“ระหว่างความคิดและความเป็นจริง ระหว่างแรงจูงใจและการกระทำ มีเงามืดเร้นกายอยู่”
-ที.เอส. เอเลียต
ประวัติศาสตร์ของมนุษย์ที่ผ่านมา เราเดินผ่านเลือดเนื้อ การสู้รบ การแข่งขันแพ้ชนะ และไฟสงคราม ข่าวสารที่รับรู้หลายเหตุการณ์บอกเล่าถึงเชื้อไฟสงครามที่อาจเกิดขึ้นและพร้อมระเบิดปะทุ กลายเป็นความรุนแรง ความรุนแรงที่เราพบเห็นได้ไม่ยากก็คือ การทำร้ายร่างกายและจิตใจ การทำลายทรัพย์สินและความสงบสุข เราเรียกความรุนแรงเช่นนี้ว่า ความรุนแรงทางตรง เช่น การฆาตกรรม การประหัต ประหาร การทำร้ายทุบตีร่างกาย และการข่มเหงจิตใจ อีกลักษณะก็คือ ความรุนแรงทางอ้อม ซึ่งอาจมองเห็นได้ไม่ง่ายนัก คือ ความรุนแรงเชิงโครงสร้าง อันเนื่องจากโครงสร้างเศรษฐกิจ การเมือง สังคมที่ไม่เป็นธรรม มีการเอารัดเอาเปรียบในสังคม ความไม่เป็นธรรมในการกระจายรายได้ ความยากจน และความรุนแรงในอีกลักษณะที่มองเห็นยากขึ้นไปอีก ก็คือ ความรุนแรงเชิงวัฒนธรรม เป็นความรุนแรงที่เราคุ้นชินจนเกิดการยอมรับ ดังเช่น ระบบสังคมที่ถือชายเป็นใหญ่ การยอมรับในความก้าวร้าวและรุนแรง รวมถึงสภาวะการยอมจำนนต่อความไม่เป็นธรรม
ความรุนแรงดังกล่าวเปรียบเหมือนปิศาจร้ายที่กัดกินชีวิตของผู้คน กัดกันความสัมพันธ์ของผู้คน สังคม และประเทศ ยามใดที่เกิดความรุนแรง ยามนั้นก็หมายถึงเชื้อไฟความรุนแรงที่จะส่งทอดต่อไป กลายเป็นความรุนแรงที่รุนแรงยิ่งๆ ขึ้น
การชุมนุมเรียกร้องของกลุ่มคนเสื้อแดงเพื่อให้รัฐบาลยุบสภา ถือเป็นเส้นฟางสำคัญที่เปิดให้ปิศาจร้ายความรุนแรงออกอาละวาดเต็มที่ ในสังคมออนไลน์ที่เปิดให้ช่องทางเครือข่ายสังคมทำงานเต็มที่ เช่น เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ เต็มไปด้วยข้อความความรุนแรง รวมถึงข้อความตอบโต้ อธิบายที่มีความรุนแรงไม่ต่างกัน ดูเหมือนปิศาจร้ายที่มีชื่อว่า การแก้แค้น ความสะใจ ความเคืองแค้น หดหู่เศร้าหมอง การโกหกหลอกลวง ฯลฯ ปิศาจร้ายเหล่านี้ทำงานเต็มที่
“ระหว่างความคิดและความเป็นจริง ระหว่างแรงจูงใจและการกระทำ มีเงามืดเร้นกายอยู่”
แน่นอนว่ามีความชั่วร้าย ความรุนแรง ปรากฏอยู่ในสังคมจริงๆ อาวุธปืน ระเบิด เหล้า สุรา สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยความรุนแรงเสริมสร้างที่รอการส่งเสริม และสนับสนุนให้ปัจจัยความรุนแรงเข้ามาเสริมเพื่อเกิดความรุนแรงทำลายชีวิตผู้คน และความสงบสุขของสังคม ความรุนแรงพื้นฐานที่เข้ามาเสริมสร้าง ก็คือ ปิศาจร้ายในจิตใจ ปิศาจร้ายแห่งอคติ อันเนื่องจากความโกรธแค้น ความเกลียดชัง และการแยกเขา แยกเรา ข่าวร้ายก็คือ ปิศาจร้ายตัวนี้มีพลังฤทธิ์เดชที่น่ากลัวและรุนแรงที่สุด มันสามารถเพาะเชื้อและขยายตัวให้รุนแรงจนอาจทำร้ายล้างโลก ข่าวดีก็คือ เรามีโอกาสที่จะรับมือและจัดการกับปิศาจร้ายตัวนี้ได้ โดยการทำความรู้จักกับมัน รู้จักหน้าตาและจับตัวมันให้ได้ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มันยังตัวเล็ก ฤทธ์เดชไม่มากเกินไปนัก
เราทุกคนต่างล้วนมีเงามืดในตัวเอง เป็นเงามืดที่มีปิศาจแฝงตัวอยู่ รอคอยโอกาสที่จะปรากฏตัว ขึ้นกับว่าโอกาสนั้นจะมาถึงเมื่อใด ยามใดที่เงามืดได้โอกาส มันพร้อมเข้าแฝงร่างในตัวเราและขับเคลื่อนการกระทำทั้งความคิด ความรู้สึก และเจตนา ให้เป็นไปตามที่มันบงการ เหตุการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดง รวมถึงปฏิกิริยาตอบโต้ที่สืบเนื่องจากผู้คนที่เกี่ยวเนื่องกระทำไปตามความรู้ ความเข้าใจ จากสิ่งที่รับรู้และมองเห็น ในแง่นี้เอง ความจริงในนามของข้อเท็จจริงจึงเป็นอาวุธสำคัญในการปราบปิศาจร้าย แต่ความจริงในที่นี้ยังหมายถึงความจริงที่มีความหมายมีคุณค่าด้วย ความดีจึงเป็นองค์ประกอบสำคัญ เป็นความดีสากล เพียงแต่ความดีสากลนี้อาจไม่ได้มีอยู่จริง แต่เป็นทางเลือก เป็นความดีที่ขึ้นกับวินิจฉัยตัดสินของใครที่มีอำนาจเลือกนิยามความหมายตรงนั้น
“โรบินฮูด” เป็นตำนานที่บอกเล่าเรื่องราวของผู้นำกองกำลังคนหนึ่ง จากภารกิจที่ต้องไปรบในสงครามครูเสดร่วมกับกษัตริย์ริชาร์ดนานถึง 5 ปี เขากลับพบว่าครอบครัวของเขาถูกสังหาร และทรัพย์สมบัติถูกทำลายโดยฝีมือของนายอำเภอคนใหม่แห่งนอตติงแฮม ผู้มีจิตใจหยาบช้า และฉวยโอกาสตอนที่กษัตริย์ริชาร์ดไปรบ โกงเอาเงินของประชาชนมาเป็นของตัวเองจนทำให้บ้านเมืองตกต่ำ และที่สำคัญนายอำเภอหวังที่จะเอาชีวิตของโรบิน เนื่องจากเขาเป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์ และยังเป็นตัวขวางทางไม่ให้นายอำเภอตั้งตนเป็นใหญ่ได้ โรบินจึงตั้งปณิธานที่จะแก้แค้นและกอบกู้ชื่อเสียงให้กับครอบครัวของเขา โดยรวบรวมเพื่อนฝูงที่เขาเคยช่วยชีวิตเอาไว้มาเข้ากลุ่ม ตั้งเป็นกองกำลังอาศัยอยู่ในป่า รอคอยโอกาสและจังหวะที่จะสานต่อภารกิจที่ตั้งปณิธาณไว้
โรบิน เริ่มปฏิบัติการแก้แค้นนายอำเภอ ด้วยการออกปล้นคนรวยเพื่อนำไปแจกจ่ายให้คนจน และสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นภายในเมืองทุกครั้งที่มีโอกาส ทำให้นายอำเภอกับพรรคพวกโกรธ ต้องหาทางตอบโต้ นายอำเภอจึงประกาศว่าใครที่สามารถจับโรบินได้ จะมีรางวัลให้อย่างงาม และนั่นได้ทำให้ชีวิตของโรบิน และ แมเรียน ลูกสาวของอดีตนายอำเภอ ผู้เป็นหญิงสาวที่โรบินรัก ต้องตกอยู่ในอันตราย เหนือสิ่งอื่นใด โรบินจะต้องหาทางนำเอาอิสรภาพคืนให้กับชาวเมือง และยังต้องต่อสู้กับศัตรูหัวใจอย่าง กิสบอร์น มือขวาของนายอำเภอที่หลงรักแมเรียน และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ตัวแมเรียนมาครอบครอง
เราทุกคนต่างมีเงามืดในตัวเอง รอคอยโอกาสที่จะปรากฏตัว
ในสายตาของนายอำเภอและชาวเมือง โรบินคือภัยร้ายของสังคม ทำลายความสงบสุขของสังคม ขณะเดียวกัน โรบินอาจกำลังมองว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นก็เพื่อแก้ไขความอยุติธรรมในสังคม เท่าๆ กับที่ชาวบ้านอาจมองว่าเขาคือวีรบุรุษ ทั้งที่โรบินก็มีผลประโยชน์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการแก้แค้นส่วนตัว การแย่งชิงหญิงสาวผู้เป็นที่รัก ถ้าเช่นนั้น หากเราต้องเลือกข้าง เราจะทำฉันใด นี้เองการเลือกจึงเป็นภารกิจสำคัญของเรา เราจะเลือกอันใด สิ่งสำคัญคือความจริงและการมีวิจารณญาณที่ดีพร้อมเท่าที่เราจะทำได้ เพราะไม่เช่นนั้น ปิศาจร้ายในตัวเราก็จะฉวยโอกาสหลอกล่อ นำเราไปสู่ความชั่วร้ายและความรุนแรงต่างๆ ให้ตามมา
แต่ละฝ่ายต่างมีคำอธิบาย และต่างมีความจริง ข้อเท็จจริงของตัวเอง และต่างฝ่ายต่างชี้ว่าอีกฝ่ายกล่าวเท็จ
ยามนี้ปิศาจร้ายออกอาละวาดเต็มที่ หนทางเดียวคือ ขอพวกเราได้กลับมาตั้งหลักในจิตใจ สงบ ผ่อนคลาย และทบทวนเรื่องราว เปิดรับฟังข้อมูลให้มาก พร้อมกับเปิดใจรับฟังเสียงความทุกข์ เสียงที่ซุกซ่อนอยู่ อย่าได้ด่วนตัดสิน และอย่าได้วางตัวชี้นิ้วคาดโทษผู้ใด เพราะขณะนี้เราต่างล้วนอยู่ในเงามืดของปิศาจในใจ หยุดปิศาจร้ายความรุนแรงในใจ ก่อนที่จะลงมือกระทำการใดๆ อันอาจซ้ำเติมความเลวร้ายในขณะนี้ให้มากขึ้น