อันนี้มันเป็นเพราะว่าสติเราอ่อนนะ สมาธิก็ไม่ค่อยดีเท่าไร ส่วนใหญ่เกิดจากการที่ชอบปล่อยใจลอย ชอบคิดฟุ้งซ่าน และก็ทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมๆ กัน พอเราใช้ความคิดแบบนี้ ความคิดก็จะมีอำนาจเหนือจิตเหนือใจของเรา มันมีความคิดใดผุดขึ้นมาในใจก็ลากจิตของเราให้ออกไป จนกระทั่งเราไม่สามารถจะมีสมาธิ หรือจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เรากำลังทำข้างหน้า หรือคนที่กำลังคุย อาจจะต้องใช้วิธีการเตือนจิตเตือนใจของตนสักหน่อย อาตมาก็มีวิธีการฝึกง่ายๆ คือการคลึงนิ้ว เวลาทำอะไร เวลาคุยกับคน ถ้าเรารู้สึกใจลอยมากๆ ลองคลึงนิ้ว หรือกระดิกนิ้วดู
ให้รับรู้ว่ามีการเขยื้อนขยับที่นิ้วของเรา เวลาใจลอยความรู้สึกตัวที่ได้เขยื้อนขยับ มันอาจช่วยดึงจิตดึงใจ กลับมาอยู่กับสิ่งที่กำลังทำ อยู่กับคนที่กำลังสนทนาอยู่ก็ได้ เพื่อว่าเป็นการเรียกสติให้กลับมา เรียกความรู้สึกตัวให้กลับมา เวลาเราใจลอยให้สังเกตนะ เราใจลอย จู่ๆ มีคนมาแตะไหล่เรา มีคนมาแตะมือเรา ใจเราจะกลับมาทันทีเลยเพราะอะไร เพราะเราได้สติ ที่เราได้สติเพราะว่า มีคนมาสะกิดเรา ความรู้สึกทางกายช่วยดึงจิตให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน แทนที่จะลอยไหล ก็กลับมาอยู่กับเวลานี้ เดี๋ยวนี้ here and now
นิสัยต้องฝึกให้เกิดนิสัยใหม่ขึ้นมา คือว่าเวลาทำอะไร ก็ทำทีละอย่าง พยายามให้ใจจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น อย่าทำหลายๆ อย่างพร้อมๆ กัน กลับมาอยู่กับปัจจุบัน ถ้าคุณลองฝึกทำเป็นนิสัยนะ ว่างๆ เวลานั่งรถก็ดี หรือเวลาคอยคนก็ดี อย่าปล่อยใจลอย ลองคลึงนิ้วดู แล้วให้รู้สึกตัว หรือรับรู้สัมผัสที่นิ้ว ใจมันจะลอยไปไหน รู้ว่ามีการสัมผัส รู้สึกถึงสัมผัสที่นิ้ว มันก็จะกลับมา วิธีนี้ก็จะช่วยลดความฟุ้งซ่านไปได้ และต่อไปก็จะมีสติได้ต่อเนื่องมากขึ้น
– พระไพศาล วิสาโล –