แล้วในที่สุดก็ครูก็ถามพวกเราในคาบเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ “มีใครบ้างอยากเป็นอาสาสมัครในโครงการนักพยากรณ์อากาศน้อย?”
ตอนนั้นมีนักเรียนเพียงสองสามคนเท่านั้นที่ยกมือ ก็ใครล่ะจะอยากอุทิศเวลาช่วงเช้าตรู่ของทุกวัน รวมถึงวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพื่อจะมาโรงเรียนมัธยมอย่างโดดเดี่ยว ทำอะไรซ้ำๆ ซากๆ โดยไม่มีสิ่งใดเป็นการตอบแทนนอกจากประสบการณ์แปลกๆ กับการเรียนรู้ที่ไม่แน่ใจนักว่าจะเกิดประโยชน์อะไร เหล่าอาสาต้องทำเช่นนี้เป็นเวลาหลายเดือน กระทั่งเป็นขวบปี ผมเองยังแปลกใจว่าทำไมตอนนั้นจึงตัดสินใจยกมือ คงเป็นเพราะเข้าใจผิดไปว่าการทำงานพยากรณ์อากาศนั้นคงน่าสนุกดี
ด่านแรกและด่านเดียวที่ผมต้องทำก็คือ การฝืนตื่นแต่เช้า ขี่จักรยานมาโรงเรียน เดินทางเข้าไปที่อุทยานวิทยาศาสตร์ในช่วงหกถึงเจ็ดโมงเช้า ที่นั่นจะมีเครื่องมือแสดงผลข้อมูลเกี่ยวกับสภาพอากาศในช่วงวันที่ผ่านมา เช่น อุณหภูมิสูงสุด – ต่ำสุด ความดันอากาศ ความชื้นสัมพัทธ์ ความแรงลมและทิศทางลม ตลอดจนปริมาณน้ำฝนที่ตกลงในรอบยี่สิบสี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ผมต้องจดข้อมูลเหล่านี้ทุกวันในสมุดบันทึกตีตารางถี่ยิบ ผมต้องแปะมือกับเพื่อนอีกสองคนซึ่งในที่สุดก็ขอลาออกจากโครงการในเวลาต่อมา นานเข้าผมจึงกลายเป็นพนักงานเก็บข้อมูลสภาพอากาศแต่เพียงผู้เดียวในเทอมนั้น
เป็นความจริงที่ว่า โครงการนักพยากรณ์อากาศน้อยนั้นแสนจะน่าเบื่อ ผมเบื่อกับการเก็บข้อมูลสภาพอากาศอันจำเจ ผู้เข้าร่วมโครงการในเทอมนั้น (ซึ่งก็คือผมคนเดียว) เข้าร่วมกิจกรรมนี้โดยไม่ต้องใช้ทักษะอะไรเลย เพียงอ่านค่าแล้วก็บันทึกผลลงในสมุดเท่านั้น
นานวันเข้าก็เหลือเพียงผมคนเดียวที่ยังคงเป็นอาสาสมัครในเทอมนั้น
เพียงไม่กี่สัปดาห์ผมก็รู้สึกเอือมระอา วันหนึ่งผมมาจดข้อมูลในวันที่สภาพอากาศอึมครึม ผมรู้สึกเหงา เบื่อ ท้อแท้ นี่น่ะหรือคืองานที่พวกนักวิทยาศาสตร์เขาทำกัน จดตัวเลขสถิติด้วยวิธีเดิม ได้ตัวเลขลักษณะเดิมที่ดูเหมือนไม่มีประโยชน์อะไร บางวันผมเกียจคร้าน ทำเป็นลืมภารกิจ ทำให้ข้อมูลวันนั้นว่างลง ผมแก้ปัญหาด้วยการมั่วข้อมูลเอาทีหลัง (ผมขอถือโอกาสนี้สารภาพบาปเลยก็แล้วกันนะครับ) แต่กระนั้นโครงการนี้ก็ประคับประคองต่อเนื่องจนครบขวบปี โชคดีที่ทีมงานมีรุ่นน้องอีกคนสองคนมาช่วยผมจดสถิติ
อาจารย์ประธานโครงการ เฝ้ามองโครงการนี้ด้วยความภูมิใจ ก็อุปกรณ์เก็บข้อมูลสภาพอากาศเหล่านั้นถูกติดตั้งก็เพราะโครงการนี้เป็นการเฉพาะ เมื่อได้ข้อมูลสภาพอากาศได้สองเทอม อาจารย์ก็สอนให้ผมวาดกราฟและแผนภูมิแสดงลักษณะสภาพอากาศรอบปีจากชุดข้อมูลที่เพียรรวบรวมตลอดเวลากว่าสามร้อยวัน
ผมจำไม่ได้แล้วว่าลักษณะสภาพอากาศรอบปีเป็นอย่างไร จำได้แต่ความรู้สึกปิติอิ่มเอมที่ได้เห็นการก่อเกิดของแนวกราฟอุณหภูมิสูงสุด-ต่ำสุดตลอดปีเส้นนั้น มันกำเนิดขึ้นจากการเรียงร้อยชุดตัวเลขที่ได้มาจากความอุตสาหะ ความอดทนข่มกลั้นต่อความเกียจคร้าน และความช่วยเหลือกันของทีมงาน ในกราฟเส้นแฝงเร้นไปด้วยแรงงาน เวลา และคุณธรรมอีกมากมาย มองอีกแง่หนึ่ง ผมถูกอบรมบ่มวินัยไปในตัวตั้งแต่เด็ก ส่วนนี้นี่เองที่คุ้มครองตัวผมให้เติบใหญ่มาจนถึงทุกวันนี้
มากไปกว่านั้น ระหว่างเข้าร่วมโครงการ ผมยังได้สังเกตความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลที่จดบันทึกกับสภาพอากาศบนท้องฟ้า การสังเกตซ้ำๆ เช่นนั้นเองผมจึงพอจะคาดเดาสภาพอากาศช่วงสั้นๆ ได้บ้าง นี่เป็นทักษะใหม่ที่ผมมีติดตัวสืบมาจากช่วงเวลาเหล่านั้น บางทีแล้ว ความอดทนอดกลั้นต่อการทำสิ่งซ้ำๆ อย่างจดจ่อและตั้งใจ ก็ได้ก่อกำเนิดสิ่งใหม่ คุณลักษณะใหม่ๆ อย่างอัศจรรย์
…หากมิใช่ผลลัพธ์ชิ้นใหม่แล้ว ก็คงเป็นทักษะใหม่ จิตดวงใหม่ ตัวตนใหม่นั่นเอง