มีผู้ใหญ่ในแวดวงการศึกษาได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรพิเศษในโรงเรียน แล้วกลับมาเล่าอย่างขันขื่น
ท่านถามนักเรียนว่า พวกเธอรู้ไหมข้าวมาจากไหน
นักเรียนตอบว่า มาจากห้าง
ขันแต่ขมก็ตรงที่คำตอบของนักเรียนไม่ถูกต้อง แต่คนถามจะบอกว่าผิดก็ไม่ได้ เพราะข้าวที่พวกเขากินอยู่ในแต่ละมื้อ พ่อแม่ของเขาซื้อมาจากในห้างจริงๆ
และเป็นความจริงว่าเด็กๆ ตามโรงเรียนในเมืองนั้น คงมีน้อยนักที่เคยเห็นเคยสัมผัสต้นข้าว จึงย่อมเป็นไปได้ยากที่พวกเขาจะเชื่อมโยงไปได้ว่า ข้าวแต่ละเม็ดนั้นมาจากนา
ยังไม่ต้องพูดให้ไกลไปถึงว่า ข้าวพวกนั้นผ่านอะไรมาบ้าง ดิน น้ำ ฤดูกาล แสงแดด หยาดเหงื่อแรงงานชาวนา และยาฆ่าหญ้าฆ่าแมลง ทั้งหลายนี้อย่าว่าแต่เด็กๆ แม้แต่พวกผู้ใหญ่บางทีก็หลงลืม
แต่สำหรับคนที่เคยสัมผัสท้องทุ่ง เคยปลูกข้าวกินเองมาบ้าง และโดยเฉพาะเคยเห็นการทำเกษตรแผนใหม่เพื่อการพาณิชย์ด้วยแล้ว จะสุดแสนโหยหาข้าวปลาที่ปลอดสารพิษ แต่ในสถานการณ์ที่ระบบตลาดถูกกำหนดโดยพ่อค้ารายใหญ่ ก็ไม่ง่ายนักกับการที่จะหาซื้อสินค้านอกกระแส ข้าวปลอดพิษไม่ได้มีที่ทางวางขายในห้างทั่วไป
ยิ่งตามตลาดในถิ่นชนบทด้วยแล้ว หากไม่ใช่คนที่ปลูกข้าวกินเอง ก็สุดแท้แต่ว่าพ่อค้าจะหาข้าวสารที่ไหนมาขายให้
จึงเมื่อคุณธวัชชัย โตสิตระกูล มูลนิธิสายใยแผ่นดิน ผู้เชี่ยวชาญด้านโรงสีชุมชน ขนเอาข้าวอินทรีย์จากชาวนาที่กุดชุม ยโสธร มากระจายไว้ตามจุดที่เขามีเครือข่าย ให้ญาติมิตรคนใกล้ตัวได้ซื้อหาไปกิน ผมถึงรู้สึกขอบคุณและเห็นว่าเป็นการกระทำที่สร้างบุญกุศลอย่างยิ่ง
เป็นตัวอย่างหนึ่งของวิธี “ฉลาดทำบุญ” ที่ไม่ต้องลงทุนลงแรงใดมาก แต่เป็นกุศลกรรมอย่างยิ่ง
ชาวนากลุ่มหนึ่งที่ตำบลนาโส่ อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร รวมตัวกันทำนาโดยไม่ใช้สารเคมี ผมเคยพบกับบางคนในกลุ่ม เขาเล่าให้ฟังว่า พวกเขาทำถึงขนาดว่าไม่ยอมให้น้ำจากนาคนอื่นที่เป็นเกษตรเคมี ไหลเข้ามาในที่นาตน เพราะกลัวข้าวของเขาจะปนเปื้อนสารเคมี พวกเขาพึ่งปุ๋ยและการปราบศัตรูพืชจากธรรมชาติทั้งสิ้น
เกี่ยวข้าวแล้วก็ปล่อยให้แห้งจนหมดความชื้นตามธรรมชาติ สีกันเองในโรงสีชุมชน แล้วบรรจุถุงขายในนามสหกรณ์โรงสีข้าวชุมชน ตราทุ่งรวงทอง
ผมได้กินข้าวสารตราทุ่งรวงทองครั้งแรกก็จากที่คุณธวัชชัยนำมาแพร่ไว้ที่เครือข่ายพุทธิกา ในซอยอรุณอมรินทร์ ๓๙ ข้าวสารหอมมะลิ ชั้น ๑ การันตีด้วยรางวัลชนะเลิศในการประกวดข้าวหอมมะลิ ของกรมการค้าภายใน บรรจุถุง ๕ กิโลกรัม ถุงละไม่ถึง ๒๐๐ บาท
ยิ่งกว่าราคาที่ถูกกว่าข้าวหอมมะลิตามท้องตลาดโดยทั่วไปแล้ว คุณภาพความอร่อยของข้าวกุดชุม ก็ไม่ด้อยไปกว่าข้าวหอมมะลิในแหล่งอื่นใด
กล้าพูดอย่างนี้เพราะผมเป็นคนชอบซื้อข้าวสารมาหุงกินเอง เจอข้าวสารที่ไหนว่าดีก็มักต้องซื้อมาลอง ช่วงหน้าข้าวใหม่นาปี นาปรัง มักไม่เคยพลาด เอาหมดทั้งข้าวกล้อง ข้าวขาว ข้าวมันปู ข้าวสังข์หยด ข้าวดอย ฯลฯ
ช่วงนี้ก็มีทั้งข้าวมันปู ข้าวกล้อง ข้าวขาว (ขอไม่ระบุแหล่ง) และข้าวสารปลอดสารพิษ ตราทุ่งรวงทอง จากกุดชุม วางเรียงกันอยู่ในครัว
วันนี้ผมเพิ่งพบว่ามีแมงมอดยกฝูงมาขอแบ่งข้าวสารกินบ้างแล้ว แต่หลังจากไล่สำรวจข้าวสารไปจนครบทั้ง ๔ ถุง ๔ ชนิด ก็นึกเป็นห่วงตัวเองขึ้นมามากกว่าหวงข้าวสาร
เชื่อไหม…มอดทั้งฝูงลงกินแต่ข้าวกุดชุมเท่านั้น!
ข้าวสารที่ชาวเมืองส่วนใหญ่กินกันอยู่ในทุกวันนี้ แม้แต่มอดก็ยังไม่อยากแตะเลยรึนี่
เขียนเล่ามาทั้งหมดนี้มิใช่ด้วยเจตนาโฆษณาแฝงแต่อย่างใด แต่ด้วยความรู้สึกเอหิปัสสิโก ขอบอกต่อจากการที่ได้พบว่าดีแล้ว อยากให้ผู้บริโภคทั้งหลายได้ลองดู
และเข้าใจว่านี้การบอกต่อในเรื่องที่ดีๆ อย่างนี้ก็คงเป็นการฉลาดทำบุญอย่างง่าย เช่นที่คุณธวัชชัยทำอยู่เช่นกัน
เกิดในครอบครัวชาวสวนยางจังหวัดกระบี่ ทำงานเขียนสารคดีมา ๒๐ กว่าปี มีผลงานกว่า ๓๐ เล่ม เคยได้รับรางวัลชนะเลิศ "ลูกโลกสีเขียว" (ปี ๒๕๕๑) รางวัลชนะเลิศ "เซเว่นบุ๊ค อวอร์ด" (ปี ๒๕๔๙ และ ๒๕๕๔) ปัจจุบันเป็นผู้ช่วยบรรณาธิการนิตยสาร "สารคดี" โดยยังคงเขียนสารคดีอยู่เป็นประจำ