ภาพยนตร์เรื่อง “ชั่วฟ้าดินสลาย” เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ของตัวละครที่ตัดสินใจและเลือกกระทำการบางอย่างที่ส่งผลให้เกิดการพลิกผันชะตาชีวิต ภายใต้แรงผลักจากความปรารถนาภายใน ความเชื่อ ทัศนคติบางอย่าง จะโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยความโง่เขลา หรือโดยความมืดบอดก็ตาม คำพิพากษาจากชะตากรรมก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจต่อรอง ผลกรรมที่เกิดขึ้นก็คือผลสอบที่เกิดกับชีวิต สอบตกหรือสอบได้ คือบททดสอบแบบเรียนชีวิตทั้งหมดที่มีมา ผลสอบเป็นเช่นใด ขึ้นกับว่าแบบเรียนชีวิตที่ผ่านมาถูกออกแบบและดำเนินการมาอย่างไร
ส่างหม่อง คือ ตัวละครที่สะท้อนพลังของความคิด เหตุผล ชายหนุ่มอนาคตไกลผ่านการศึกษาระดับอุดมศึกษา เติบโตมาภายใต้ความรักและการทะนุถนอม แต่แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็ดูไร้ความหมาย เมื่อส่างหม่องต้องมาพบกับบททดสอบระหว่างเส้นแบ่งของศีลธรรม จริยธรรม ภายใต้การกำกับของเหตุผล ความรู้ผิดชอบชั่วดี กับความรัก ความใคร่ภายใต้การชักนำของพลังอารมณ์ ความรู้สึก ที่มีแรงผลักของความปรารถนา และเมื่อส่างหม่องยอมแพ้กับพลังของความปรารถนา เหตุผลสำนึกผิดชอบชั่วดีก็มลายหายไป ผลของการทดสอบคือ ชะตากรรมของส่างหม่องที่กลับกลายเป็นคนวิกลจริต ถูกลงโทษด้วยความรู้สึกผิด ความขมขื่น เศร้าเสียใจกับความผิดพลาดที่กระทำไป
ยุพดี คือ ตัวละครที่สะท้อนพลังของความปรารถนา ขับเคลื่อนชีวิตด้วยความรู้สึก อารมณ์ เธอผ่านการศึกษาระดับสูง แต่สำนึกของเหตุผล ความถูกต้อง เหมาะสมก็อ่อนล้า ชะตาชีวิตจึงกลายเป็นทาสของอารมณ์ที่นำพาชีวิตจากสภาพที่น่าจะสุขสบายกับสภาพรอบตัว การมีสามีที่ร่ำรวย ใส่ใจ ทรัพย์สินเงินทอง ปัจจัยสี่ที่พร้อมสรรพ แต่เพราะแรงผลักจากความรัก ความใคร่ที่ล้นเกินและข้ามเส้นศีลธรรมจรรยา ชะตาชีวิตจึงต้องพบกับบทลงโทษที่หนักหน่วงและสาหัสเหมือนตายทั้งเป็น
พะโป้ ตัวละครที่สะท้อนพลังของสัญชาตญาณ ดิบ เถื่อน ตรงไปตรงมา ชายวัยกลางคนที่ดูสุขุม หนักแน่น เป็นเจ้าชีวิตที่ปกครองชีวิตและวิถีความเป็นไป ด้านหนึ่งพะโป้ดูเป็นคนเคร่งศีลธรรม ไหว้พระสวดมนต์ แต่อีกด้านพะโป้ก็ดำเนินชีวิตราวกับจ่าฝูงที่มุ่งครอบครองหญิงสาวทุกนางในอาณาจักรของตน ชีวิตของพะโป้ด้านหนึ่งเปรียบได้กับพ่อพระ แต่อีกด้านก็คือ ชีวิตที่โลดแล่นด้วยโลกีย์ แค้นต้องชำระและตอบแทนให้สาสม พะโป้ถูกทรยศหักหลังจากคนที่รักและไว้ใจ ถูกโกหกและหลอกลวง ความทุกข์ทรมานเช่นนี้ถูกเพิ่มพูนด้วยความแค้นและการไม่ให้อภัย ขณะที่อีกด้านก็เต็มไปด้วยความสงสาร เวทนา ชีวิตของพะโป้จึงไม่อาจพบความสุขสงบในใจ
เราทุกคนต่างพานพบเรื่องราวของการต่อสู้ แย่งชิง ฟาดฟัน ด้านหนึ่งเพื่อเต็มเติมสิ่งที่ขาดหาย เราวิ่งหาความรัก ความสัมพันธ์ที่ปรารถนาจากบุคคลภายนอกซึ่งเราคาดหมายว่าบุคคลนี้ทำให้เรามีความสุข หรือสิ่งที่วิ่งหาอาจเป็นทรัพย์สิน เงินทอง สถานภาพ ชื่อเสียง การยอมรับ อีกด้านการดำเนินชีวิตของเราก็เพื่อระบายสิ่งที่ล้นเกิน เต็มแน่นให้จางคลายไป เช่น ความโกรธเกลียด แค้นเคือง โดยมีจุดเริ่มต้นคือ ความรู้สึกถึงตัวตนที่ถูกทำให้อับอาย เสื่อมเสีย ความอับอายสร้างความรู้สึกโกรธเกลียด เจ็บแค้น ที่เผาผลาญให้เราตอบโต้ ระบายออกกับบุคคลที่เรากล่าวหาในฐานะต้นเหตุ
แบบเรียนตลอดชีวิตของเราถือความสำคัญในเรื่องของศักดิ์ศรี ความเคารพตนเอง รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับชื่อเสียง การยอมรับของสังคม สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ต้องปกป้อง ต่อสู้ เพื่อรักษาไว้ แต่ในแง่ของจิตวิญญาณ ความแค้นเคืองคือจุดเริ่มต้นและจุดเดินทางของของกงล้อแห่งกรรม พะโป้ลงโทษและจองจำผู้ทรยศด้วยการล่ามโซ่ให้ผูกติดกันตลอดชีวิต การลงโทษสร้างความสาสมในจิตใจของพะโป้ แต่ก็สร้างพันธะผูกล่ามพะโป้ให้อยู่กับความแค้นเคืองและความอับอาย ในส่วนของส่างหม่องและยุพดี เมื่อความปรารถนาครอบงำสำนึกผิดชอบชั่วดี ตัณหาครอบงำเหตุผล พลังของอารมณ์ความรู้สึกก็ลากจูงไปในทางตอบสนองความเห็นแก่ตัว ประสานกับโลกทัศน์อวิชชาที่ครอบงำผ่านแบบเรียนชีวิตให้เชื่อว่า “ฉันมีความสุขแน่นอน หากฉันสมหวังในรักกับคนที่ใช่” “ความสุขอยู่ที่ภายนอก รอการแสวงหา” “กามารมณ์คือ ความสุขที่เป็นสุดยอดปรารถนา”
จะโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยความโง่เขลา หรือโดยความมืดบอดก็ตาม คำพิพากษาจากชะตากรรมก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจต่อรอง
โชคร้ายที่แบบเรียนชีวิตที่เราสั่งสมมาอาจนำเราไปผิดทาง ยามที่เราต้องเผชิญกับแบบทดสอบชีวิตอันหนักหน่วงเหมือนการสอบไล่ที่ผลลัพธ์มีเพียง ได้ กับ ตก ขณะที่ผลสอบของชีวิต คือ สุขหรือทุกข์ เติบโตหรือตกต่ำ แบบเรียนชีวิตสำคัญคือ การเรียนรู้ว่าสุข ทุกข์ที่แท้ อยู่ที่การรู้จักและเข้าใจตนเอง และการเรียนรู้เรื่องนี้เป็นกระบวนการทั้งชีวิต รู้จักและเข้าใจตนเองถึงธรรมชาติของร่างกาย และจิต ใจ โดยเฉพาะจิตใจ ซึ่งมีความซับซ้อน มีทั้งพลังขับเคลื่อนและฉุดรั้ง มีทั้งความเป็นนายและความเป็นทาสรับใช้ ความโง่และความฉลาด ขณะเดียวกันจิตใจก็มีความน่ากลัวหลอกลวงแม้กระทั่งเจ้าของ
หากเราไม่อยากสอบตกกับชีวิต แบบเรียนชีวิตเรื่องการเรียนรู้กายและใจ เรียนรู้เรื่องของการยึดมั่นถือมั่นผิดๆ กับอวิชชาที่สั่งสมจึงเป็นบทเรียนสำคัญ ไม่เช่นนั้นเราอาจต้องตกจมกับความทุกข์เศร้าชั่วฟ้าดินสลาย