ศีล สมาธิ และปัญญา เพื่อการดูแลรักษาสุขภาพองค์รวม

สมเกียรติ มีธรรม 6 กุมภาพันธ์ 2001

สุขภาพหมายถึงภาวะที่ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ  โดยนัยนี้คนส่วนใหญ่จึงเข้าใจไปว่า เป็นเพียงสุขภาพกายเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับจิตใจ สังคม และสิ่งแวดล้อม  เพราะเหตุดังนั้น การดูแลสุขภาพจึงเน้นไปในเรื่องของการกิน และการออกกำลังกายเป็นสำคัญ  อย่างเช่นต้องกินอาหารให้ครบ ๕ หมู่ ต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างนี้เป็นต้น

แต่การกินอาหารให้ครบ ๕ หมู่ และออกกำลังกายสม่ำเสมอนั้น ไม่เพียงพอที่จะทำให้เราอยู่ในสภาวะที่ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บได้  ในด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราไม่สามารถอยู่ในภาวะที่ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บได้อีกเช่นกัน  เนื่องจากสิ่งเหล่านี้มีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน เป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่กันและกันต่อการดำเนินวิถีชีวิตของเรา ในทุกจังหวะก้าวแห่งชีวิต

ขณะที่ชีวิตดำเนินไปตามจังหวะของมันโดยปราศจากการฝึกฝนและควบคุมตนนั้น หลายต่อหลายครั้งเราหลงไปกับจังหวะชีวิตที่วิ่งไปในแต่ละนาที แต่ละชั่วโมง แต่ละวัน จนละเลยสุขภาพของตนไป  ยิ่งในสังคมบริโภคนิยมด้วยแล้ว ความหลากหลายแปลกใหม่ของสินค้าและบริการที่โฆษณาผ่านสื่อต่างๆ ชักจูงให้เราเข้าไปเสพได้ง่ายอย่างไร้สติ  โดยนัยนี้ ศีล สมาธิ และปัญญา จึงเข้ามาเกี่ยวข้องเราอย่างแนบแน่น

ศีลในที่นี้หมายถึงความเป็นปกติ  ถ้าไม่ปกติมีความทะยานอยาก ไม่รู้จักพอ ฯลฯ เรียกว่าความไม่มีศีล  และศีลในที่นี้ไม่ได้มีความหมายจำเพาะแต่เป็นข้อห้าม หรือข้อที่พึงละเว้นของปัจเจกบุคคลเท่านั้น หากแต่เป็นเรื่องของสังคมด้วย  ถ้าสังคมไม่มีศีล ความเป็นปกติก็ไม่เกิดขึ้น สังคมก็มีแต่ความขัดแย้ง ความรุนแรง และโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ก็จะตามมาก่อปัญหาสุขภาพกายและสุขภาพใจได้

ในปีหนึ่งๆ เราต้องเสียเงินทองไปมากมายกับปัญหาสุขภาพอย่างที่ไม่ควรจะเป็น จากตัวเลขของธนาคารโลกพบว่า สัดส่วนของเงินที่ประชาชนได้ใช้จ่ายไปเป็นค่าดูแลรักษาสุขภาพในปี พ.ศ.๒๕๓๖ สูงถึง ๗๔% ขณะที่รัฐบาลเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเพียง ๒๖% เท่านั้น  ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากหากเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ ในชีวิตประจำวันของเรา และยิ่งสูงขึ้น หากปัจเจกบุคคลและสังคมไม่มีความเป็นปกติ  โดยนัยนี้ศีลจะเข้ามาทำหน้าที่เยียวยาปัจเจกบุคคลและสังคมให้เป็นปกติ ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ  เนื่องจากศีลเป็นระเบียบของบุคคล และระบบสังคม ที่ทำให้สรรพชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีดุลยภาพ กลมกลืนสอดคล้องกับธรรมชาติ ไม่เอารัดเอาเปรียบตนเองและผู้อื่นมากจนเกินไป

เมื่อเรามีศีลเป็นปกติแล้ว สมาธิก็จะตั้งมั่น ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่พยาบาทอาฆาตแค้นใคร ไม่หวั่นไหวต่อเรื่องใดๆ ที่เข้ามากระทบจิตใจ  เมื่อไร้ซึ่งสิ่งรบกวนจิตใจ จะทำกิจการใดก็มีความมุ่งมั่นเพื่อผลอันดีเลิศของงานนั้นๆ ตามวิถีทางแห่งปัญญา มีเหตุมีผล พิจารณาไตร่ตรองรอบคอบ  ในแง่นี้ ศีล สมาธิ และปัญญาก็จะมากำกับให้จังหวะชีวิตที่วิ่งไปในแต่ละนาที แต่ละชั่วโมง แต่ละวันมีคุณค่า ไม่หลงไปกับกิเลสตัณหาของตน จะอยู่จะกินอย่างไร ฯลฯ ก็ไม่ไร้ซึ่งปัญญาที่จะพิจารณาแยกแยะหาเหตุหาผล หาคุณค่าแท้คุณค่าเทียม ฯลฯ และรู้จุดมุ่งหมายปลายทางของกิจกรรมต่างๆ  รู้จักปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เป็นไปตามครรลองคลองธรรม ไม่หลงไปตามอำนาจของสิ่งยั่วยุต่างๆ ในสังคมปัจจุบัน ซึ่งจะนำไปสู่ความไม่ปกติได้ง่าย และต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าดูแลรักษาสุขภาพเพิ่มขึ้นทั้งโดยตรงและโดยอ้อมอีก  ยิ่งรัฐบาลมีหนี้สินมากมายไม่สามารถนำเงินภาษีของประชาชนมาใช้จ่ายทางด้านสุขภาพได้เท่าที่ควรจะเป็นด้วยแล้ว ผู้ที่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นนี้คงหนีไม่พ้นประชาชนอีก

เมื่อเรามีศีลเป็นปกติแล้ว สมาธิก็จะตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวต่อเรื่องใดๆ จะทำกิจการใดก็มีความมุ่งมั่นเพื่อผลอันดีเลิศของงานนั้นๆ ตามวิถีทางแห่งปัญญา มีเหตุมีผล ไตร่ตรองรอบคอบ

ด้วยเหตุนั้นการดูแลสุขภาพองค์รวม จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยปัญญา คือความรอบรู้ ความรู้จริง เห็นแจ้งในสรรพชีวิตอย่างเป็นองค์รวม ไม่แบ่งแยกระหว่างการกิน การอยู่ การทำงาน และการสมาคมกับเพื่อนฝูง ไปจนถึงธรรมชาติแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของบุคคลและสังคม  เมื่อปัญญาเห็นแจ้งแล้ว การเข้าไปเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับสิ่งใดก็ตามในกิจกรรมของชีวิต ก็จะประสานกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกัน จะบริโภคสิ่งใดก็ไม่เกินความพอดี และสรรหาแต่สิ่งที่เป็นคุณค่าแท้ให้แก่ตนเองและสังคม ไม่หลงผิดติดอยู่กับคุณค่าเทียมของสังคมบริโภคนิยม ที่นับวันจะเพิ่มปัญหาสุขภาพกาย สุขภาพใจ และสังคมทุกขณะ

ดังนั้นการดูแลสุขภาพองค์รวมดังที่กล่าวมา จะเห็นว่ามีปฎิสัมพันธ์ต่อกันและกันอย่างแนบแน่น  การอยู่ในสังคมที่เป็นปกติ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ก็จะทำให้มีจิตตั้งมั่น ไม่เครียด ไม่ฟุ้งซ่าน หวั่นไหว โรคภัยก็ไม่มากล้ำกราย  จะเกี่ยวข้องกับอะไร จะทำการใด ก็คิดพิจารณารอบด้าน ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของตนและสังคมได้  โดยนัยนี้ปัญหาสุขภาพซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของมนุษยชาติมายาวนานนั้น หากเราสามารถดำเนินวิถีชีวิตตามวิถีทางแห่งปัญญาได้ ก็จะไม่ต้องเสียเงินทองมากมายไปกับการดูแลสุขภาพ  พร้อมกันนั้นองค์รวมแห่งสุขภาพก็จะบังเกิดขึ้นตามมาโดยไม่ต้องวิ่งแก้ปัญหาอย่างในขณะนี้


ภาพประกอบ