ผู้เขียนมีโอกาสทำกระบวนการอบรมให้กับแกนนำชาวบ้านซึ่งทำงานอยู่ในชุมชน ภายใต้การสนับสนุนของมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กิจกรรมที่ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้คือ ขอให้แต่ละท่านได้รำลึกและถ่ายทอดประสบการณ์ในหัวเรื่องว่า ๑) ในชีวิตเราได้พบใครซึ่งไม่ได้ผูกพันกับเราโดยสายเลือด แต่เขามีบทบาทสำคัญทำให้เราเป็นเราในทุกวันนี้ ๒) เขาหรือเธอทำอะไร อย่างไร ซึ่งเป็นน้ำใจ ความเมตตา และความเอื้อเฟื้อ ที่ช่วยให้เราเป็นตัวเราในทุกวันนี้
และด้วยคำถามที่กระตุ้นการค้นหา พวกเขาได้รำลึกถึงฉากหนึ่งในชีวิตและพบอะไรบางอย่าง บรรยากาศการถ่ายทอดประสบการณ์และการรับฟัง เต็มไปด้วยความรู้สึกและพลังงานเชิงบวกที่อบอวลอยู่ในบรรยากาศ หลายคนมีสีหน้าเบิกบานราวกับได้รับน้ำฝนชุบชูจิตใจ หลายคนน้ำตาไหลกับความซาบซึ้งที่ได้รับ ได้สัมผัส จากการได้รำลึกถึงผู้มีพระคุณ
โดยการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ ผู้เข้าอบรมสามารถตระหนักรู้จากประสบการณ์ชีวิตของพวกเขาว่า แท้จริงมีสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยง ‘บุคคลสำคัญ’ ที่ช่วยให้เราเป็นเราในทุกวันนี้ หลายคนอาจเป็นคนแปลกหน้า และพวกเขาเหล่านั้นก็มีสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงถักทอเป็นความสัมพันธ์ที่ใหญ่โต เราทุกคนต่างเชื่อมโยงและไม่ได้มีชีวิตที่โดดเดี่ยว ความตระหนักรู้นี้ได้ช่วยให้เหล่าผู้เข้าอบรม ซึ่งเป็นแกนนำชุมชนรับรู้ถึงพลังในตนเองว่า พวกเขาแม้เป็นคนธรรมดา แต่พวกเขาก็สามารถส่งอิทธิพลช่วยให้ ‘คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต’ ได้เติบโตงอกงามในปัจจุบันและในอนาคตได้
สมชาย (นามสมมุติ) แกนนำชาวบ้านบอกเล่าประสบการณ์ในช่วงวัยรุ่นที่ตนตกเป็นเหยื่อยาเสพติด ทุกข์ทรมานกับการเสพยา ชีวิตเหมือนจะมีความสุขจากการได้เสพยา แต่ก็เป็นความสุขแสนสั้น ความยากลำบากจากการตกเป็นทาสเป็นสิ่งที่สาหัสในชีวิต แต่ภาวะทาสยาเสพติดก็ยากที่สมชายจะฉุดดึงตนเองได้ ในที่สุดสมชายถูกจับกุม และเพราะผู้มีพระคุณท่านหนึ่งซึ่งเป็นอดีตแกนนำชุมชน ได้ยื่นมือช่วยเหลือด้วยการรับรองกับทางการว่า ตนสามารถเลิกยาและกลับตัวกลับใจเป็นคนดีได้ นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้สมชายมีโอกาสได้หลุดพ้นจากขุมนรกยาเสพติด และเป็นจุดเริ่มต้นการมีชีวิตที่ดีมาถึงปัจจุบัน ได้ทำงานชุมชนและมีบทบาทสำคัญในต่อต้านยาเสพติด และการรณรงค์เพื่องดเหล้า
สมหญิง (นามสมมุติ) เล่าประสบการณ์ที่วัยเด็กไม่สามารถอยู่กับครอบครัวได้ พ่อแม่มีเหตุจำเป็นไม่สามารถเลี้ยงดูเธอได้ พ่อตัดสินใจส่งเธอเข้าโรงเรียนประจำ ในสายตาของเด็กหญิงเมื่อตอนนั้นเต็มไปด้วยความโกรธเคือง น้อยใจ เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มองย้อนกลับไปเธอเข้าใจพ่อและยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่การที่เธอได้พบคุณครูท่านหนึ่งที่ใส่ใจ ดูแล ให้ความรักและอบรมสั่งสอนเธอเมื่อตอนนั้น ได้ช่วยให้เธอผ่านพ้นวัยเด็กในโรงเรียนประจำแห่งนั้นได้อย่างมีความสุขตามอัตภาพ สิ่งสำคัญคือ เธอได้รับรู้ถึงความรักความมีคุณค่าจากสิ่งที่คุณครูให้กับเธอ คือความดูแลใส่ใจและความเมตตา โดยคุณครูและสภาพโรงเรียนประจำได้ช่วยให้เธอมีโลกใหม่ ได้การศึกษาที่ดี การได้รำลึกถึงและขอบคุณผู้มีพระคุณที่ได้ผ่านเข้ามาและยื่นมือช่วยเหลือเธอ ได้ให้โอกาสและทำให้เธอมีปัจจุบันเช่นวันนี้ได้ และนั่นทำให้เธอนึกถึงการทำงานเพื่อผู้อื่น
ในส่วนของผู้เขียน การได้มีโอกาสทำงานที่รัก ได้เลือกทำสิ่งที่ตนเองรัก ก็เนื่องด้วยเหตุและปัจจัยมากมายที่เข้ามา ทั้งจากการสนับสนุนของครอบครัว การได้พบปะกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ที่เคารพ และที่สำคัญคือ การมีโอกาสได้เรียนรู้ศึกษาตนเอง การได้อ่านหนังสือ ดูภาพยนตร์ที่มีคุณภาพ รวมถึงการมีวิจารณญาณของตนเอง ซึ่งทั้งหมดคือ การประกอบกันของเหตุปัจจัยที่มาจากตนเอง ความสัมพันธ์ และก็มาจากบริบทรอบตัวด้วย
การที่ใครคนหนึ่งมีชีวิตอย่างไรในปัจจุบัน จึงเป็นผลรวมขององค์ประกอบคือ เจ้าตัวเอง ความสัมพันธ์ที่มีอยู่รอบตัว และบริบทชีวิตที่แวดล้อม
การส่งมอบความรัก ความมีน้ำใจ ความเอื้ออาทร ความเมตตา แม้จะเป็นการกระทำเล็กๆ แต่แท้จริงสามารถสร้างผลกระทบที่คาดไม่ถึง สิ่งสำคัญคือ ‘เราทุกคนรู้จักการให้ เมื่อเรารู้จักการได้รับ’ เปรียบเหมือนระบบเลือดในร่างกายที่มีการไหลเข้าและไหลออก หมุนเวียนและหล่อเลี้ยงชีวิตในร่างกาย
แม้เป็นคนธรรมดา แต่เราก็สามารถช่วยให้ ‘คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต’ ได้เติบโตงอกงามทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้
ภายใต้ความเป็นตัวฉัน เราอยู่ภายใต้ระบบความสัมพันธ์ซึ่งมี ‘ฉัน’ และ ‘เธอ’ ระบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ลอยตัว เรายังมีบริบทที่โอบอุ้มความสัมพันธ์ บริบท คือ สภาพแวดล้อม สังคมวัฒนธรรม ค่านิยม ระบบคุณค่า ภูมิศาสตร์ โครงสร้างสังคม ฯลฯ บริบทนี้เป็นเหมือนกรอบกติกา กฎเกณท์ที่กำกับชีวิตเรา ดังนั้นบริบทจึงมีความสำคัญในฐานะ ‘ตัวแปร’ ที่กำกับชีวิตและความสัมพันธ์รอบตัวเรา ความสำคัญของบริบทนี้เองจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องการให้มี ‘บริบทที่ดี’ มารองรับระบบความสัมพันธ์ของเรา แต่ละคนในสังคมจะสัมพันธ์กันในทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมอย่างไร นี่คือบทบาทสำคัญของบริบท
บริบทสำคัญที่กำกับระบบความสัมพันธ์ จึงต้องการระบบสังคมและโครงสร้างสังคมที่มีจริยธรรมกำกับ มีระบบกฎหมายที่ให้ความเป็นธรรม เปิดรับความเคารพในคุณค่าชีวิต รวมถึงธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม การสร้างสังคมที่ดี สร้างบริบทที่ดีรองรับ ก็จะช่วยสร้างและสนับสนุนให้เกิดการพัฒนางอกงามในตัวเรา และในชุมชนที่มีระบบความสัมพันธ์ต่อกัน
การพัฒนาเพื่อยกระดับคุณภาพสังคมแวดล้อม คุณภาพระบบความสัมพันธ์ จึงต้องทำงานควบคู่ไปกับการพัฒนายกระดับตนเองให้เป็นผู้มีจริยธรรม คุณธรรม มีความเข้าใจและเรียนรู้ตนเองเพื่อสามารถพัฒนาศักยภาพในตนเองได้ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ในระบบสังคม ในบริบทที่โอบอุ้มล้อมรอบสังคม จึงสามารถเริ่มต้นที่ตัวเรา
เริ่มต้นที่ ‘การเปลี่ยนแปลงตัวเรา’ พร้อมกับ ‘การเปลี่ยนแปลงระบบความสัมพันธ์ให้มีคุณภาพ’ และ ‘บริบทที่ส่งเสริมสังคมจริยธรรม’ จึงเป็นภารกิจของชีวิตที่เชื่อมโยงกัน