ปรัชญาภาพถ่ายเซลฟี่

เอกภพ สิทธิวรรณธนะ 13 ธันวาคม 2015

ผมนั่งอยู่ที่ลานน้ำพุ เซ็นทรัลเวิลด์ ราชประสงค์ สถานแห่งหนึ่งที่คนนิยมมาชุมนุมในช่วงเวลาใกล้สิ้นปี

ก็รู้กันดีว่า ช่วงเวลาประมาณนี้จะมีต้นคริสต์มาสยักษ์ตั้งอยู่ มีซุ้มปราสาทแสงระยิบระยับ ยิ่งเป็นยามเย็นย่ำหรือพลบค่ำคนก็ยิ่งมาเยี่ยมชมกันเยอะ แน่ล่ะ พวกเขาไม่พลาดที่จะใช้สถานที่เหล่านั้นเป็นฉากถ่ายรูป

ผมไม่ค่อยสนใจการถ่ายภาพคู่กับฉากสวยงามมากนัก เห็นแสงสีประดับประดาก็เพียงมองผ่าน ด้วยตระหนักว่าทั้งหลายเป็นเพียงฉากสร้างอันลอยล่องจากบริบทประวัติศาสตร์ของสถานที่ เป็นเพียงลูกเล่นของห้างสรรพสินค้า ที่เชิญชวนและร้องเรียกให้คนมาชม เดินเล่นหย่อนใจ มาถ่ายภาพ เหนื่อยๆ ก็เดินเข้าห้างไปหาอะไรกินกัน จับจ่ายกัน ขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจทุนนิยมให้หมุนเวียนและเติบโตกันต่อไป

ผมเคยมาที่นี่เมื่อหลายปีที่แล้ว วันนี้พอจะมีเวลาว่าง จึงทดลองนั่งจ่อมสังเกตความเปลี่ยนแปลง แล้วผมก็เห็นพฤติกรรมที่น่าสนใจ นั่นคือ คนสมัยนี้นิยมถ่ายภาพตัวเองทั้งเดี่ยวและกลุ่มกันมากจริงๆ ปัจจุบันเห็นพ้องเรียกกิจกรรมนี้ว่าเซลฟี่ (Selfy)

แปดในสิบคนเดินผ่านต้นคริสมาสต์แล้วเป็นต้องหยิบกล้องถ่ายรูปหรือไม่ก็สมาร์ทโฟนขึ้นมาเปิดหน้ากล้องถ่ายเซลฟี่กับต้นคริสต์มาสต์ หรือปราสาทแสง หรือโลโก้ร้านเบียร์

มีตั้งแต่การเซลฟี่เอ็กซเพรส คือถ่ายภาพตนคนเดียวอย่างรวดเร็วแล้วเดินจากไป มีคนเซลฟี่อย่างตั้งใจและปราณีต เลือกมุมถ่ายเอียงหน้าในหลากหลายองศา ก้มๆ เงยๆ จนกว่าจะได้ภาพถูกใจ

มีช่างภาพและนางแบบหิ้วกล้องตัวใหญ่มาถ่ายพอทเทรทเป็นเรื่องเป็นราว นางแบบแต่งตัววับแวมโพสท่ามุมนั้นมุมนี้ กางแขน หุบแขน ท้าวเอว ปัดปอยผมไปข้างหน้าข้างหลัง หัวร่อต่อกระซิกกันหนุงหนิงเป็นที่อิจฉาของคนโสดทั่วไป

ยังมีเพื่อนพ้องที่ถ่ายเซลฟี่กันเป็นกลุ่ม หัวหน้าหมู่ยื่นมือถือไปสุดแขน ที่เหลือยิ้มและโพสต์ท่าเก๋ค้างไว้เป็นเวลาสิบวินาที หลังชัตเตอร์ลั่น ทุกคนก็มุงกันเช็ครูป แล้วก็อาจจะโพสต์ในโซเชียลมีเดียพร้อมแท็กรายชื่อและเช็คอินให้เสร็จครบเรียบร้อยในคราวเดียว

ยังมีครอบครัวพ่อแม่ลูกที่ผลัดกันให้สมาชิกคนหนึ่งต้องเสียสละไปเป็นผู้ถ่ายรูป ถ่ายไปถ่ายมาก็เสียดายที่สมาชิกไม่ครบ สุดท้ายต้องหยวนๆ ถ่ายเซลฟี่ แม้จะถ่ายไม่ติดฉากบ้างก็ไม่เป็นไร สมาชิกครบไว้ก่อน

ผมนึกชื่นชมที่พวกเขาใช้เวลาและพลังงานไปกับการถ่ายเซลฟี่อย่างจริงจัง พวกเขาต่างคัดสรรและนำเสนอภาพความสุขกันอย่างพากเพียร บางคนบางกลุ่มใช้เวลาเป็นยี่สิบสามสิบนาทีกับกิจกรรมนี้ ถ่าย ตรวจสอบ คัดเลือก แล้วถ่ายซ้ำ บางทีนี้อาจเป็นกิจกรรมเชิงสมาธิของพวกเขา

มีคนบางกลุ่มที่เฝ้ามองกิจกรรมนี้ด้วยความเป็นห่วง วิจารณ์ว่าการถ่ายเซลฟี่ทำให้เราอยู่กับสิ่งตรงหน้าได้น้อยลง เราไม่ได้ซึมซาบดื่มด่ำกับประสบการณ์ ณ ที่นี่และเดี๋ยวนี้ หากแต่จดจ่ออยู่กับภาพลักษณ์ของตน และพลันที่โพสต์ภาพ พวกเขาก็คาดหวังจำนวนไลค์และคอมเม้นท์ในมือถือ

เรียกว่าถ่ายภาพภาพปุ๊บ ใจก็ลอยไปที่อื่นปั๊บ

ผมเองก็เคยอยู่กลุ่มวิพากษ์วิจารณ์วัฒนธรรมเซลฟี่นะ เคยมองว่าเป็นกิจกรรมแห่งความหลงไหลคลั่งไคล้ตัวเอง จุ๊ๆๆ ไม่ดี ไม่ดี

แต่ในวันนี้ เมื่อผมเห็นรอยยิ้มของแต่ละใบหน้าทั้งก่อนถ่าย ขณะถ่าย และหลังถ่ายแล้ว ผมกลับรู้สึกว่ากิจกรรมเซลฟี่ก็ให้ความรื่นรมย์หรรษาไม่น้อย ถ่ายภาพเป็นกลุ่มก็สนุกและเชื่อมกระชับความสัมพันธ์กันดี

คงถึงเวลาแล้วจริงๆ ว่าจะต้องยอมรับว่ากิจกรรมการเซลฟี่ เป็นปกติธรรมดาเสียแล้วของคนกลุ่มใหญ่ เพราะมันสร้างความสุขได้ง่ายและราคาย่อมเยา

เขียนถึงตอนนี้ผมใคร่ที่จะถ่ายเซลฟี่สักภาพกับต้นคริสมาสต์ประดับแสงสี ระหว่างที่ลุกขึ้นหยิบมือถือหันกล้องมาที่ตนเองนั้น ผมก็ระลึกได้ถึงเหตุผลที่แท้จริงว่า ทำไมผมจึงไม่นิยมถ่ายภาพเซลฟี่

ไม่ใช่เพราะปรัชญาลึกซึ้งอะไรหรอก

…แค่ผมถ่ายรูปไม่ขึ้นกล้องก็เท่านั้น

เอกภพ สิทธิวรรณธนะ

ผู้เขียน: เอกภพ สิทธิวรรณธนะ

Backstage writer, Urban sketcher