ในชั่วโมงวิชาชีววิทยาสมัยมัธยม หัวข้อการเรียนรู้ที่ผู้เขียนสะดุดใจคือ วงจรชีวิต การเปลี่ยนผ่านช่วงวัยของแมลงที่เริ่มต้นจากไข่ มาเป็นตัวหนอน ตัวหนอนสะสมอาหารจนเข้าสู่ภาวะดักแด้ แล้วเมื่อถึงเวลาดักแด้ก็จะฟักตัวกลายมาเป็นตัวเต็มวัย ที่พร้อมออกหาคู่เพื่อผสมพันธุ์ วางไข่ แล้วตัวมันก็ตายจากไป
วงจรชีวิตของแมลง ทำให้เรานึกถึงการเปลี่ยนผ่านของแต่ละช่วงวัย เหมือนกับมนุษย์ที่เริ่มแรกด้วยวัยทารก เด็กน้อย วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ วัยชรา และตายจากไป แต่ละช่วงปีที่ผ่านไป จึงหมายถึงเส้นทางชีวิตที่เคลื่อนผ่านไปจากภาวะหนึ่งไปสู่อีกภาวะหนึ่ง
ในปรัชญาจีนมีการจัดแบ่งช่วงวัยออกเป็นระยะทุก ๒๐ ปี
โดย ๒๐ ปีแรกคือ ช่วงเวลาของการเรียนรู้ รับสิ่งต่างๆ เข้ามาในตัว เรารับการเลี้ยงดู การโอบอุ้มจากพ่อแม่ คนรอบตัว รับการศึกษาจากครูอาจารย์ ฝึกฝนเรียนรู้ประสบการณ์ต่างๆ ในฐานะผู้เยาว์
ช่วงอายุ ๒๐-๔๐ ปี เป็นช่วงเวลาของการได้เผชิญโลก เผชิญชีวิต เปรียบเหมือนการได้ทดลองชีวิตในภาคสนาม ลองผิดลองถูก ศึกษาประสบการณ์กับชีวิตในโลกรอบตัว ได้ทดลองเรียนรู้จากภาคสนามในชีวิตจริง ในบริบทที่ไม่ใช่แบบเดิม
ช่วงอายุ ๒๐ ปีถัดมาคือ ๔๐-๖๐ ปี ถือเป็นช่วงที่เรามีประสบการณ์เคี่ยวกรำ เป็นช่วงเวลาของการมีความพร้อมในการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับโลก ให้กับสังคมรอบตัว เป็นช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านจากต้นอ่อน กลายมาเป็นดอกไม้พืชผลที่เบ่งบาน
และช่วง ๒๐ ปีถัดมาคือ ๖๐-๘๐ ปี ก็เป็นช่วงเวลาของการได้ส่งมอบผลผลิตและดอกผล ที่ได้สร้างสรรค์และสั่งสมมา เป็นการส่งมอบมรดกก่อนที่จะลาลับจากโลกนี้ไป
เราเรียนรู้ เผชิญโลก สร้างการเปลี่ยนแปลงให้สังคม จากนั้นก็ส่งมอบมรดกก่อนจะลาลับจากโลกนี้ไป
และหากเราทำความเข้าใจเส้นทางในช่วงชีวิตของเหล่าตัวเอกในนิทาน ในวรรณกรรม ในเรื่องเล่าต่างๆ เราจะพบว่าเรื่องราวชีวิตของพวกเขานั้นก็มีแบบแผนเส้นทางชีวิตบางอย่างอยู่ คือ เป็นการเดินทางเพื่อทำภารกิจสำคัญและส่งมอบผลสำเร็จสู่สังคม สู่โลก สู่คนรุ่นถัดไป
แบบแผนชีวิตของบรรดาตัวเอก เริ่มต้นด้วยการเปิดตัวของตัวเอกภายใต้บริบทแวดล้อมหนึ่งๆ จากนั้นตัวเอกก็เผชิญปัญหาและภัยคุกคามต่อชีวิตต่อสังคมรอบตัว ภัยคุกคามนี้สร้างแรงกดดัน เสียงเรียกร้องทำให้ตัวเอกต้องออกเดินทางเพื่อเรียนรู้ สั่งสมประสบการณ์ และความสามารถ ก่อนที่จะเผชิญบททดสอบของชีวิต ซึ่งมักปรากฎในรูปของสงครามที่ต้องเอาชนะศัตรูนี้ให้ได้
ศัตรูชีวิตในสงครามนี้ อาจเป็นได้ทั้งสงครามภายในหรือสงครามภายนอก พันธกิจสำคัญคือการมุ่งเอาชนะสงครามนี้ เพื่อนำผลแห่งชัยชนะมาส่งมอบสู่สังคมวงกว้าง ผลแห่งชัยชนะอาจเป็นความสงบสุข สันติภาพ แล้วเรื่องราวของตัวเอกก็จะจบลง เมื่อตัวเอกบรรลุพันธกิจและส่งมอบดอกผลได้ด้วยดี
เส้นทางชีวิตของบรรพบุรุษที่ได้ดำเนินมาเนิ่นนานเป็นบรรพกาล ได้ให้กรอบแนวทางสำรวจชีวิตของเราว่า แต่ละช่วงปีศักราชที่ผ่านไป เราได้เดินทางผ่านหลักไมล์ของชีวิตมาอย่างไรบ้าง
ณ ที่นี่และปัจจุบันกับตำแหน่งชีวิตที่ดำรงอยู่ เรามาอยู่ช่วงไหนของชีวิตจากระยะทางในชีวิตของเรา เรากำลังอยู่ในพันธกิจอะไร อย่างไร กับเส้นทางชีวิตโดยรวมในความเป็นตัวเอก เป็นวีรบุรุษ วีรสตรีในตัวเรา
ภายใต้การดิ้นรนต่อสู้เพื่อมีชีวิต ความปรารถนาส่วนลึก คือ เราต่างต้องการชีวิตที่มีความสุขสงบ และมีความหมาย “เป็นประโยชน์และสงบเย็น” จึงเป็นหลักธรรมที่ท่านอาจารย์พุทธทาสได้ให้แนวทางในการดำเนินชีวิต
กระบวนการเดินทางในชีวิตของความเป็นวีรบุรุษ วีรสตรี หรือเส้นทางชีวิตตามคติจีน ก็เพื่อนำไปสู่การมีความสามารถที่จะมีชีวิตที่ “เป็นประโยชน์และสงบเย็น” และการเรียนรู้เพื่อ “ทำกิจและทำจิต” ก็คือ พันธกิจของชีวิต เพื่อนำเราไปสู่คุณภาพที่ปรารถนา
ดังนั้น หากว่าวันหนึ่งเมื่อมีใครมาขอความช่วยเหลือกับการดำเนินชีวิต มีใครบางคนมาเกี่ยวข้องในฐานะเพื่อนร่วมงาน ในฐานะลูกน้อง ในฐานะผู้พึ่งพิง แทนการแนะนำสั่งสอน โปรดระลึกเสมอถึงความเป็นกระบวนการเติบโตและเส้นทางชีวิตของบุคคลผู้นั้น ระลึกถึงวัย อายุ พื้นฐานประสบการณ์ ความพร้อม และจังหวะชีวิตของพวกเขาว่าอยู่ในขั้นตอนไหน พวกเขากำลังอยู่ในช่วงเรียนรู้ตนเองว่าตนเองคือใคร และตนเองมุ่งหวังจะเป็นใครในอนาคต
ภายใต้การดิ้นรนต่อสู้เพื่อมีชีวิต ความปรารถนาส่วนลึกคือ ชีวิตที่สุขสงบและมีความหมาย
รอยต่อของแต่ละช่วงปี ระหว่างปีเก่ากับปีใหม่ จึงเป็นโอกาสอันดีของการได้มาสำรวจชีวิตว่า เราได้ทำอะไรบ้างแล้วกับพันธกิจชีวิต เราอยู่ในขั้นตอนไหนของเส้นทางชีวิต เส้นทางนั้นนำเราไปสู่ชีวิตที่เป็นประโยชน์และสงบเย็นหรือไม่ แต่ละวันเราได้ทำกิจและทำจิตเพื่อนำเราสู่เส้นทางที่ปรารถนาหรือไม่
ณ รอยต่อศักราชปีเก่า-ปีใหม่ที่กำลังมา จึงเป็นโอกาสอันดีของการได้ทบทวนเพื่อดูแลชีวิตให้มีความหมาย