เวลาเราทำอะไร เราควรจะทำสิ่งนั้นด้วยใจเต็มร้อย มีสมาธิกับการทำ และถ้าเราเอาใจไปอยู่กับสิ่งที่เราทำ โดยวางอย่างอื่นเอาไว้ก่อน วางเป้าหมาย วางความสำเร็จ จะเสร็จเมื่อไรอย่าไปคิดถึงมัน เสร็จแล้วคนเขาจะพูดถึงงานนั้นอย่างไร เขาจะชมหรือเขาจะตำหนิอย่างไร อย่าเพิ่งเอามาคำนึง อย่าเพิ่งเอามาคิด การทำงานนั้นเราจะพบว่าเครียดน้อยลง วิตกกังวลน้อยลง
คนจำนวนไม่น้อย ทำงานแล้วเครียดเพราะว่าใจเขาไม่ได้อยู่กับงาน ไปอยู่กับเป้าหมาย ไปอยู่กับผลสำเร็จ หรืออย่างน้อยๆ ก็คิดว่าเมื่อไรจะเสร็จ ก็เลยเป็นว่าทำด้วยความเครียด จริงๆแล้ว ทำเต็มที่แต่ไม่ซีเรียสทำได้ ด้วยการที่เราเอาใจทุ่มไปกับงานเต็มร้อย มีสมาธิกับงานนั้นไม่ว่าจะเป็นงานเล็กหรืองานใหญ่ จะเสร็จเมื่อไร เป็นเรื่องของอนาคต จะใช้เวลากี่ปี นั่นเป็นเรื่องของอนาคต วางเอาไว้ก่อน ผลจะเป็นอย่างไร จะได้ตามเป้าหรือไม่ อย่าเพิ่งเอามาคำนึง ให้ใจเราอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับงานที่เราทำ อันนี้เรียกว่าทำเต็มที่ แล้วเราจะไม่เครียดความซีเรียสมันจะมารบกวนจิตใจเราน้อยลง
นี่เป็นวิธีการทำงานที่เรียกว่าได้ประโยชน์ 2 ต่อ ก็คือว่าช่วยให้งานได้ผล และคนทำก็มีความสุขคือคนทำก็ไม่เครียด แต่ทำอย่างนี้ได้ต้องมีสติเพราะปกติเวลาเราทำงานใจเราไม่ค่อยอยู่กับตัวงาน ไม่ค่อยอยู่กับเนื้องาน ใจไหลไปแล้ว ไปนึกถึงผลสำเร็จ ไปนึกถึงจุดหมายสุดท้ายว่า เมื่อไรจะเสร็จ ความรู้สึกแบบนี้สร้างความลุ่มร้อนในจิตใจของคนทำงานมาก และก็ทำให้เกิดความเครียด ถ้าเรารู้จักว่าผลสำเร็จลง อยู่กับปัจจุบัน ความเครียดจะน้อยลงและจะทำงานอย่างมีความสุข มีความเพลินได้มากขึ้น เพราะว่าใจเรามีสติ สติทำให้เกิดสมาธิ ทำงานโดยไม่เครียดนี้ทำได้ถ้าเรารู้จักให้ความสำคัญของการทำเหตุ อย่าเพิ่งไปสนใจผล ถ้าเราทุ่มเทใส่ใจอยู่กับเหตุ ทำเหตุให้ดี ผลก็จะดีขึ้นมาเอง ถ้าเราทำงานอย่างมีสติ จิตก็จะเกิดสมาธิ และทำให้เกิดความเพลิน เมื่อเราเพลินสติปัญญาก็จะปลอดโปร่ง หัวก็จะโล่ง ก็สามารถที่จะทำงานต่างๆ ลุล่วงไปได้ด้วยดี กลายเป็นว่างานก็ออกมาดี คนทำงานก็มีความสุขไม่เครียดตั้งแต่ระหว่างที่ทำ ข้อสำคัญก็คือว่า ถ้าเราทำเหตุให้ดี แล้วผลก็จะออกมาดีเอง ระหว่างที่ทำเหตุอย่าเพิ่งไปสนใจผล เพราะผลขึ้นอยู่กับเหตุ เราทำเหตุให้ดี ผลก็จะออกมาดีเอง
– พระไพศาล วิสาโล –