ความรัก ความมั่งคั่ง ความสำเร็จ

ชัยยศ จิรพฤกษ์ภิญโญ 16 มีนาคม 2003

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ บ้านหลังหนึ่งซึ่งมีพ่อแม่ลูกและปู่ย่าอยู่ร่วมกัน ๓ ชั่วรุ่นเป็นครอบครัวใหญ่ พวกเขามีแขกพิเศษเป็นเทพธิดา ๓ ตนมาเยี่ยมเยียน  เทพธิดาทั้ง ๓ มีนามว่า ความรัก ความมั่งคั่ง และความสำเร็จ  เงื่อนไขของพวกเขาคือ หากเจ้าของบ้านยินดีต้อนรับ เจ้าของบ้านจะต้องเลือกเทพธิดาตนใดตนหนึ่งเป็นแขกของบ้านได้ตนเดียว เพราะพวกเขาจะไม่เข้าไปในบ้านพร้อมกัน  เงื่อนไขนี้ทำให้ทุกคนในบ้านต้องประชุมหารือถกเถียงกันอย่างหนัก เพื่อเชิญเทพธิดาที่พวกเขาคิดว่าดีที่สุดสำหรับชีวิตของพวกเขา  ถ้าผู้อ่านเป็นเจ้าของบ้านจะตัดสินใจเลือกเทพธิดาตนใด  เทพนิยายนี้จบลงด้วยความสุข ด้วยการที่เจ้าของบ้านเลือกเทพธิดา “ความรัก” ซึ่งก็ปรากฏว่า เมื่อเทพธิดาความรักเดินเข้าไปในบ้าน เทพธิดาทั้ง ๒ คือ ความมั่งคั่งและความสำเร็จก็เดินตามไปด้วย ด้วยเหตุผลว่า “ที่ใดมีความรัก ที่นั้นก็จะมีความมั่งคั่งและความสำเร็จตามมา”

เทพนิยายเรื่องนี้เลือกการจบด้วยการให้คุณค่ากับความรัก แต่สำหรับชีวิตประจำวันที่มีเรื่องราวส่วนตัว ชีวิตการงานและชีวิตในสังคม ใช่หรือว่าใน ๓ สิ่งนี้เราจะเลือก “ความรัก” เสมอไป   อะไรคือเหตุผลของคนส่วนใหญ่ในการย้ายงาน อะไรคือแรงจูงใจของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันโครงการท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย รวมถึงแรงจูงใจที่รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการทำสงครามกับอิรัก  เหตุผล ความรู้สึก และแรงจูงใจอะไรที่ทำให้เราพากเพียรบากบั่นเพื่อเอาชนะเป้าหมาย

ข้อเท็จจริงประการหนึ่งของความมั่งคั่ง คือ การที่ทุกคนส่วนใหญ่มีความเชื่อที่ว่า ความมั่งคั่งเป็นสื่อที่จะนำมาซึ่งความสมปรารถนาในทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอำนาจ สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ รวมไปถึงมิตรภาพและความสัมพันธ์  อำนาจเงินสามารถที่จะคัดง้างสิ่งต่างๆ ได้แม้แต่คุณธรรมความดี กฎหมาย นโยบายของสังคม ของประเทศ  แม้ว่าหนึ่งในสาเหตุหลักใหญ่ของปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นต่างๆ มาจากระบบที่ขาดความโปร่งใสในข้อมูลข่าวสาร ในการตรวจสอบ  แต่เบื้องหลังก็คือ แรงจูงใจที่มีต่อการแสวงหาความมั่งคั่งด้วยวิธีการทุจริตและประพฤติมิชอบ  หรือข้อเท็จจริงง่ายๆ คือ ค่าตอบแทนการทำงาน อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ฯลฯ ทิศทางประการเดียวที่เราคาดหวังคือ การเพิ่มขึ้น มากขึ้น สูงขึ้นอยู่ตลอดเวลา

มายาคติของความมั่งคั่ง คือ ความเชื่อว่ามันคือความมั่นคง  แต่มันเป็นความมั่นคงที่หลอกลวง เพราะการทุ่มเทพลังชีวิตทั้งหมด ความสามารถ ทรัพยากรต่างๆ เพื่อแสวงหาความมั่งคั่งนั้นไม่เคยมีจุดสิ้นสุด เนื่องจากความไม่พอใจในความมั่งคั่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน  เพราะทันทีที่ประสบความร่ำรวยมีความมั่งคั่งระดับหนึ่ง ระบบโครงสร้างสังคมที่มุ่งเน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ การแข่งขัน หรือความคิดความเชื่อของเราเองที่ทำให้เราเห็นและเชื่อว่า ความมั่งคั่ง คือความมั่นคงนั้น  สิ่งเหล่านี้ทำให้เราเห็นว่ามีความร่ำรวย มีความมั่งคั่งในระดับที่สูงกว่า  ซึ่งนัยหนึ่งก็คือ มีความมั่นคงที่ดีกว่าให้เราวิ่งแสวงหาความมั่งคั่งในระดับที่สูงกว่า  ความมั่งคั่งเช่นนี้จึงเป็นสิ่งที่ไม่มีวันสิ้นสุด เป็นสิ่งที่ไม่เคยเต็มอิ่มและเป็นสิ่งที่โหยหิวตลอดเวลา

นอกจากความมั่งคั่ง  ความสำเร็จเป็นตัวเลือกสำคัญที่มีอิทธิพลสำคัญ  ความสำเร็จเป็นที่มาของความภาคภูมิใจ ที่มาของการยอมรับจากสังคมรอบข้าง คนใกล้ตัว รวมถึงตนเองในความสามารถ ความอุตสาหะพากเพียร และเป็นที่มาของความเชื่อมั่นภายในหลายอย่าง  สำหรับหลายคน ความสำเร็จจึงเป็นปราการและอาวุธสำคัญในการป้องกันการถูกดูหมิ่นหยามเหยียด และการทำลายความอัปยศอับอาย  สิ่งที่เคียงคู่ความสำเร็จก็คือ เป้าหมายที่มุ่งบรรลุให้ถึง ทั้งที่เป็นรูปธรรมเช่น ยอดขายที่ต้องบรรลุให้ได้ ส่วนแบ่งการตลาดที่ต้องแย่งชิงจากคู่แข่งการค้า หรือแม้แต่รางวัลชนะเลิศ สถิติการแข่งขันในกีฬาทุกประเภท หรือความสำเร็จที่เป็นนามธรรม เช่น การได้รับความยอมรับชื่นชม การได้ชื่อเสียง เกียรติยศ

เบื้องหลังการมุ่งมั่นสู่ความสำเร็จก็ไม่ต่างจากการมุ่งสู่ความมั่งคั่ง คือ การทุ่มเทพลังชีวิต ความสามารถ ทรัพยากรต่างๆ ภายใต้ความคิดความเชื่อว่า ความสำเร็จจะนำมาซึ่งสิ่งที่ตนมุ่งหวัง นำมาซึ่งคุณค่า สิ่งที่มีความหมายต่อชีวิต  อาจเป็นความสุข ความมั่นคงในรูปของความมั่งคั่ง การถือครองทรัพย์สมบัติ การมีชื่อเสียง ฯลฯ  แต่เพราะคุณค่าความสำเร็จเช่นนี้ถูกกำหนดจากสังคมภายนอก จากค่านิยมหรือจากภาพลักษณ์ที่คนในสังคมใหคุณค่าว่ามีความหมายต่อชีวิต  ดังนั้นสำหรับผู้ฝากชีวิตกับความสำเร็จ ก็คือ ผู้ฝากชะตาชีวิตและความหมายชีวิตของตนเองให้อยู่ในการกำกับ ชี้นำของค่านิยมทางสังคม ของคนรอบข้าง ซึ่งก็อาจมีความสุข ความทุกข์ตามเงื่อนไข  เพียงแต่ชะตาชีวิตที่ขึ้นกับการชี้นำของปัจจัยภายนอก นัยหนึ่งก็คือ การยอมจำนน

การทุ่มเทพลังชีวิตทั้งหมดเพื่อแสวงหาความมั่งคั่งนั้นไม่เคยมีจุดสิ้นสุด ขณะที่การมุ่งมั่นสู่ความสำเร็จตามค่านิยมทางสังคมก็อาจไม่ทำให้เรามีความสุข

ความรักไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกเท่านั้น แต่ยังประกอบด้วยผู้มีความรักและสิ่งหรือบุคคลที่ถูกรัก  เราไม่สามารถรักโดยไม่มีสิ่งที่ถูกรักได้  ปัญหาที่หมุนวนอยู่ในตัวเรานั้น ไม่ใช่ว่าเรารักอะไร แต่คือ เรารักสิ่งต่างๆ นั้นอย่างไร  เราแสดงออกซึ่งความรักนั้นอย่างไร  ความรักเป็นสิ่งสวยงาม ก่อเกิดพลังชีวิตที่สร้างความอบอุ่นในจิตใจ และเป็นแรงบันดาลใจสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ หรือเท่าๆ กับที่ก่อเกิดพลังทำลาย  ความรักแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธและเกลียดด้วยเงื่อนไขปัจจัยอะไร  ด้านหนึ่งของความรักสัมพันธ์ใกล้ชิดกับความหลง ความต้องการเพื่อเสพ เพื่อยึด ครอบครองสิ่งที่ถูกรัก  ด้วยสัญชาติญาณพื้นฐานของทุกคนคือ ความต้องการสืบทอดเผ่าพันธุ์ สืบทอดและสนองปรนเปรอตัวตน  มิติของความรักเช่นนี้จึงเจือปนด้วยความรู้สึกสุข ทุกข์ ผสมผสานกันไป  รวมถึงความขาดพร่องที่ต้องอาศัยการสนองตอบ การหาสิ่งภายนอกมาเติมเต็ม ซึ่งต้องพัวพันกับความผิดหวัง สมหวัง  แต่ถึงที่สุดก็คือ ความรักเช่นนี้ไม่เคยเต็มอิ่ม

แต่ในอีกมิติหนึ่งของความรัก คือ ความรู้สึกอ่อนโยนถึงความเมตตากรุณา อันเป็นความปรารถนาดีต่อสรรพชีวิต  มิติความรักอันเป็นความกรุณานี้มีความมั่นคง เต็มอิ่มสมบูรณ์ในตัว  ไม่ต้องการและไม่เรียกร้องสิ่งใด มีแต่ความปรารถนาให้เกิดสันติสุข  เพราะทั้งอากาศ ผืนดิน ท้องฟ้า มิตรหรือศัตรู ต่างล้วนเป็นส่วนหนึ่งในตัวเรา  เท่าๆ กับที่ตัวเราเป็นส่วนหนึ่งของสรรพสิ่ง เพราะต่างล้วนผสมผสานเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน  เช่นเดียวกับเมื่อแขนข้างขวาของเราเจ็บปวด แขนซ้ายก็จะช่วยประคับประคองไม่มีการแบ่งแยกใดๆ  ชั่วขณะของความรักเช่นนี้เกิดขึ้นในจิตใจของเราทุกคนได้ เพียงแต่เราได้สังเกตเห็น และมีสติ นิ่งเพื่อสัมผัสมิติความรักนี้บ้างหรือไม่  เพราะโดยส่วนใหญ่เรามักคุ้นชินกับความรักที่เจือปนด้วยความหลง ความยึดติด ด้วยตัวตนที่เรียกร้อง ตัวตนที่ต้องการสิ่งสนองตอบ

ตราบที่เราเป็นปุถุชน แต่ละชั่วขณะของชีวิตเราต้องเผชิญกับการเลือก ซึ่งหมายถึงการทุ่มเทพลังชีวิตเพื่อความรัก ความมั่งคั่งหรือความสำเร็จ  เราเลือกอะไร เลือกอย่างไร ขึ้นกับความเป็นตัวตนของเรานั้นว่าโง่เขลา เฉลียวฉลาด หลอกลวง ซื่อสัตย์ ฯลฯ  ภารกิจเพื่อศึกษาเรียนรู้ตัวตนเพื่อเท่าทัน เพื่อละวางตัวตนที่โง่เขลา เพื่อบ่มเพาะตัวตนที่เจริญพร้อมด้วยคุณธรรม เพื่อเข้าถึงความรักที่เป็นความกรุณารอคอยทุกท่านอยู่  การเลือกนี้เราเท่านั้นที่เป็นผู้ตัดสินใจเลือก มันเป็นภารกิจของท่านเอง


ภาพประกอบ

ชัยยศ จิรพฤกษ์ภิญโญ

ผู้เขียน: ชัยยศ จิรพฤกษ์ภิญโญ

นอกเหนือจากบทบาทนักเขียนประจำคอลัมน์ งานสำคัญ คือ กระบวนกร นักจิตปรึกษา, enneagram coach สนใจและรักที่จะทำงานด้านการทำงานเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงกับโลกภายในผ่านทักษะ ประสบการณ์เรียนรู้ทั้งงานอบรม การทำจิตปรึกษา และงานเขียน