ส่วนหนึ่งที่น่าสนใจของภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จในด้านรายได้หรือเนื้อหาสาระ คือ เบื้องหลังการถ่ายทำ
ภาพเหตุการณ์ระหว่างการถ่ายทำ คำสัมภาษณ์ของผู้เกี่ยวข้อง นับแต่ผู้กำกับ นักแสดง ช่างกล้อง ฯลฯ ถึงประสบการณ์ ความคิดเห็นต่อภาพยนตร์ ต่อการทำงาน เป็นสิ่งที่หลายคนสนใจใคร่รู้ รวมไปถึงเกร็ดความรู้ ปัญหา อุปสรรคและการแก้ไข ถูกถ่ายทอดออกมาเพื่อที่จะบอกเล่าว่า กว่าจะเป็นภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ ต้องอาศัยเหตุปัจจัย องค์ประกอบ ความคิด ความรู้สึก และการกระทำมากมายแค่ไหน และที่สำคัญ คือ การอุทิศตัว
เพื่อที่จะเข้าถึงบทบาทตัวละครให้ได้มากที่สุด และสามารถสื่อสารตัวตนที่แท้ของตัวละครที่นักแสดงสวมบทบาท นักแสดงหลายคนพาตัวเองเข้าไปเรียนรู้โลกและชีวิตของตัวละคร เช่น คนวิกลจริตในสถานพยาบาล ผู้ต้องขังในเรือนจำหรือสถานพินิจ นักมวยในค่าย รวมไปถึงการพาตัวเองไปสู่เงื่อนไขที่ตัวละครเคยเผชิญ เช่น บ้านร้าง การถูกกักขัง การอดอาหาร ฯลฯ คำสัมภาษณ์ของกระบวนการทำงานของนักแสดงสะท้อนให้เราเห็นเบื้องหลังการทำงาน ความมุ่งมั่นทุ่มเท สำหรับพวกเราการได้ชมหรือไม่ได้ชมในส่วนเบื้องหลังการถ่ายทำอาจไม่ใช่เรื่องการเสียโอกาส แต่การไม่รู้เบื้องหลังการกระทำของตนเองว่าเนื่องมาจากอะไร เพราะอะไร และอย่างไร ถือเป็นเรื่องร้ายแรง
สำหรับภาพยนตร์ นักแสดงทำงานโดยเล่นไปตามบทบาทที่ได้รับมอบหมาย โดยมีผู้กำกับเป็นคนคอยชี้แนะ ควบคุม ว่ากล่าว แนะนำ เพื่อให้นักแสดงสามารถแสดงบทบาท แสดงความสามารถให้ได้เต็มศักยภาพ นักแสดงไม่ว่าเก่งกาจเพียงใด ก็ต้องอาศัยผู้กำกับคอยชี้แนะการแสดง เพราะสำหรับนักแสดง มุมมองและบทบาทความรับผิดชอบถูกจำกัดเพียงแค่บทบาทที่ได้รับมอบหมาย นักแสดงไม่ได้เห็นภาพรวมขององค์ประกอบทั้งหมด แตกต่างจากผู้กำกับซึ่งรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมด รับรู้ความเป็นไปในทิศทาง แบบแผนและเนื้อหา องค์ประกอบย่อยๆ ถูกร้อยเรียงเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว ผู้กำกับจึงเป็นบทบาทหน้าที่ที่สำคัญต่อความเป็นภาพยนตร์ทั้งหมด
ชีวิตของพวกเราก็ไม่ต่างจากนักแสดง เราต้องเล่นไปตามบทบาทและความรับผิดชอบ บทบาททางสังคม สถานภาพ รวมถึงบทบาทต่อตนเองในฐานะมนุษย์ แตกต่างเพียงนักแสดงเล่นตามบทบาทที่ได้รับมอบ แต่เราต้องเล่นบทบาทไปตามการเลือก การแสวงหาของเราเอง และโลกในชีวิตจริง เราต้องโลดแล่นและต่างคนต่างเป็นผู้เล่นและผู้ชมในเวลาเดียวกัน สิ่งที่แตกต่างคือ เราไม่มีใครมาเป็นผู้กำกับ ในช่วงปฐมวัย เรามีผู้กำกับสำคัญคือ พ่อแม่ ครูอาจารย์ เพื่อนสนิท ญาติพี่น้อง หรือเมื่อเติบโตขึ้น ผู้กำกับสำคัญคือตัวเราเอง และเราก็อาจจะเชื่อฟัง ดื้อดึง หรือถูกกำกับไปผิดทิศผิดทาง แต่กระนั้นชีวิตก็ไม่ได้เลวร้ายเกินไป เพราะในความเป็นตัวเรา มีสิ่งที่เรียกว่า “สติปัญญา” ประกอบกับร่างกาย อารมณ์ความรู้สึก มโนธรรมสำนึก ที่พร้อมเกื้อหนุนและกำกับชีวิตให้ไปในทิศทางที่เหมาะสม และถูกต้อง
คำถามสำคัญ คือ ตัวเราเองในฐานะเป็นผู้กำกับ ดูแลชีวิตของเราเองนั้น ผู้กำกับคนนี้ทำหน้าที่นำพาชีวิตของเราไปที่ไหน อย่างไร สร้างสรรค์หรือทำลาย
ในอีกทาง เนื้อหาสาระ โครงเรื่องของภาพยนตร์เป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างความสำเร็จให้กับภาพยนตร์ โครงเรื่องที่ดี บทสนทนาอันแหลมคม ก็คือเส้นทางเรื่องราวชีวิตตัวละครที่นักแสดงดำเนินไปตามโครงบท นักแสดงจะได้รับโอกาสแสดงความสามารถหรือความเป็นมืออาชีพมากน้อยเพียงใด ก็ขึ้นกับโครงบทของเรื่องราว บทชีวิตอันหนักหน่วงเปิดโอกาสให้นักแสดงนำได้แสดงบทบาทนำพาผู้ชมไปสู่โลกและชีวิต ยิ่งนักแสดงสามารถนำพาให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วม รัก เกลียด ชอบ ฯลฯ ไปกับตัวละครได้มากเท่าใด หรือทำให้ผู้ชมหลงลืมความเป็นจริงไปชั่วขณะ เพื่อมาอยู่กับมายาภาพตรงหน้าราวกับเป็นความจริงได้มากเท่าใด ก็หมายถึงความสำเร็จของนักแสดง ซึ่งต้องอาศัยการอุทิศตัวทำงานหนักเพื่อบทบาทตรงนั้น
สำหรับพวกเรา เราทุกคนต่างมีบทนำ บทชีวิตเป็นของตัวเอง ดำเนินไปตามความต้องการ ความปรารถนา และเงื่อนไขชีวิต และสัมพันธภาพที่ยึดโยงกับผู้อื่น รวมไปถึงโครงสร้างและโอกาสทางสังคมที่กำกับ แต่ละคนต่างมีเงื่อนไขและโอกาสที่อาจไม่เท่าเทียมกัน แต่สิ่งที่ทุกคนต่างมีความเท่าเทียม คือ เราทุกคนต่างเป็นมนุษย์ที่มีสิทธิ์เสรีภาพในการเลือก (รวมถึงสิทธิ์ที่จะไม่เลือก) และรับผิดชอบในสิ่งที่เลือกนั้นๆ
สำหรับพวกเรา การไม่ได้ชมเบื้องหลังการถ่ายทำภาพยนตร์อาจไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่การไม่รู้เบื้องหลังการกระทำของตนเองว่าเป็นเพราะอะไร ถือเป็นเรื่องร้ายแรง
ในขณะที่ตัวละครในภาพยนตร์ดำเนินชีวิตไปตามบท ซึ่งเปรียบได้กับชะตาลิขิตที่ผู้กำกับและผู้เขียนบทได้กำกับบทชีวิตไว้ ตัวละครไม่มีสิทธิ์เลือก พวกเราบางคนอาจเชื่อในเรื่องพรหมลิขิตหรือชะตาลิขิต แต่หลายคนไม่เชื่อ สำหรับพุทธศาสนา กรรมและกฎแห่งกรรมเป็นหลักสำคัญที่กำกับชีวิต เมื่อเราหว่านพืชผลใด เราย่อมได้รับพืชผลนั้น เราไม่สามารถหนีพ้นบ่วงกรรมได้ กระนั้นชีวิตก็มีเหตุปัจจัยมากมายในการก่อให้เกิดปรากฏการณ์หนึ่งๆ เจตน์จำนงที่ท้าทายชะตาชีวิต ความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะ อุปสรรคชีวิต ก็เป็นพลังสำคัญของการบรรลุผลแห่งการเปลี่ยนแปลง
การดำเนินบทบาทชีวิตของพวกเรา บ่อยครั้งที่การเลือกและการตัดสินใจ เราทำไปตามอำนาจของกิเลส สัญชาตญาณ และความเห็นแก่ตัว อำนาจของอุปนิสัยความเคยชิน ทั้งกิเลส ความเห็นแก่ตัว ความอยาก คือผู้กำกับที่คอยบงการชีวิตพวกเราตลอดเวลา บงการไปตามบทชีวิตที่กำกับเรา บงการจนกว่าเราจะตื่นรู้ได้ว่าชีวิตที่ผ่านมา เราถูกลากจูงไปตามบทของผู้กำกับ บางทีอาจถึงเวลาสำหรับพวกเราที่จะต้องเปลี่ยนตัวผู้กำกับ เปลี่ยนบทบาททิศทางการทำงานของผู้กำกับเสียใหม่
เบื้องหลังการเลือก การกระทำใดๆ ก็ตาม คือ ความปรารถนาให้กายและใจเป็นสุข ห่างพ้นจากทุกข์ ภายใต้ความปรารถนานี้ ก็คือความเชื่อว่า กายและใจนี้ คือตัวเรา คือของเรา เราเดือดร้อน ดิ้นรนมากยามเมื่อเกิดทุกข์กาย-ทุกข์ใจ ขณะที่เราไม่ทุกข์ทรมานนัก หากทุกข์กาย-ทุกข์ใจเกิดกับคนอื่นที่เราไม่ได้ถือความสำคัญ จะเป็นอย่างไรหากปล่อยวางความเชื่อว่า กายและใจนี้ ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา
ชีวิตถูกลากจูงไปตามสุข-ทุกข์ กระนั้นชีวิตก็ให้บทเรียนต่อเราตลอดเวลา บางทีเราอาจต้องทบทวนผู้กำกับในตัวเราว่านำพาชีวิตเราไปในทิศทางใด ทิศทางของวังวนทุกข์ หรือข้ามพ้นความทุกข์ได้