ในความไม่แน่นอนของชีวิต ในความหวาดกลัวทุกข์ภัยต่างๆ ผู้คนทุกยุคสมัยอาศัยบางสิ่งเพื่อยึดเหนี่ยวจิตใจของตนเอง และแม้ทุกวันนี้ โลกจะเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ไปมากเพียงใด แต่ความเชื่อบางอย่างก็ยังคงพ้นไปเหนือเหตุผลแห่งวิทยาศาสตร์
กระแสลูกเทพที่เป็นข่าวในช่วงนี้ มีทั้งเสียงวิจารณ์ไปทั้งทางสนับสนุนและโต้แย้ง โดยเฉพาะสำหรับผู้คนที่ถือว่าตนเองเป็นคนยุคใหม่ที่คิดอ่านอย่างมีเหตุผล ส่วนหนึ่งก็แสดงการวิพากษ์ไปในเชิงดูแคลน ว่าผู้ที่เชื่อในลูกเทพนั้นงมงาย ไร้เหตุผล แต่ถ้าเราใช้โอกาสนี้ ในการพิจารณาปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เราน่าจะได้ประโยชน์อะไรหลายๆ อย่าง มากกว่าเพียงการดูแคลนผู้ที่เชื่อในลูกเทพ
ปรากฏการณ์ลูกเทพ อาจจะใช้เป็นโพลชั้นดี อย่างที่ไม่ต้องไปจ้างให้ใครทำการสำรวจ ถึงความ “ขาดที่พึ่ง” ของผู้คนในบ้านเรา ณ ปัจจุบัน อีกทั้งยังอาจเป็นเครื่องชี้วัดถึง “ผลประกอบการ” ของสถาบันพุทธศาสนาในบ้านเรา ว่า “ได้กำไร” คือ สำเร็จผลในการเผยแผ่พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า แก่ผู้คน หรือ “ขาดทุน” อันได้แก่ ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการประกาศพระศาสนาเพื่อประโยชน์แก่มหาชน
และไม่เพียงแต่สถาบันหรือองค์กรทางพุทธศาสนา ที่อาจใช้โอกาสนี้ในการวัดผลการทำงานของตนเอง แต่ยังรวมไปถึงตัว “พุทธศาสนิกชน” อย่างเราๆ ท่านๆ เองด้วยว่า ในฐานะชาวพุทธ เราได้ช่วยเผยแผ่พระธรรม นำความเข้าใจที่ถูกต้องแห่งพุทธธรรม เผื่อแผ่แก่ผู้อื่นหรือไม่ หรือว่าเราเป็นเพียงชาวพุทธ (ปลอมๆ) ที่มักยิ้มเยาะคนที่ไม่รู้ ที่มักดูแคลนผู้อื่นว่างมงาย โดยที่เราก็ไม่ได้ช่วยให้คนเหล่านั้นเข้าใจในพุทธธรรมชัดแจ้งขึ้นเลย
ปรากฏการณ์ลูกเทพ แสดงให้เห็นถึงความ “ขาดที่พึ่ง” ของผู้คนในบ้านเรา ณ ปัจจุบัน
อันที่จริง การเชื่อหรือศรัทธาในสิ่งใดๆ นั้น เป็นเรื่องส่วนบุคคลโดยเฉพาะ เราไม่ควรดูหมิ่นผู้อื่นที่มีความเชื่อต่างไปจากเรา เพียงแต่ถ้าหากเราเห็นว่า ความเชื่อที่เขาเห็นว่าเป็นประโยชน์สำหรับเขานั้น มีสิ่งที่เป็นประโยชน์เหนือกว่า และหากเรามีปัญญาและความกรุณาอันแท้จริงตามแนวทางของพุทธศาสนา เราก็อาจใช้ความเชื่อหรือศรัทธาที่เขามีนำเขาไปสู่ศรัทธาที่สูงขึ้นไปได้
ดังที่แสดงไว้เป็นตัวอย่างถึงพุทธวิธีการสอนของพระพุทธองค์ใน สิงคาลกสูตร อันมีใจความว่า สิงคาลกมาณพ ต้องตื่นเช้าและกระทำการไหว้ทิศทั้งหกอยู่ทุกวัน เพราะเป็นคำสั่งสอนของบิดาที่ให้ไว้ก่อนตาย เมื่อเห็นดังนั้น พระพุทธองค์ได้ตรัสแก่สิงคาลกมาณพว่า การไหว้ทิศทั้งหกตามแบบแห่งพระอริยเจ้านั้น ไม่ได้ไหว้เช่นนี้ เมื่อสิงคาลกมาณพถามว่า พระอริยเจ้านั้นไหว้ทิศทั้งหกอย่างไร พระพุทธองค์จึงทรงเทศสอนเรื่องการละกรรมกิเลส ละบาปและทางเสื่อมแห่งโภคะ
จากนั้นทรงแสดงทิศทั้งหกว่า คือ บิดา มารดา (หน้า), อาจารย์ (ขวา), บุตร ภรรยา (หลัง), มิตร (ซ้าย), ผู้รับใช้ (ล่าง), สมณะพราหมณ์ (บน) พร้อมทั้งแสดงวิธีปฏิบัติต่อทิศทั้งหก (บุคคลทั้งหก) เพื่อความสุขสำเร็จประโยชน์
จะเห็นได้ว่า พระพุทธองค์ทรงใช้ความเชื่อเดิมของมาณพหนุ่ม เป็นบาทฐานชี้นำไปสู่ระดับที่สูงกว่า ด้วยพระปัญญาและกรุณาของพระองค์ ดังนั้น กระแสลูกเทพที่บ่งบอกให้เห็นว่า คนจำนวนมากกำลังแสวงหาที่พึ่งพิง เพื่อหาทางออกจากความทุกข์กังวล ออกจากปัญหาต่างๆในชีวิต น่าจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับสถาบัน องค์กร และพุทธศาสนิกชนที่แท้จริง จะช่วยกันเผยแผ่ “สรณะ” ที่พึ่งพิง อันดับทุกข์ได้ยิ่งกว่าจริงกว่า ให้แก่ผู้ที่กำลังแสวงหาทางพ้นทุกข์และทางออกของปัญหาต่างๆ ในชีวิต