ถามทางโลก ตอบทางธรรม เดือนตุลาคม

เครือข่ายพุทธิกา 28 ตุลาคม 2025

1. จะปฏิบัติและทำใจอย่างไร เมื่อรู้ว่าบุพการีจะต้องจากไปในอีกไม่กี่วันข้างหน้า…ในขณะที่เราต้องดูแลเค้าจนถึงวันนั้น..

ก่อนอื่นคุณควรมองว่าในเมื่อเวลาของท่านเหลือน้อยลงไปทุกที แต่ละวันแต่ละชั่วโมงที่ท่านอยู่กับคุณจึงเป็นโอกาสทอง ที่ไม่ควรปล่อยให้ผ่านเลยไปโดยไร้ประโยชน์ ควรใช้เวลาแต่ละวันแต่ละชั่วโมงเพื่อทำสิ่งดี ๆ แก่ท่าน และเพื่อมีความสุขร่วมกัน อย่ามัวนึกถึงวันที่ท่านจากไป เพราะนั่นเป็นอนาคตที่ยังมาไม่ถึง หากมัวแต่นึกถึงตอนนั้น จิตใจคุณจะหดหู่เศร้าหมอง จะดีกว่าหากคุณใส่ใจกับทุกนาทีที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ตอนนี้ ขอบคุณที่ท่านยังอยู่กับคุณ และตั้งใจดูแลท่านให้ดีที่สุด พยายามให้เวลากับท่านเท่าที่จะทำได้ หากคุณทำได้เช่นนี้ เมื่อท่านจากไป คุณจะไม่เสียใจที่ละเลยโอกาสอันมีคุณค่าเหล่านี้ไป

อนึ่งขณะที่ท่านยังอยู่กับคุณ ควรหาโอกาสบอกความในใจของคุณให้ท่านทราบ เช่น ขอบคุณท่าน บอกรักท่าน ที่สำคัญคือขอขมาท่านหากคุณเคยทำอะไรที่ล่วงเกินท่าน หรือทำให้ท่านไม่สบายใจ อย่ารั้งรอ อย่าผัดผ่อน อย่ากระดากหรือขวยเขินเพียงเพราะไม่เคยพูดกับท่านแบบนี้ ความในใจแบบนี้ บอกท่านขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าบอกท่านตอนที่ท่านหมดลมแล้ว


2. การเกิดมามีชีวิตของเรา จริงๆแล้วพระอาจารย์คิดว่ามันถูกกำหนดไว้หมดแล้วมั้ยคะ คนที่เราต้องเจอ ความรู้สึกที่มีต่อคนๆนั้น เหตุการณ์ต่างๆเหล่านั้น งานที่ทำ มันนอกเหนือการควบคุมทั้งสิ้นมั้ยคะ ถูกกำหนดไว้หมดแล้วหรือไม่ อาจารย์คิดเห็นว่าอย่างไรคะ

ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเราขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย ไม่ใช่แค่เหตุปัจจัยในอดีตเท่านั้น แต่รวมถึงเหตุปัจจัยในปัจจุบันและอนาคต เหตุปัจจัยในอดีตเป็นอย่างไร ปุถุชนอย่างเรามิอาจทราบได้ และทำอะไรไม่ได้แล้ว แต่เหตุปัจจัยในปัจจุบันและอนาคต หลายอย่างขึ้นอยู่กับการกระทำของเรา อาตมาไม่เชื่อว่าชีวิตของเราถูกกำหนดไว้หมดแล้ว มีบางส่วนที่ถูกกำหนดด้วยเหตุปัจจัยในอดีต แต่ส่วนสำคัญอยู่ที่การกระทำของเราเอง รวมทั้งความนึกคิดและการวางใจของเราด้วย ด้วยเหตุนี้อาตมาจึงไม่เชื่อว่า ทุกอย่างในชีวิตของเรา(และโลกของเรา)อยู่นอกเหนือการควบคุมเพราะถูกกำหนดไว้หมดแล้ว

พุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ให้ความสำคัญกับการกระทำและความเพียรมาก ดังมีอีกชื่อว่า วิริยวาท อีกทั้งในพระไตรปิฎกก็ยังกล่าวถึง ลัทธินอกพุทธศาสนาสองลัทธิ หนึ่ง คือ ปุพเพกตเหตุวาท หรือ ลัทธิกรรมเก่า ได้แก่ความเชื่อที่ว่า สิ่งใดก็ตามที่ประสบ จะเป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ล้วนเป็นเพราะกรรมที่ได้ทำไว้ในปางก่อน สอง คือ อิสสรนิมมานเหตุวาท หรือ ลัทธิพระเป็นเจ้า คือ ความเชื่อที่ว่า สิ่งใดก็ตามที่ได้ประสบ จะเป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ล้วนเป็นเพราะการดลบันดาลของเทพผู้ยิ่งใหญ่ อาตมาไม่เชื่อในสองลัทธินี้ จึงไม่คิดว่าชีวิตและสิ่งต่าง ๆ ที่ประสบ ล้วนถูกกำหนดไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจากการกระทำในอดีต หรือจากการลิขิตของเทพผู้ยิ่งใหญ่


3. ขอฝากคำถามเพื่อขอคำแนะนำจากพระอาจารย์ กรณีที่เราโดนยืมเงินบ่อยๆ จากหลายคน มีทั้งได้คืนบ้างและไม่ได้คืนบ้าง ซึ่งบางครั้งเราให้ยืมเพราะช่วย คิดว่าเขาอาจจะติดขัดจริง แต่เรากำหนดระยะเวลาในการคืน แต่ก็ไม่ได้คืน ควรมีวิธีวางใจอย่างไร และควรมีวิธีการกล้าปฏิเสธคนที่ยืมเงินบ่อยๆ โดยไม่รับผิดชอบอย่างไร โดยที่เราไม่ต้องใช้วิธีโกหก เพราะตอนนี้คนที่ยืมเงิน จะมีทั้งใช้วิธีขอแบบดื้อๆ เป็นจำนวนเงินไม่เยอะ แต่ข้าพเจ้าเคยให้และช่วยไปหลายครั้งแล้วโดยไม่ทวง หรือขอยืมโดยอ้างเหตุผลต่างๆ บางครั้งเราใจอ่อน เพราะไม่รู้ว่าเขาจำเป็นจริงๆ หรือไม่มีวินัยในการวางแผนการใช้เงินเอง ทำให้ตัวเรารู้สึกอึดอัด จึงให้ยืมเพื่อตัดปัญหาความรำคาญใจ แต่รู้สึกว่าเรากำลังเบียดเบียนตัวเองด้วย เพราะเหมือนโดนพึ่งพึงเรื่องเงินไม่รู้จบ

เวลาจะให้เงินยืมแก่ใคร หากเห็นว่าเขาเดือดร้อนจริง ๆ ควรทำใจว่า เงินที่ให้เขายืมนั้นอาจไม่ได้คืน ถ้าคิดเช่นนั้นได้ ก็จะสบายใจ ไม่มีความวิตกกังวลถึงเงินก้อนนั้นอีก หากได้คืนก็ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ถ้าไม่ได้คืน ก็ไม่รู้สึกทุกข์ร้อน เพราะทำใจไว้แล้วว่าอาจไม่ได้คืน

การทำใจเช่นนี้ ยังช่วยให้เราลดความคาดหวังว่าเขาจะคืน บ่อยครั้งการคาดหวังนั้นเองทำให้เราเป็นทุกข์ อีกทั้งยังทำให้เรารู้สึกกระอักกระอ่วนใจเวลาเจอหน้าคนที่เราให้เงิน(ยืม)แก่เขาไป รู้สึกอึดอัดเพราะไม่รู้ว่าจะพูดกับเขาอย่างไร และหากคาดหวังว่าเขาจะคืน ครั้นพบว่าเขาไม่คืน ก็ย่อมเสียความรู้สึก อาการดังกล่าวอีกฝ่ายย่อมรับรู้ได้ ผลก็คือ ความสัมพันธ์แปรเปลี่ยนไป เพราะต่างฝ่ายต่างก็อึดอัด ไม่สบายใจ ใครที่ถือว่ามิตรภาพเป็นสิ่งสำคัญ หากจะให้เพื่อนยืมเงิน ก็ควรทำใจไว้แต่แรกว่า ให้แล้วอาจไม่ได้คืน พอคิดเช่นนี้ ก็จะสบายใจ ถ้าเงินไม่มาก หรืออยู่ในวิสัยที่คุณจะให้ได้ ก็ให้เขาไปเถิด ถือว่าช่วยเขา เพราะสักวันหนึ่งคุณอาจเดือดร้อนเหมือนเขาก็ได้

ส่วนใครที่ทำใจดังว่าไม่ได้ ขอแนะว่าอย่าให้เงินยืมแก่เขาเลย เพราะจะทำให้เสียมิตรภาพในภายหลัง จะดีกว่าหากปฏิเสธไป หรือไม่ก็ให้เขายืมในจำนวนที่คุณพอจะให้ได้ ถือว่าช่วยเหลือเขา แต่ถ้าคิดว่าให้เขายืมเงินเพื่อตัดความรำคาญใจ หรือเพื่อซื้อความสบายใจ นั่นก็เป็นอีกกรณีหนึ่ง

การปฏิเสธที่จะให้เงินยืมแก่คนรู้จัก แม้เป็นเรื่องยากสำหรับบางคน แต่ถ้าจำเป็นก็ควรทำ ดีกว่าทำเพื่อตัดความรำคาญใจในวันนี้ แล้วกลุ้มใจในวันหน้า (เพราะเขาไม่คืนเสียที) สำหรับคนที่ไม่กล้าปฏิเสธ อยากให้ถามตัวเองว่า อะไรทำให้คุณไม่กล้าปฏิเสธ เป็นเพราะกลัวเขาผิดหวังในตัวคุณ หรือกลัวเขาลดความนิยมในตัวคุณหรือเปล่า หากเหตุผลเป็นเพราะเหตุนี้ แสดงว่าคุณยังแคร์สายตาของคนอื่นมากไป พูดอีกอย่าง คุณเอาคุณค่าและความสุขของตัวคุณไปผูกติดกับสายตาของคนอื่น หากคุณยังมีความคิดแบบนี้ คุณจะหาความสุขได้ยาก เพราะต้องคอยตามใจหรือสนองความต้องการของคนอื่นอยู่เรื่อยไป ซึ่งจะไม่มีวันสิ้นสุดเลย


4. ตอนนี้ตกงาน อายุมาก หางานยังไม่ได้ คุณพ่อป่วย ต้องใช้จ่าย ตอนนี้ปัญหาหลายด้าน อยากขอคำแนะนำในการรักษาใจค่ะ เพื่อให้ดำรงชีวิตต่อไปได้

อย่างแรกที่อาตมาอยากแนะนำคือ อย่าเพิ่งท้อ ขอให้พยายามหางานทำต่อไป อย่าเลือกงาน แม้งานบางอย่างทำแล้วจะได้เงินไม่มาก หรือต่ำกว่าความสามารถของคุณ แต่ก็ยังดีกว่าอยู่เปล่า ๆ ซึ่งมีแต่จะทำให้หดหู่ท้อแท้หนักขึ้น การมีงานทำ ไม่ได้ช่วยให้เรามีเงินหรือมีรายได้เท่านั้น แต่ยังช่วยบำรุงใจให้มีชีวิตชีวา ไม่จมดิ่งอยู่กับความเศร้า

หากมีความทุกข์ใจมาก ควรปรับทุกข์หรือเล่าความทุกข์ให้ใครสักคนรับรู้ อย่าเก็บความทุกข์ไว้ในใจ การมีใครสักคนรับฟังความทุกข์ของเรา จะช่วยให้เรามีกำลังใจในการเดินหน้าต่อไป

ขอให้เตือนใจตนเองเสมอว่า “แล้วมันจะผ่านไป” ความทุกข์ในวันนี้ย่อมไม่ยั่งยืน สักวันย่อมแปรเปลี่ยนไป ขอเพียงแต่คุณผ่านวันนี้ไปให้ได้ มีคนหนึ่งพูดไว้ดีมากว่า “คนเราต้องอึดไว้ ต้องใฝ่ดี ให้อยู่ได้นานพอที่จะเล่นตาถัดไป” การใช้ชีวิตบางครั้งเหมือนกับเล่นไพ่ ตาที่คุณเล่นอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ตาของคุณ แต่ตาถัดไปอาจเป็นตาของคุณก็ได้

อย่าท้อ ขอให้สู้ต่อไป พยายามผ่านวันนี้ไปให้ได้ เพราะวันหน้าอาจเป็นวันของคุณ


5. อยากถาม พอจ เรื่องการมีสัตว์เลี้ยง เช่น เลี้ยงหมา เลี้ยงแมวเป็นบุญหรือบาป อย่างไรคะ คือ คุ้นเคยกับการมีสุนัขในบ้านมาตั้งแต่เกิด ตัวสุดท้ายที่เลี้ยงตายไปหลายปีแล้ว อยากเลี้ยงใหม่แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ และเคยได้ยินว่าการเลี้ยงสัตว์เป็นบาป เป็นการกักขังอิสรภาพของชีวิตเขา แต่การที่เราดูแลรับผิดชอบชีวิตเขาอย่างดีมันก็น่าจะเป็นบุญด้วยหรือเปล่าคะ เราควรวางใจอย่างไรถึงจะถูกคะ รบกวน พอจ ช่วยอธิบายเรื่องการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงด้วยค่ะ

การเลี้ยงสัตว์จะได้บุญหรือบาป อยู่ที่เจตนา ถ้ามีเจตนาอยากช่วยเหลือเขา ก็ถือว่าเป็นบุญ แต่ถ้ามีเจตนาสนองความต้องการของเรา ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง นอกจากเจตนาแล้ว วิธีการเลี้ยงก็สำคัญ ถ้าทำด้วยจิตเมตตา ก็เป็นบุญ สัตว์บางชนิดต้องการอิสรภาพมาก เราจึงไม่ควรกักขังเขา แต่สัตว์บางชนิดต้องการอยู่ใกล้มนุษย์ เพราะเชื่อว่าจะได้รับความปลอดภัย สัตว์ประเภทหลัง หากเราเลี้ยงด้วยความรัก ก็ไม่เป็นบาป และอาจเป็นบุญ

แต่ถึงแม้จะเลี้ยงด้วยเมตตาจิต หรือด้วยใจที่เป็นบุญ ก็อย่าลืมธรรม นั่นคือ สัจธรรมหรือความจริงที่ว่า ทุกชีวิตนั้นไม่เที่ยง สักวันหนึ่งก็ต้องจากไป ดังนั้นแม้จะรักเขาปานใด ก็ไม่ควรลืมว่าสักวันหนึ่งเขาต้องจากเราไป การตระหนักถึงความจริงข้อนี้ จะช่วยให้เราไม่ทุกข์หรือโศกเศร้ายามที่เขาจากไป