คุณแม่หลายคนรู้สึกว่าตัวเองมักท่วมท้นด้วยความรับผิดชอบหลายอย่างในชีวิต ทั้งหน้าที่การงานและการดูแลครอบครัว พวกคุณจึงเริ่มตั้งคำถามถึงความสามารถของตัวเอง มองหาคำตอบสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้จากสิ่งรอบตัว และยังกังขาว่าจะเป็นแม่ที่ดีได้อย่างไร ความจริงแล้วคำตอบอยู่ที่ตัวคุณเอง ถ้าคุณให้เวลากับตัวเองที่จะเงียบและฟังเสียงของคุณ…เรียนรู้ที่จะฟังเสียงจากภายในและปัญญาญาณของตัวเอง
คุณจะกลายเป็นคุณแม่ที่มีสติ เมื่อคุณเรียนรู้ที่จะทบทวนความคิด ความเชื่อ และการกระทำของตัวเอง ความตระหนักของคุณจะทำให้คุณระมัดระวังที่จะปฏิสัมพันธ์กับลูกๆ และคุณก็เรียนรู้ที่จะชื่นชมความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน คุณเรียนรู้ที่จะตอบสนองกับลูกๆ มากกว่าที่จะตอบสนองต่อพฤติกรรมของพวกเขา และแม้แต่ในวันที่ยุ่งมากที่สุด ก็จะใช้เวลานิดเดียวหากคุณเลือกที่จะใช้สติกับความเป็นแม่ของคุณ ข้อแนะนำเหล่านี้จะช่วยคุณได้
ลูกๆ ต้องการการเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งจากคุณ มีงานวิจัยพบว่าลูกที่รู้สึกเชื่อมโยงกับพ่อแม่ของตน จะให้ความร่วมมือ รับฟังและยอมที่จะทำตามสิ่งที่พ่อแม่บอก ถ้าสิ่งที่คุณพูดกับลูกมักจะเป็นการออกคำสั่งหรือต้องทำตาม (เช่น ไปอาบน้ำ ทำการบ้านรึยัง ไปทำความสะอาดห้อง) ให้คุณคิดถึงการเชื่อมโยงก่อนที่จะสั่งการ อย่าลืมที่จะมองตากัน มองให้เห็นลูกของคุณ มองเห็นเขาตามจริงอย่างที่เขาเป็น
เด็กๆ ส่วนใหญ่ชอบการสัมผัส แม้แต่ลูกที่เป็นวัยรุ่นที่มักจะต่อต้านการกอด เขาจะรู้สึกสบายใจกับการชกหรือแตะเบาๆ คุณสามารถที่จะให้ความใส่ใจและถามลูกก่อนว่า เขายอมที่จะให้กอดหรือเปล่า หรือเพียงแค่เขาอยากนั่งใกล้ๆ คุณ มีหลายวิธีที่คุณจะเชื่อมโยงกันได้
หลายมุมมองของคุณมักจะเป็นไปตามความคุ้นชินเดิมๆ โดยที่ไม่ระวังว่าจะเกินไปจากความเป็นจริงในสิ่งที่เราเห็น แว่นที่คุณใช้มองมาจากประสบการณ์เดิม และมักจะบิดเบี้ยวไปจากข้อความหรือสิ่งที่เราได้รับระหว่างทาง เพียงแต่เรามองโลกด้วยสายตาที่อ่อนโยน ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกรุณาและการยอมรับ เมื่อนั้นเราจะเข้าใจมากขึ้น
การมองด้วยสายตาที่อ่อนโยน ทำให้เราวางสมมติฐานและการตัดสินลง ทำให้เราได้ขุดลงไปในการรับรู้และสิ่งที่เรายึดติดอยู่ เพื่อที่จะเปิดใจออกมาให้เห็นลูกของเราอย่างแท้จริง ไม่ใช่อย่างที่เราอยากเห็นหรืออยากให้เขาเป็น เริ่มจากที่คุณยอมรับและรักตัวเอง ซึ่งจะส่งผลให้เมื่อเรามองดูลูกจะมองเห็นเขาจริงๆ ในสิ่งที่เขาเป็น
สิ่งที่ปรากฏเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในชีวิตคุณ เมื่อคุณเริ่มมองเห็นอย่างชัดเจนขึ้น และจริงแท้ในความสัมพันธ์ระหว่างคุณและลูก คุณก็จะสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ยากได้
ข้อความของคุณมีพลังมากในการเลี้ยงดูหัวใจของลูก ซึ่งจะเป็นสิ่งที่บ่มเพาะการเติบโตของเขา ความศรัทธาที่คุณมีต่อลูก ก็มีอิทธิพลต่อการที่ลูกคุณจะศรัทธาในตัวเขาเอง การกล่าวข้อความในเชิงบวกและพูดสิ่งที่ดี จะทำให้ลูกของคุณเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้
ตัวอย่างข้อความในเชิงบวกที่คุณสามารถพูดกับลูกได้ เช่น
คำพูดในเชิงบวกเหล่านี้ที่คุณกล่าวกับลูก จะไม่ขึ้นอยู่กับอารมณ์ความรู้สึก ความเชื่อ หรือพฤติกรรมของลูกคุณ มันไม่มีเงื่อนไขใดๆ ในสิ่งที่คุณจะได้พูดออกมา คุณชื่นชมออกมาจากสิ่งที่ลูกเป็นจริงๆ
แม่หลายคนจะให้การดูแลคนอื่น มากกว่าที่จะดูแลเอาใจใส่ตัวเอง การดูแลตัวเองไม่ใช่ความเห็นแก่ตัว เวลาคุณขึ้นเครื่องบิน แอร์โฮสเตสจะบอกให้แม่ใส่หน้ากากออกซิเจนให้ตนเองก่อนแล้วจึงใส่ให้ลูก ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ขัดต่อความคิดของคนที่เป็นแม่ แต่การดูแลตัวเองเป็นสิ่งสำคัญมากต่อการเป็นอยู่ของคุณ และต่อลูกของคุณ
คุณจะให้สิ่งที่คุณไม่มีต่อตนเองกับลูกคุณได้อย่างไร ถ้าคุณไม่ดูแลตัวเอง
ผู้เขียนได้ถามเด็กเล็กและเด็กโตถึงสิ่งที่เขาปรารถนา หากสามารถที่จะปรับเปลี่ยนเรื่องในครอบครัวได้ ส่วนใหญ่ตอบว่า “อยากให้แม่มีความสุข…แม่มักจะเครียดอยู่เสมอ”
การเล่นจะลดความเครียดได้ มีการศึกษาว่าครอบครัวที่ได้เล่นด้วยกันจะมีสายสัมพันธ์ที่เข้มแข็ง ให้ความร่วมมือ และมีการสื่อสารกันภายในครอบครัว ธรรมชาติของมนุษย์นั้นต้องการให้ถูกมองเห็นและได้ยิน เด็กๆ ก็เช่นกัน
การได้เล่นด้วยกันนั้นเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก นั่นคือพวกเขามีตัวตนในสายตาของพ่อแม่ ประโยชน์อย่างมากจากการเล่นกับลูกคือการสร้างความสัมพันธ์ มันช่วยให้เราเชื่อมโยงกับลูกได้แม้จะอยู่ในสถานะที่แตกต่างกัน จงเปิดรับคำแนะนำจากลูกๆ ในกิจกรรมการเล่นต่างๆ เพราะพวกเขาคือผู้เชี่ยวชาญ
เมื่อคุณได้ฝึกสติกับวิธีการเหล่านี้แล้ว คุณจะเริ่มค้นพบคำตอบของคุณ คุณจะทบทวนตัวเอง ตัดสินใจอย่างมีสติ และเรียนรู้ที่จะไว้วางใจปัญญาญาณของตน และคุณจะเริ่มค้นพบว่าอะไรคือสิ่งสำคัญต่อคุณและครอบครัว
ในวันแม่นี้ ขอให้คุณเรียนรู้ที่จะไว้วางใจตัวเอง และจำไว้ว่าคำตอบมีอยู่แล้วภายในตัวคุณ เรียนรู้ที่จะปลดปล่อยความสงสัยในตัวเองและความรู้สึกผิดแบบแม่ๆ ขอให้สนุกกับลูกๆ และปลุกความสดใสร่าเริงในความเป็นแม่ของคุณ