ตัวอย่างของความสุข

พระวิชิต ธมฺมชิโต 1 มีนาคม 2009

ระยะหลังมานี้มีรายการโทรทัศน์ประเภทนำเสนอประสบการณ์ชีวิตของผู้คนมีมากขึ้น มีทั้งรายการประเภททอล์กโชว์และสารคดี ซึ่งช่วยให้สังคมได้เรียนรู้ผู้คนในสังคมอย่างหลากหลาย ทั้งคนที่ประสบผลสำเร็จในชีวิตในด้านต่างๆ และคนที่อาจถูกสังคมยุคนี้มองในแง่ลบ

แม้ว่ารายการเหล่านี้จะมีพิธีกรที่ช่วยสรุปชี้ประเด็นที่เป็นประโยชน์ให้กับผู้ชม แต่ผู้ดูรายการเหล่านี้ต้องเข้าใจด้วยว่าเป็นธรรมดาของรายการโทรทัศน์ทุกรายการไม่เว้นแม้แต่การถ่ายทอดสด ที่ต้องมีการตัดต่อทำให้เรื่องราวที่นำเสนอน่าสนใจ น่าติดตาม

รายการสัมภาษณ์ลักษณะนี้ ผู้ดูต้องรู้เท่าทันว่าข้อมูลที่นำมาเสนอนั้น เป็นเพียงส่วนเสี้ยวของชีวิตคนคนหนึ่งที่ทางรายการต้องการนำเสนอเท่านั้น ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่พิธีกรอาจไม่ได้ถาม หรือผู้ให้สัมภาษณ์ยังไม่ได้เล่า หรือเล่าไว้แล้วแต่ถูกตัดทิ้งไป เราผู้รับสื่อจึงต้องรู้จักแยกแยะก่อนที่จะนำข้อมูลหรือแง่คิดที่ได้มาใช้กับชีวิตของตน

ไม่เว้นแม้แต่ในเรื่องของการปฏิบัติธรรม หลายกรณีของการนำเสนอชีวิตของผู้ที่สนใจศึกษาธรรมะในรายการเหล่านี้ มักเป็นคนที่ผ่านสถานการณ์ที่ทำให้ชีวิตพลิกผันอย่างรุนแรง เช่น พบว่าเป็นโรคร้าย หรือล้มเหลวทางธุรกิจ หรือรู้ตัวว่าตนเองเปลี่ยนไปจนยอมรับไม่ได้

จากนั้นก็มีโอกาสไปเข้าร่วมอบรมปฏิบัติธรรม ๗ วันบ้าง ๑๐ วันบ้าง แล้วทำให้ได้พบความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตเป็นผลจากการนั่งสมาธิและเดินจงกรม ที่เริ่มด้วยความปวดเมื่อย ความคิดฟุ้งซ่าน ต่อมาก็กลายเป็นความสงบเย็นที่ไม่เคยพบมาก่อน จนทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป เห็นคุณค่าของพุทธศาสนาทั้งที่ไม่เคยสนใจมาก่อน แล้วก็สรุปว่าเป็นตัวอย่างของชีวิตที่มีความสุขที่เป็นผลจากการปฏิบัติธรรม

ผลที่ตามมาจากนั้น ถึงไม่บอกก็คงพอจะเดาได้ว่ามีการตอบสนองต่อเรื่องนี้เป็น ๒ กลุ่มหลักๆ กลุ่มแรกมักจะพูดว่า “อือ! น่าสนใจ แต่เรายังไม่พบกับวิกฤติขนาดนั้น รอไว้ให้พร้อม ให้มีเวลาว่างกว่านี้ซักหน่อย ค่อยไปปฏิบัติธรรม” กับอีกพวกหนึ่ง ซึ่งมักเป็นผู้ที่เคยปฏิบัติธรรมกันมาบ้างแล้ว ก็จะรีบชวนกันโทรฯ ไปจองเข้าอบรมหลักสูตรที่ว่ากันอย่างล้นหลาม

หลังจากนั้นเราก็มักจะลืมเรื่องนี้ไป แต่ผลมักลงเอยที่ กลุ่มแรกก็จะยังคงไม่มีเวลาไปปฏิบัติธรรมเช่นเคยไปอีกนานแสนนาน ส่วนกลุ่มหลังที่ตามไปฝึกบ้างนั้น ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้พบกับความสุข ความสงบเย็น ดังตัวอย่างที่เขาว่าไว้ในโทรทัศน์ อาจพบแต่ความปวดเมื่อย น่าเบื่อ น่ารำคาญ เหมือนเดิม แต่ก็ยังรอฟังข่าวหรือหาที่ปฏิบัติธรรมที่เขาว่าดีกันต่อไป

จริงๆ แล้วรายการเหล่านี้อาจทำขึ้นด้วยความปรารถนาดีต่อสังคม แต่ด้วยความจำกัดในหลายๆ ด้านในการทำสื่อ ทำให้ต้องเสนอออกมาอย่างนั้น แต่อีกด้านหนึ่งผู้รับสื่อก็ต้องมีวิจารณญาณด้วย

ปรากฏการณ์ที่คนพากันแตกตื่นกับสมุนไพรตัวใหม่ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อาจารย์ใบ้ ตลอดจนหินวิเศษ ต่างก็ล้วนสะท้อนให้เห็นปัญหาในวิจารณญาณในการรับรู้ข้อมูลของคนส่วนใหญ่ทั้งสิ้น

เรามาลงมือศึกษาและปฏิบัติธรรมเพราะเห็นว่าการปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องที่ดีด้วยตัวเราเองดีกว่า

แม้จะมีคนจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาศึกษาปฏิบัติธรรมในช่วงที่ชีวิตมีความทุกข์ แต่ยังมีอีกมากที่มาเพราะเหตุผลอื่น เพื่อนอาจจะชวนมาปฏิบัติ หรืออาจถูกครูบ้าง พ่อแม่บ้างบังคับให้มา แต่คนที่อยากเรียนรู้เสาะแสวงหาสิ่งที่ดีกว่าให้ชีวิตก็มี

เช่นเดียวกับผลของการปฏิบัติธรรม บางคนอาจได้พบกับความสุขสงบเย็นจากการนั่งสมาธิ ซึ่งก็เป็นแง่มุมหนึ่งของผลการปฏิบัติธรรมเท่านั้น แต่ผู้ที่ไม่ได้ผ่านภาวะที่ว่านี้ก็มีไม่น้อย และก็มิได้หมายความว่าเขาไม่มีความก้าวหน้าในการปฏิบัติ ตรงกันข้ามอาจล้ำหน้าไปไกลกว่าแล้วหลายขุม

เพราะความสุขที่มีเพิ่มขึ้นและความทุกข์ในชีวิตที่ลดน้อยลง ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความก้าวหน้าในการปฏิบัติตามหลักพุทธธรรมนั้น เป็นความสุขที่เกิดจากการละวางความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน ซึ่งจะทำให้ชีวิตที่ดำเนินไปอย่างปกติเหมือนเดิมนั้นมีความสุขเพิ่มขึ้น มีทุกข์ลดลง ใช่ว่าจะมีความสุขเฉพาะเมื่อได้นั่งสมาธิเท่านั้น

แต่ถ้าหากได้สัมผัสความสุขสงบเย็นจากสมาธิไปด้วยก็ยิ่งมีประโยชน์ ช่วยให้หลายคนมีกำลังใจศึกษาเรียนรู้พัฒนาตนไปอย่างต่อเนื่อง

ความสุขที่เกิดจากการละวางความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน คือตัวชี้วัดถึงความก้าวหน้าในการปฏิบัติธธรรม

ก่อนที่เราจะให้ข้อสรุปกับตัวเองอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับผลการปฏิบัติธรรมว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จะปฏิบัติบ้าง เรายังไม่มีบุญพอบ้าง หรือวิธีนี้ไม่ถูกจริตกับเรา ซึ่งไม่ว่าจะสรุปอย่างไรก็ตาม อยากให้ชาวพุทธเรามีโอกาสทุ่มเทให้กับการศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่เสียก่อน อย่างน้อยจะได้ไม่ต้องรู้สึกเสียดายเวลาและโอกาสที่ผ่านไปแล้วทีหลัง

ลำพังข้อมูลที่ได้จากคนรอบข้าง จากหนังสือ หรือสื่อต่างๆ ที่มีมากมายในยุคนี้ ไม่เพียงพอหรอกที่จะทำให้เข้าใจและได้รับสิ่งดีๆ จากพุทธศาสนา หากเราไม่นำมาใช้หรือลงมือปฏิบัติฝึกฝนด้วยตนเอง

เราอาจรอบรู้และตอบข้อสอบทฤษฎีการว่ายน้ำได้ถูกทุกข้อ ผ่านการทำความเข้าใจตัวอย่างที่เขายกมาแสดง แต่จะมีประโยชน์อะไรเมื่อเรายังว่ายน้ำไม่เป็น ที่สำคัญเราย่อมไม่มีโอกาสสัมผัสถึงความสุขที่แท้จริงของการได้ว่ายน้ำเล่นอย่างแน่นอน

การได้ยิน ได้ดู ได้ฟังคนอื่นพูดมากมายเพียงใด ถ้าเราไม่ได้ลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังด้วยตัวเอง ผลก็จะไม่มีวันเกิดขึ้นกับเรา

วางตัวอย่างของความสุขที่คนอื่นได้รับไว้ก่อนเถอะ แล้วเริ่มลงมือสร้างความสุขของเราเองกันดีกว่า ผลจากการปฏิบัติธรรมนั้นเกิดขึ้นทันทีอยู่แล้วเมื่อเราได้ลงมือทำ เพียงแต่เราอาจจะยังไม่ตระหนักถึงผลที่ว่านั้น แต่วันหนึ่งเราจะดีใจและภูมิใจที่ได้เริ่มศึกษาและปฏิบัติธรรมตั้งแต่วันนี้


ภาพประกอบ