีเวลาเหลือไม่กี่วันในโลกนี้ได้กลับไปตาย ที่บ้าน พยาบาลที่สถานพยาบาลระยะสุดท้ายจะช่วยคุณในเรื่องนี้ได้ ซึ่งนั่นจะเป็นสิ่งที่วิเศษมากในการได้อยู่ในความดูแลเอาใจใส่ในบรรยากาศที่ ฉันคุ้นเคย พร้อมด้วยครอบครัวและเพื่อนพ้อง ในความสงบที่ทุกคนช่วยกันด้วยการนั่งสมาธิ สวดมนต์หรือพูดคุยกับฉัน สิ่งเหล่านี้ช่วยบรรเทาความกลัวและความเปล่าเปลี่ยวของฉันได้
ฉันต้องการความช่วยเหลือที่จะตรึกตรองชีวิตด้วย เพื่อที่ฉันจะทำความเข้าใจมันได้ ความหมายของชีวิตที่ฉันมีคือ อะไร ฉันได้บรรลุอะไรมาบ้างแล้ว ฉันได้เปลี่ยนแปลงและเติบโตอย่างไร ฉันอยากรู้ด้วยว่าคุณจะไม่ตัดสินฉัน ซึ่งทำให้ฉันเผชิญหน้าและทบทวนชีวิตกับคุณได้อย่างซื่อสัตย์ สนับสนุนให้ฉันยอมรับในความเศร้าเสียใจ ซึ่งนั้นทำให้ฉันสามารถแก้ตัวกับใครก็ตามที่ฉันเคยละเลยหรือทำร้ายมาก่อน เพื่อขอให้พวกเขาให้อภัย ในบางโอกาสเมื่อฉันมองย้อนกลับไปชีวิตฉันดูเต็มไปด้วยความผิดพลาด ความเห็นแก่ตัวไปหมด ไม่มีใครชอบ แต่ก็ขอให้ช่วยฉันได้ย้ำเตือนในสิ่งที่ฉันได้ทำสำเร็จมาแล้ว ในคุณความดีที่ฉันได้เคยทำ เพื่อที่ว่าฉันจะได้รู้ด้วยว่า บางสิ่งบางอย่าง ฉันได้ทำคุณประโยชน์ให้กับชีวิตของคุณด้วย
ได้โปรดด้วยว่าคุณไม่จำเป็นต้องมีคำตอบทุกคำตอบหรือมีคำพูดสวยหรูเพื่อ คอยปลอบโยนความกลัวของฉัน คุณอาจมาอยู่ข้างๆ ตัวฉันด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นก็ได้ ไม่รู้จะพูดอะไร คุณไม่ต้องเสแสร้งให้ดูเข้มแข็ง สิ่งแรกที่ฉันต้องการจากคุณ คือ ความเป็นมนุษย์จริงๆ ที่จะหยิบยื่นทางจิตวิญญาณให้กับฉัน ความกล้าหาญของคุณที่จะช่วยแบ่งปันความไม่มั่นคง ความกลัวและความโศกเศร้าอย่างแท้จริงร่วมกันกับฉัน สำหรับช่วงเวลาแห่งการสูญเสียที่พวกเราต้องเผชิญหน้า ร่วมกันผ่านพ้นความรู้สึกอันแสนยากนี้ร่วมกัน ร่วมกันสร้างสานสัมพันธ์อันลึกซึ้ง ความเชื่อถือต่อกัน ฉันจะรู้สึกปลอดภัยมากพอที่จะเริ่มปล่อยวาง และสามารถเผชิญหน้ากับความตายของฉันด้วยความรู้สึกของจิตใจที่สุขสงบ ไม่หวาดหวั่นและเปิดกว้าง
หลังจากที่คุณรับฟังคำพูดต่อความเจ็บปวด คำตัดพ้อของฉัน ย้ำเตือนฉันด้วยว่าฉันไม่ได้เป็นแค่ความเจ็บปวดและความโศกเศร้า ความกลัวหรือความโกรธเท่านั้น ฉันเป็นอะไรมากกว่านั้น ช่วยให้ฉันได้ทำความเข้าใจกับความทุกข์ทรมานใดๆ ก็ตามที่ฉันกำลังผ่านพ้นไปนั้น ว่าคือ กระบวนการทางธรรมชาติ มันเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นมนุษย์ ย้ำเตือนฉันถึงความรู้สึกอันเจ็บปวด สภาพทางกายภาพ ไม่ว่ามันจะดูหนักหนา และเกิดขึ้นจริงๆ มันก็จะผ่านพ้นไปในที่สุด
หากฉันดูเหมือนว่ากำลังหลงตกอยู่ในความทุกข์ทรมานของตนเอง ช่วยฉันให้รำลึกด้วยว่ายังมีสิ่งดีงามที่ฉันทำได้ คือ การแผ่ความรัก ความเมตตาของฉันให้คนอื่นๆ บอกฉันถึงวิธีการที่ชีวิตของฉันได้สัมผัสกับชีวิตคุณ ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตามที่คุณสามารถเข้ามาในชีวิตจิตใจฉันได้ ขอให้คุณได้ช่วยฉันสัมผัสกับความดีงามที่มีอยู่ภายใน ซึ่งเป็นสาระสำคัญที่สุดในชีวิตฉัน
ในช่วงเวลาแห่งการตายของฉันมันจะมีความหมายอย่างไรบ้าง เมื่อฉันนอนเหยียดยาว อ่อนแอ ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ฉันมักโน้มเอียงที่จะเชื่อว่า สิ่งที่เหลืออยู่ในชีวิตของฉันมันไร้ความหมาย ทุกคนต้องคอยช่วยเหลือทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ฉัน มันยากสำหรับฉันที่จะไม่รู้สึกว่าฉันไม่หลงเหลือคุณประโยชน์ใดๆ ที่จะแบ่งปันให้ แต่ถ้าคุณถามเรื่องนี้ คุณอาจจะพบว่าฉันมีบางสิ่งที่หยิบยื่นให้คุณได้ ก็คือ ความตระหนักรู้ต่อชีวิต ต่อความตายที่ฉันกำลังจะได้มันมาในเร็วๆ นี้ คุณจะอนุญาตให้ฉันมอบของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ฉันมีให้กับคุณหรือเปล่า ?
ความนึกคิดต่อความตายมักคุกคามฉันเสมอ เวลาเดียวกันฉันก็รู้สึกสุขสงบอย่างประหลาด แม้กระทั้งรู้สึกกระตือรือร้นต่อการผจญภัยที่อยู่ข้างหน้า แม้ว่ามันจะเป็นการเดินทางที่ฉันไม่ได้ตระเตรียมมาก่อนก็ตาม แม้ว่าคุณจะพยายามให้ความเชื่อและคำตอบของคุณเองที่มีต่อเรื่องความตายให้ กับฉัน มันก็ไม่ช่วยอะไรหรอก ฉันอยากขอให้คุณช่วยฉันค้นหาปรัชญาชีวิตของฉันเองมากกว่า รวมถึงความเชื่อมั่น ความดีงามที่มีอยู่แล้วในตัวฉัน แต่ถ้าคุณมีพื้นฐานทางวัฒนธรรมด้านศาสนธรรมอยู่แล้วซึ่งให้ความเข้มแข็งกับ คุณ และช่วยให้คุณผ่านพ้นความทุกข์ของตัวคุณเองได้ บางทีคุณอาจจะสามารถพบวิธีที่จะเปิดประตูหน้าต่างแห่งความหวังให้กับฉันได้ บางทีทั้งหมดที่คุณจำเป็นต้องทำคือ การบอกเล่าให้ฉันฟังถึงเรื่องราวของคุณ โดยไม่ต้องสอดแทรกความคาดหวังใดๆ ด้วยช่วงเวลาที่คุณได้อุทิศความรัก ความเชื่อมั่นของคุณ ฉันก็จะได้ทำบางสิ่งที่ลึกซึ้งเข้ามาในชีวิตแล้ว
หลังจากฉันตาย จะเกิดอะไรขึ้น ? มันสำคัญอย่างไร ? ขอให้ช่วยฉันค้นหาภาพลักษณ์ของความตายที่ให้ความสุขใจมากกว่าความน่าตื่น กลัว เพื่อให้ฉันเชื่อมั่นถึงสิ่งที่อยู่ข้างหน้า คือ สุคติ สิ่งที่ฉันไม่ต้องการคือ ความรู้สึกที่ว่าฉันต้อง “ ยุติ ” และตายไป บางทีคุณอาจช่วยฉันให้พบวิธีที่จะเผชิญความตายด้วยท่าทีที่เป็นกุศล เรียกหาสิ่งดีที่สุดในญาณปัญญาและความเมตตาพื้นฐานที่มีอยู่ภายในตัวฉัน บางทีเราเปรียบเทียบได้กับเด็กที่หลงทาง มันเหมือนว่าฉันได้ว่ายเวียนห่างไกลจากบ้านและความจริงแท้ของฉันเอง การตายอาจเป็นเหมือนขั้นตอนที่ช่วยฉันค้นพบทางกลับบ้าน ดังนั้นฉันก็สามารถที่จะสุขสงบกับภายใน กับความจริงแท้ภายในจิตใจ
บางทีคุณอาจเรียนรู้ถึงการฝึกฝนทางด้านจิตวิญญาณ ทั้งการสวดภาวนาหรือการนั่งสมาธิ การอ่านหนังสือธรรมะหรือดนตรีที่ให้ความดลใจ ความสงบทางจิตใจ นั่งอยู่ใกล้ๆ กับฉันและร่วมภาวนาไปกับฉัน ทุกครั้งทีมีโอกาสมาเยี่ยมเยียนฉัน ค้นหาหนทางการฝึกปฏิบัติทางจิตใจที่จะเติมเต็มหัวใจฉันด้วยความเชื่อมั่น ความจงรักภักดีและความเมตตาที่ช่วยฉันตระเตรียมสำหรับความตายได้ ฉันรู้สึกซาบซึ้งมากหากคุณสามารถเอื้อเฟื้อสิ่งต่างๆ ที่จำเป็นร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ทางโรงพยาบาลหรือครอบครัวฉัน เพื่อให้บรรยากาศเวลาที่ฉันกำลังตายเป็นไปด้วยความรัก ความสงบและความเป็นไปเพื่อการฝึกฝนทางจิตวิญญาณ
และได้โปรดอย่ารู้สึกไม่สบายใจหรือวิตกกังวลหากฉันตายโดยที่คุณไม่ได้ อยู่เคียงข้างฉัน การที่คุณอยู่ด้วยอาจช่วยให้ฉันเป็นสุข สงบ แต่มันก็อาจจะทำให้ฉันรู้สึกยากลำบากที่ต้องจากไปก็ได้ กรุณาบอกและทำสิ่งใดก็ตามที่คุณต้องการทำแต่เนิ่นๆ และเพื่อคุณจะได้ไม่ต้องเศร้าเสียใจหากฉันลาจากไปโดยไม่คาดหมาย และเมื่อคุณรู้ว่าฉันได้ตายจากไปแล้ว ขอให้คุณปล่อยวางความรู้สึกผิดใดๆ
ระลึกเสมอว่า ฉันรู้สึกซาบซึ้งเพียงใดในสิ่งที่คุณได้ทำมา และสิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุดขณะนี้คือ ความกรุณา ความจริงใจ และการสวดภาวนาจากหัวใจของคุณ ด้วยความปรารถนาดีที่มีต่อฉัน และปล่อยวางให้ฉัน … จากไป
แปลจาก “The need of the Dyng” จากหนังสือ Facing Death & Finding Hope : A guide to the emotional & Spiritual care of the dying