1. ถ้าเราไม่สบาย เป็นโรคที่รู้ว่ายังไงก็รักษาไม่หาย แล้วทำหนังสือบอกเจตนาของเรากับครอบครัวว่า ถ้าเราเริ่มดูแลตัวเองไม่ได้แล้ว ขอให้เค้าพาไปต่างประเทศเพื่อทำการุณยฆาต แบบนี้เป็นบาปไหมคะ? เจตนาคือไม่ต้องการเป็นภาระทั้งทางกายและทางใจให้คนในครอบครัว และคนรอบข้าง เพราะทุกคนก็มีภาระของตัวเองอยู่แล้ว การรักษาก็ต้องใช้เงินเยอะ ยังไงก็ต้องตายอยู่ดี ขอให้ตายไปเลยดีกว่า อยู่เป็นภาระของคนอื่นเป็นปีๆ ทำให้เขาหมดทั้งเงิน หมดทั้งกำลังใจ เพราะต้องทุกข์ทรมานใจกับภาระที่หนักมาก

พุทธศาสนาไม่สนับสนุนการทำการุณยฆาต เพราะจิตที่มีเจตนาเช่นนั้น เป็นจิตที่เจือด้วยโทสะ หากลงมือทำไปแล้ว เป็นไปได้มากที่จิตสุดท้ายจะเป็นอกุศล ซึ่งจะส่งผลให้ไปสู่ทุคติ แม้คุณจะยอมไปสู่ทุคติ แต่ครอบครัวของคุณคงจะไม่ยอมรับ หรือทำใจได้ยากถ้ารู้ว่าจะเกิดผลอะไรกับคุณ ยิ่งกว่านั้นใครก็ตามที่พาคุณไปทำการุณยฆาต เขาคงไม่สบายใจที่มีส่วนร่วมในการกระทำดังกล่าว จริงอยู่ทีแรกเขาอาจไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็จะรู้สึกไม่ดีที่มีส่วนสนับสนุนการกระทำดังกล่าว ซึ่งพุทธศาสนามองว่า เป็นการทำปาณาติบาตอย่างหนึ่ง แม้จะทำด้วยความปรารถนาดีต่อคุณก็ตาม แต่ก็หนีไม่พ้นที่จะเกิดอกุศลจิต เช่น อยากให้คุณสิ้นลมไปไว ๆ ใครที่มีส่วนในการกระทำดังกล่าว ลึก ๆ ก็คงรู้สึกไม่สบายใจ ความรู้สึกดังกล่าวอาจกัดกินใจเขาไปจนตลอดชีวิต หากไม่สามารถปลดเปลื้องความรู้สึกผิดที่ติดค้างใจได้
อาตมารู้สึกเห็นใจคุณและผู้ป่วยที่ตกอยู่ในสภาวะเดียวกับคุณ แต่คุณไม่ควรคิดว่า ตัวเองเป็นภาระของผู้อื่น ครอบครัวและคนรอบข้างอาจยินดีที่จะได้ดูแลคุณ การที่คุณเปิดโอกาสให้เขาดูแลคุณ เป็นการช่วยให้เขาทำดีตอบแทนคุณ ถ้าคนดูแลเป็นลูกของคุณ เขาก็ได้มีส่วนทำบุญด้วยการดูแลบุพการี
หากคุณป่วยด้วยโรคที่รักษาไม่หาย และกำลังอยู่ในระยะสุดท้ายของโรค อาตมาเห็นด้วยว่าการยื้อชีวิตให้ยืนยาวต่อไป โดยที่คุณภาพชีวิตไม่ดีขึ้นนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะนอกจากจะทำให้เกิดความทุกข์ทรมานมากขึ้นจากกระบวนการยื้อชีวิตแล้ว ยังสิ้นเปลืองเงินทองมากมาย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณควรเลือกอีกทาง คือ การเร่งความตาย วิธีนี้ก็ไม่ใช่ทางออกที่ดี ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ที่กล่าวมา จะดีกว่าหากคุณเลือกการดูแลแบบประคับประคอง (palliative care) ซึ่งนอกจากจะลดความทุกข์ทรมานทั้งกายและใจแล้ว ยังใช้เงินทองไม่มาก อย่างน้อยก็น้อยกว่าการยื้อชีวิตหรือยืดความตายมาก
ในเมื่อจะต้องตายทั้งที ก็น่าจะทำทุกอย่างให้ตายดี อย่าคิดว่าเมื่อหมดลมแล้ว ทุกอย่างจะสิ้นสุด พุทธศาสนามองว่าแม้หมดลมแล้ว ก็ยังมีบางสิ่งบางอย่างสืบเนื่องต่อไป ซึ่งอาจจะดี หรือไม่ดีก็ได้ (คือ สุคติ หรือไม่ก็ทุคติ) ดังนั้นจึงอยากให้คุณลองคิดว่าตายอย่างไรจึงจะไปดี และระหว่างที่ยังมีลมหายใจอยู่ อย่างน้อยก็รักษาใจไม่ให้ทุกข์ทรมาน ตรงนี้เป็นสิ่งที่คุณเลือกได้และอยู่ในวิสัยจะทำได้ เพราะกายทุกข์ ไม่ได้หมายความว่าใจจะต้องทุกข์เสมอไป มีหลายคนที่สามารถรักษาใจให้ไม่ทุกข์ได้ แม้กายจะทุกข์เพียงใดก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของความทุกข์กาย อาตมาอยากแนะนำให้คุณลองปรึกษา “เยือนเย็น” ซึ่งเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม ที่ช่วยเหลือผู้ป่วยระยะสุดท้ายให้พบความสงบในวาระสุดท้าย คุณอาจพบคำตอบที่ดีกว่าการทำการุณยฆาตก็ได้ ซึ่งจะว่าไปแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะมีขั้นตอนต่าง ๆ มากมาย แถมยังต้องใช้เงินไม่น้อย มีวิธีที่ดีกว่านั้นที่ช่วยให้คุณอยู่อย่างไม่ทุกข์ทรมาน และจากไปอย่างสงบ โดยมีสุคติเป็นที่หมาย
2. ตอนเด็กๆ เคยโดนแม่ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ ตอนนี้โตมาอายุมากแล้ว ยังไงก็ยังไม่มีความรู้สึกรักแม่ รู้แต่ว่าคนหนึ่งชื่อแม่ คนหนึ่งชื่อลูก ไม่ได้มีความรักความผูกพันกัน กลับบ้านจากต่างประเทศไปหาแม่ทีไร แม่ก็ไม่เคยพูดจาอะไรด้วยมากเท่าไหร่ เดินเข้าไปก็ไม่เคยถามว่าเป็นยังไงมายังไง เหนื่อยไหม ทานอะไรมาหรือยัง ทั้งๆ ที่ตัวเองนั่งทานข้าวอยู่ กลับไปทีไรก็รู้สึกว่าเสียเวลา เสียเงิน แต่ก็ต้องทำเพราะเป็นหน้าที่ เป็นความรู้สึกที่เบื่อมาก
ตอนนี้แม่ไม่สบายเข้าโรงพยาบาล เห็นแล้วก็สงสาร แต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกว่ารัก อยากจะกลับไปหาไปดูแล เพราะอยู่ต่างประเทศ ไปมาค่าใช้จ่ายเยอะ แต่มีความรู้สึกผิดว่าไม่ได้ช่วยแบ่งเบาภาระพี่น้องคนอื่นที่อยู่เมืองไทย อยากจะถามพระอาจารย์ว่าความรู้สึกที่ไม่รักแม่นี้ แล้วก็ไม่ได้รู้สึกดิ้นรนอยากกลับไปไปหาแม่ บาปไหมคะ ความรู้สึกที่ไม่มีความผูกพัน ไม่รักแม่ แบบนี้เป็นบาปมั้ยคะ?

ความรักนั้นเป็นเรื่องสมัครใจ เกิดขึ้นเอง มิอาจเกิดขึ้นได้จากการบังคับหรือกะเกณฑ์ หากคุณไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นกับแม่ ก็ไม่ใช่บาปกรรมใด ๆ และเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ในเมื่อคุณไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นกับแม่ ก็ควรยอมรับตามความเป็นจริง อย่ารู้สึกผิดหรือโบยตีตัวเอง หาไม่แล้ว ความไม่รักอีกอย่างที่จะเกิดขึ้นกับคุณ คือ ไม่รักตัวเอง แถมจะเกลียดตัวเองด้วยซ้ำ ความรู้สึกแบบนี้ไม่ดีกับคุณเลย มีแต่จะขัดขวางการพัฒนาตนให้เข้าถึงความสุขและความดีงามยิ่ง ๆ ขึ้นไป
แม้คุณไม่รู้สึกรักแม่ แต่เห็นได้ว่าคุณมีความเห็นใจแม่ อยากช่วยเหลือท่าน และอยากแบ่งเบาภาระของพี่น้อง อาตมาว่านี้เป็นความรู้สึกที่ดี ในเมื่อคุณอยากช่วยเหลือท่าน แต่ก็มีข้อจำกัดในการเดินทางมาเมืองไทยเพื่อดูแลท่าน จะดีกว่าไหมหากคุณลองหาหนทางอื่นเพื่อช่วยท่าน เช่น ส่งเงินมาเป็นค่ารักษาพยาบาล จะส่งมาเท่าไหร่ขอให้เอาความสบายใจและความสะดวกของคุณเป็นหลัก อย่าไปสนใจกับความคาดหวังของพี่น้องหรือคนอื่น เพราะถ้าคุณแคร์ความรู้สึกของคนอื่น คุณก็จะทุกข์ ทำเท่าที่ใจยินดีและที่สะดวกแก่คุณ ก็น่าอนุโมทนาแล้ว