ถามทางโลก ตอบทางธรรม เดือนกันยายน

เครือข่ายพุทธิกา 29 กันยายน 2025

1. ถามพอจ.ว่า กรณีที่เราใจดี เมตตา แล้วกลายเป็นว่ามีผู้คาดหวังว่าจะได้รับความใจดี เมตตาในระดับสูงขึ้นๆๆๆๆ จนกินพื้นที่ของตัวเราเอง จากความรู้สึกเมตตากลายเป็นความรู้สึกทางลบ เราควรปรับใจอย่างไรคะ

อย่างแรกที่ควรทำคือ รักษาใจของคุณให้เป็นปกติ เพราะหากมีความรู้สึกลบ เช่น เกลียด โกรธ ไม่พอใจ ความทุกข์จะเกิดกับคุณเอง และพลอยทำให้ไม่อยากทำดีมีเมตตาต่อคนอึ่นอีก

ประการต่อมาคือ ควรเตือนหรือส่งสัญญาณให้เขารู้ว่า คุณไม่ชอบที่เขามาก้าวก่ายหรือยุ่มย่ามกับชีวิตของคุณมากเกินไป ควรบอกให้เขารู้ว่าเส้นแบ่งอยู่ตรงไหน และไม่ควรข้ามเส้นแบ่งนี้มา

คนบางคนพอเห็นใครมีน้ำใจไมตรีกับเขา เขาก็เข้าหาใกล้ชิดจนเกินพอดี ถ้าเขาได้รับคำเตือนจากคุณ เขาก็คงรู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณควรพูดกับเขาดี ๆ ด้วยถ้อยคำที่สุภาพ เพราะคนบางคนไม่รู้จริง ๆ ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร หรือไม่รู้ว่าแต่ละคน มีเส้นแบ่งที่ไม่เหมือนกัน


2. ถามพระอาจารย์ว่าถ้าเรา empower ตัวเองหรือคนอื่นว่าสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้ เราควรจะทำอย่างไรไม่ให้เป็นการส่งเสริมให้เกิดมานะอัตตามากเกินไป ควรวางใจอย่างไรไม่ให้ท้อแท้เกินไปหรือหลงตัวเองเกินไปค่ะ

การสร้างความมั่นใจแก่ตนเอง รวมทั้งการเพิ่มพูนสมรรถนะให้แก่ตนเองเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ควรหมั่นสังเกตตนเองว่า คุณถือตัวว่าเก่งกว่าคนอื่น มองคนอื่นว่าด้อยไม่เก่งเท่าคุณไหม หรือเมื่อเจอใครที่เก่งกว่าคุณ คุณรู้สึกไม่พอใจ หรือเมื่อเจอที่ไม่เห็นว่าคุณเก่ง ดี มีความสามารถ คุณโกรธเขาไหม ถ้าไม่พอใจหรือโกรธแสดงว่าคุณกำลังถูกมานะหรืออัตตาเล่นงานแล้ว เพราะมานะนั้นไม่ชอบให้ใครเก่งกว่า และเป็นทุกข์เมื่อไม่ได้รับการยกย่อง สรรเสริญ หรือเชิดชู

เวลามีคนชม คุณรู้สึกใจฟู ก็ขอให้รู้อาการดังกล่าว อย่าปล่อยใจให้เพลิดเพลินกับคำชม เช่นเดียวกัน เวลาคุณทำอะไรได้ดี คุณอยากโอ้อวด หรืออยากโพสต์ทางเฟซบุ๊ค เพื่อให้คนกดไลค์ไหม  ถ้ามีความรู้สึกอย่างนั้น ลองฝืนใจ ไม่ทำตามความอยาก  ใหม่ ๆ จะรู้สึกอึดอัด หรืออัดอั้นตันใจ แต่ไม่นานก็จะเป็นปกติ นั่นแสดงว่ามานะหรืออัตตาในใจคุณถูกกำราบแล้ว

ในทำนองเดียวกัน เมื่อทำอะไรแล้ว ไม่มีคนชม ทั้ง ๆ ที่คิดว่าทำดีแล้ว ก็อย่าเสียใจ ถ้าจิตตก ก็ให้รู้ทันอาการดังกล่าว และควรเข้าใจว่านั่นเป็นธรรมดาของอัตตายามที่ไม่ได้ยกหูชูหาง อย่าไปทุกข์กับมัน จะเป็นการดี หากทำอะไรแล้ว อย่าคาดหวังคำชื่นชมสรรเสริญจากใคร ถ้าไม่เหลิงเพราะคำชม ก็ไม่ท้อห่อเหี่ยวเพราะคำตำหนิ

ดีกว่านั้นคือ เมื่อทำอะไร ก็ทำให้ขเต็มที่ แต่อย่าคาดหวังผล ไม่เช่นนั้น พอเจอความล้มเหลวก็จะทุกข์ได้ง่าย ภาษิตจีนกล่าวว่า “ความพยายามเป็นของมนุษย์ ความสำเร็จอยู่ที่ฟ้า”  ตรงกับคำสอนทางพุทธศาสนาที่ว่า เราควรทำเหตุให้เต็มที่ แต่ใจปล่อยวางผล เพราะเราทำได้แค่ประกอบเหตุ ส่วนผลนั้นขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยมากมาย ซึ่งหลายอย่าง หรือส่วนใหญ่ เราควบคุมไม่ได้เลย  ด้วยเหตุนี้ท่านอาจารย์พุทธทาสจึงแนะว่า ควรทำงานทุกชนิดด้วยจิตว่าง


3. ดิฉันมีความทุกข์ใจเหลือเกิน จะคิดอย่างไรให้เดินต่อไปไหว

– ทำงานสายตรวจสอบ มีความเครียดสูง จนพบมะเร็งระยะ 2 ผ่าตัด คีโม และรับยาพุ่งเป้าต่อเนื่องอีก 5 ปี ซึ่งแพงมากต้องหยิบยืมเงินเพื่อนฝูง

– ต้องออกจากงานเพราะสุขภาพกายใจมันท้อแท้

– แม่อายุ 87 สมองเสื่อมระยะ 2 ไม่เคยพอใจกับการดูแลของเราเลย ทั้งที่เราอดทน ทุ่มเท จนบางครั้งเผลออาละวาดใส่แม่

– งานไม่มี เงินร่อยหรอ ไปของานเพื่อนทำ ก็ได้เงินเล็กน้อยไม่เพียงพอ

– หนี้พอกพูน

– ซึมเศร้า แพนิค ไม่กล้าทำอะไรเลยค่ะ ปล่อยชีวิตไหลไป

ขอแนวทางเตือนสติด้วยนะคะ

ขอให้คุณนึกถึงแม่ หากไม่มีคุณ หรือหากคุณหมดสภาพ ท่านคงแย่แน่ ๆ  เมื่อนึกถึงท่านแล้ว ก็พยายามดูแลตนเองให้ดีทั้งกายและใจ การที่คุณดูแลท่านอย่างทุ่มเท ทั้ง ๆ ที่คุณป่วยและมีปัญหาการเงิน นับว่าเป็นสิ่งที่น่าสรรเสริญมาก  อย่ารู้สึกผิดที่ตัวเองเผลอใช้อารมณ์กับท่าน เพราะการพลังเผลอเป็นธรรมดาของปุถุชน แต่จะให้ดี คุณควรลดความคาดหวังในตัวท่าน ยอมรับท่านอย่างที่เป็น ท่านทำอะไรไม่ถูกต้อง หรือไม่เป็นดั่งใจคุณ ก็ปล่อยท่านไปเถิด  เพราะท่านก็แก่แล้ว แถมสมองเสื่อมอีกต่างหาก

สำหรับความเจ็บป่วยที่เกิดกับคุณ ขอให้คุณตระหนักว่า แม้กายป่วย แต่ใจไม่ป่วยก็ได้  การเยียวยากายที่ป่วย แม้จะใช้เงินมาก แต่ก็อย่าลืมการเยียวยาใจ ซึ่งไม่ต้องใช้เงินเลยก็ได้ ยิ่งกว่านั้นหากเยียวยารักษาใจได้ ก็จะรับมือกับความป่วยกายได้ดีขึ้น ถึงจะรักษาไม่หาย แต่ใจก็ไม่เป็นทุกข์

คุณทุ่มเทดูแลคุณแม่ และทุ่มเทหาเงินเพื่อเยียวยารักษาร่างกายมามากแล้ว ลองหันมาเยียวยารักษาใจด้วยการฝึกสติ เจริญสมาธิ ดูบ้าง อาจช่วยให้คุณทุกข์น้อยลง และส่งผลให้สถานการณ์ต่าง ๆ ดีขึ้นได้


4. สวัสดีค่ะ

ลูกสาวมีชีวิตราบรื่นมาโดยตลอดทั้งเรื่องเรียนและการทำงาน

แต่เมื่อทำงานแล้วเกิดความรักครั้งแรกที่ไม่สมหวัง ถูกปฏิเสธ น้องทำใจไม่ได้ ซึมเศร้า ทุกข์ทรมาน จนป่วย เพราะต้องเจอหน้ากันทุกวัน ทำอย่างไรถึงจะมีจิตที่เข้มแข็งสามารถตัดใจ ตัดทุกข์ได้ เพราะต้องเจอหน้ากันทุกวัน

สำหรับคนบางคน หรือคนส่วนใหญ่ก็ว่าได้  เมื่อมีความทุกข์จนซึมเศร้า การเปลี่ยนสถานที่หรือสิ่งแวดล้อม จะช่วยให้เขาตั้งหลักได้ดีขึ้น เพราะตราบใดที่ยังอยู่สิ่งแวดล้อมเดิม ๆ แม้จะไม่ทั้งวัน แต่วันละหลายชั่วโมง หากยังฝึกใจได้ไม่ดี ไม่มีสติรักษาใจ ผู้คนและสิ่งต่าง ๆ ที่พานพบก็จะตอกย้ำความรู้สึกเดิม ๆ ให้รุนแรงขึ้น แต่การเปลี่ยนสถานที่หรือสิ่งแวดล้อมเป็นมาตรการเบื้องต้น สิ่งที่ควรทำต่อมาคือ การเยียวยาใจ หรือฝึกใจให้ปลดเปลื้องความรู้สึกแย่ ๆ ที่สะสม รวมทั้งป้องกันมิให้ความรู้สึกแย่ ๆ เกิดขึ้นอีก

การฝึกใจที่ว่าไม่ได้หมายถึงการเข้าวัดปฏิบัติธรรมเท่านั้น แต่รวมถึงการฝึกใจผ่านกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ศิลปะบำบัด การเป็นจิตอาสา หรือการอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เป็นต้น


5. ยุคปัจจุบันคนใช้โทรศัพท์กันมากขึ้น จนกลายเป็นการเสพติด เหมือนติดสุรา ยาเสพติด ทำอย่างไรจะสามารถลดลงได้

ติดจนเมื่อไม่มีโทรศัพท์แล้วกลับนึกไม่ออกว่า ทำอะไรดี ชีวิตกลายเป็นว่างเปล่า แทนที่จะดีใจที่มีเวลาในการใช้ชีวิต แต่กลับกลายเป็นคิดไม่ออกว่าจะใช้ชีวิตอย่างไรเมื่อไม่มีโทรศัพท์

สิ่งแรกที่ควรทำ คือกำหนดเวลาหรือระยะเวลาในการใช้โทรศัพท์ เช่น จะใช้โทรศัพท์ตั้งแต่กี่โมงถึงกี่โมง และใช้ครั้งละกี่นาที เมื่อกำหนดแล้ว ก็พยายามทำให้ได้อย่างที่กำหนด หากวันไหนทำไม่ได้ ก็จะต้องมีบทลงโทษ เช่น ปรับเงินด้วยการบริจาคเงินเพื่อสาธารณประโยชน์ชั่วโมงละกี่บาท ๆ เป็นต้น หรือไม่ลงโทษด้วยการงดใช้โทรศัพท์ตามจำนวนชั่วโมงที่ใช้เกิน เช่น ตั้งใจใช้โทรศัพท์วันละไม่เกิน ๒ ชั่วโมง ถ้าวันไหนใช้ไป ๔ ชั่วโมง วันต่อไปก็ใช้แค่ ๑ ชั่วโมง ทำอย่างนี้ ๒ วัน เมื่องดใช้ครบ ๒ ชั่วโมงแล้ว จึงค่อยกลับมาใช้โทรศัพท์ตามที่กำหนดคือ วันละ ๒ ชั่วโมง

ถ้าอยากเป็นนายโทรศัพท์อย่างแท้จริง  ควรพาตัวเองไปอยู่สถานที่ที่งดใช้โทรศัพท์หรือไม่มีสัญญาณโทรศัพท์สัก ๗ วัน แล้วจะพบว่า แม้ไม่ใช้โทรศัพท์ ๗ วัน ก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ และอยู่ได้ดีด้วย อีกทั้งยังเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ตนเองว่า เราสามารถเป็นอิสระจากโทรศัพท์ได้ ถ้าหากรู้จักฝึกใจและมีวินัยในการใช้โทรศัพท์