โพลล์ของสำนักต่างๆ ระบุว่าคนไทยกำลังเครียด เซ็ง เบื่อการเมือง วันนี้ “มองย้อนศร” จึงขอไม่เริ่มต้นการมองในเชิงเหตุผล แต่ให้เราแก้อารมณ์เครียด เบื่อ เซ็งการเมือง ด้วยการอมยิ้มหรือหัวเราะ ตามดีกรีของเรื่องตลกที่จะเล่าต่อไปนี้
คนไข้ทางจิตผู้หนึ่งได้แสดงความกล้าหาญ กระโดดลงไปช่วยผู้ป่วยอีกคนหนึ่งให้รอดพ้นจากการจมน้ำตาย หมอเรียกคนไข้มาพบและบอกเขาว่า
หมอ : ยินดีด้วยนะครับ การกระทำอันกล้าหาญของคุณ แสดงว่าคุณหายเป็นปกติแล้ว คุณจะได้กลับบ้านแล้วครับ
คนไข้ : (ตื่นเต้น) จริงๆ นะครับ โอ้…วิเศษที่สุด…
หมอ : แต่…ผมเสียใจด้วยเรื่องหนึ่งนะครับ
คนไข้ : (สีหน้างง) เรื่องอะไรเหรอครับ คุณหมอ
หมอ : คนไข้ที่คุณเสี่ยงชีวิตลงไปช่วยนั้น เขาผูกคอตายเสียแล้ว!
คนไข้ : (ยิ้ม ถอนหายใจโล่งอก) โธ่! นึกว่าอะไร เขาไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเห็นเขาตัวเปียกน้ำ ก็เลยจับแขวนกับขื่อผึ่งลมให้แห้งน่ะครับ
หมอ : !?!?!?!?
ผู้ป่วยทางจิตคนหนึ่งไปพบแพทย์โดยใส่ถุงเท้า 2 ข้างไม่เหมือนกัน
หมอ : (เสียงอ่อนโยน) ทำไมใส่ถุงเท้าแบบนี้ล่ะครับ
คนไข้ : ก็มันมีแต่แบบนี้นี่ครับคุณหมอ
หมอ : คุณมีถุงเท้าคู่เดียวหรือครับ
คนไข้ : ปล่าว…ที่บ้านก็มียังงี้อีกคู่ เหมือนกันเปี๊ยบเลย
หมอ : ?!?!?!
จิตแพทย์ร้อนวิชาออกเดินเยี่ยมผู้ป่วยในตึก เพื่อหาทางจับผิดการรักษาของแพทย์อื่น เห็นชายคนหนึ่งแต่งตัวดี นั่งอยู่ที่ระเบียงจึงเดินเข้าไปชวนคุย
หมอ : วันนี้อากาศน่าสบายนะครับ
คนไข้ : ผมก็สบายของผมทุกวันแหละ พวกคุณมาบอกผมไม่สบาย ผมผิดตรงไหนนะ กะอีแค่ชอบรองเท้าหนังหุ้มส้นมากกว่ารองเท้าแตะฟองน้ำ
หมอ : (ตาลุก มองเห็นช่องทางจับผิด) นั่นน่ะสิ! เกิดเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ใครเป็นเจ้าของไข้ของคุณ ผมไม่เห็นว่าจะผิดปกติตรงไหนเลยหากคุณจะชอบรองเท้าหนังหุ้มส้น ผมเองก็ชอบรองเท้าหนังหุ้มส้นครับ
ผู้ป่วย : (ตื่นเต้นดีใจ) โอ…จริงนะครับคุณหมอ ผมอยากพบมานานแล้วคนที่ชอบอะไรเหมือนกันเนี่ย
หมอ : จริงครับ สบายใจได้
ผู้ป่วย : ถ้างั้นคุณหมอชอบแบบปิ้งหรือต้มล่ะครับ
หมอ : ?!?!?!
ผู้ป่วยทางจิตนั้นเป็นผู้ที่ใช้เหตุผลคนละชุด และมีมิติเวลาไม่เหมือนกับคนปกติ การพยายามพูดคุยสนทนากับผู้ป่วยทางจิต เราจึงถือสาไม่ได้ ดังนั้น เวลาที่อ่านหรือฟังข่าวการให้สัมภาษณ์ที่ชวนเครียด โกรธเกลียดกับความไร้เหตุผล หรือการใช้เหตุผลแบบดันทุรัง เอาสีข้างเข้าถู เราก็ใช้จินตนาการ คิดเสียว่า เขาเป็นเหมือนคนไข้ในเรื่องที่เล่ามา ไม่สามารถคาดหวังให้เขาใช้เหตุผลแบบคนปกติได้ โบราณก็บอกอยู่แล้วว่า “อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา” นั่นคือการสนทนาหรือสื่อสารกับคนบ้าและคนเมานั้น มีประโยชน์น้อย ไม่ควรเอามาถือเป็นอารมณ์
ครู : ด.ช.ปื๊ดเธอมาสายบ่อยมาก เธอจะแก้ตัวว่ายังไง กับการไม่มีวินัยของเธอ
ปื๊ด : ครูครับ ผมไม่ได้อยากมาสายเลย แต่ที่สายเพราะต้องทำตามป้ายที่ปักอยู่ใกล้ๆ โรงเรียนครับ
ครู : ป้ายอะไรของเธอ?
ปื๊ด : ป้ายจราจรที่เขียนบอกว่า “โรงเรียนอยู่ข้างหน้า ให้ไปช้าๆ”
ครู : ?!?!?!
ถ้าเขาที่ทำให้เราเครียดเซ็งไม่ใช่ผู้ป่วยทางจิต เขาก็อาจจะเป็นเด็กกลมกลิ้ง ที่พยายามหาทางแก้ตัวด้วยการหยิบฉวยเอาอะไรบางอย่างของสังคมมาใช้ประโยชน์แบบข้างๆ คูๆ เพื่อเอาตัวรอดไปวันๆ
ครู : จิมมี่ ออกมาชี้แผนที่ให้เพื่อนดูซิว่า ทวีปอเมริกาอยู่ตรงไหน
จิมมี่ : (ออกมาชี้แผนที่) ตรงนี้ครับครู
ครู : ดีมากจ้ะ (หันมาถามนักเรียนทั้งห้อง) นักเรียนใครเป็นคนค้นพบทวีปอเมริกาจ้ะ
นักเรียนทั้งชั้น : (ตอบพร้อมเพรียง) จิมมี่ครับคุณครู!
ครู : ?!?!?!
นี่ก็เป็นเรื่องของการเข้าใจคำถามผิด เพราะระดับความสามารถของเขายังน้อยอยู่ จึงตอบไปเรื่อยโดยไม่รู้ว่าคนถามต้องการคำตอบอะไร (น่าเอ็นดู)
ในวันที่อะไรๆ ก็ใช้เหตุผลไม่ได้ จนดูเหมือนไม่มีทางออก มองโลกแง่ขันไว้ก่อน จะได้ไม่เครียด เพราะความเครียดทำลายปัญญา ใครก็ไม่รู้บอกว่า “สติดี จะมีรอยยิ้ม สติถูกทิ่มรอยยิ้มจะไม่มี” และ “สติมีผีจะหลบ สติถูกตบจะพบกับผี” ไม่อยากพบกับผี ต้องมีอารมณ์ขันไว้บ้าง…