หญิงสาวอายุราว ๒๖ ปี กำลังร้องไห้ขณะบอกเล่าเรื่องราวทุกข์ใจที่เธอกำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สองกับสามี เธอมีลูกติดจากสามีเก่าและตอนนี้เธอต้องฝากลูกคนโตให้แม่ช่วยเลี้ยง ซึ่งแม่ของเธอก็มีหลานอีก ๒ คนเป็นลูกของพี่สาวซึ่งฝากให้แม่เธอเลี้ยงเช่นกัน โดยที่แม่ของเธออาศัยวัดและค้าขายเล็กๆ น้อยๆ พร้อมหลาน ๓ คน และเมื่อถามเธอว่า มีความเป็นไปได้เพียงใดที่เธอจะรับลูกคนโตมาเลี้ยงดู เธอบอกเพียงว่าไม่สะดวก และเมื่อถามถึงพี่สาว เธอรู้เพียงว่าพี่สาวทำงานโรงงานและอยู่กินกับสามีคนที่สาม และพี่สาวเองก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรนัก นอกจากเอาลูกมาฝากไว้ แล้วเธอก็ร้องไห้สงสารแม่ สงสารตนเอง
ในวาระโอกาสที่ผู้เขียนมีโอกาสสวมหมวกผู้ให้คำปรึษา เรื่องราวของหญิงสาวรบกวนจิตใจผู้เขียนอยู่มาก สิ่งที่รบกวนคือ ความเชื่อมั่นศรัทธาว่า สำหรับคนยากจน คนด้อยโอกาส อะไรคือหนทางการเติบโตของพวกเขา เส้นทางการเรียนรู้ การเข้าใจตนเอง การเข้าใจชีวิตของตนเอง รวมถึงการมีความตระหนักสำนึกรู้ในตนเองของกลุ่มคนที่ติดขัดเรื่องปากท้องควรเป็นเช่นใด พวกเขาควรได้รับการเติมเต็มเรื่องปากท้องก่อนที่จะมาพูดเรื่องการเข้าใจชีวิต การเข้าใจตนเอง หรือความจริงแล้ว เราไม่จำเป็นต้องนำ ๒ เรื่องมาเป็นเงื่อนไขต่อกัน
ภายหลังการปรึกษาหารือกับเพื่อน และตรึกตรอง ผู้เขียนพบว่าแนวทางที่พึงเป็นไป คือ ความยากไร้ทางเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา ไม่น่าจะเป็นเหตุให้โอกาสการเติบโตทางจิตสำนึกของการเรียนรู้ เข้าใจตนเองต้องถูกปิดกั้นไป โจทย์คือ ทำอย่างไรที่จะไขประตูด้านการเติบโตในมิติด้านการเข้าใจตนเอง เข้าใจชีวิต การมีความตระหนักรู้ในตนเอง และการกระทำให้เกิดขึ้นแก่กลุ่มคนที่มีข้อจำกัดบางประการให้เปิดประตูภายในใจขึ้นได้ ทำอย่างไรให้พวกเขาตื่นและสามารถเรียนรู้มิติชีวิตที่ไม่ยึดติดแค่เรื่องการอยู่รอด แต่เข้าใจ เรียนรู้ตนเอง เพื่อการดำเนินชีวิตในด้านการเติบโตภายในได้
พักความคิดและจิตใจมาอ่านข้อมูลและข่าวสารในเฟสบุ๊ค ข่าวคราวเรื่องความพยายามสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กระบี่ แรงกดดันของบรรษัทข้ามชาติ นักการเมือง รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะผลักดันการเพาะปลูกพืชพันธ์ดัดแปลงพันธุกรรม GMO ทำให้ผู้เขียนเข้าใจชัดเจนขึ้นว่าฐานะและโอกาสทางเศรษฐกิจไม่ได้หมายถึงเครื่องบ่งชี้ความพร้อมในการเรียนรู้ตนเอง การเข้าใจตนเอง การเข้าใจในชีวิต รวมถึงการมีความตระหนักรู้ในชีวิต ในจุดมุ่งหมายการมีชีวิต
ข้อจำกัดทางเศรษฐกิจ สังคม และการศึกษา กับการเรียนรู้เข้าใจเพื่อการมีความตระหนักรู้ในตนเอง ในชีวิตและการกระทำ ไม่ใช่สิ่งที่เป็นเงื่อนไขต่อกัน แต่อยู่ที่การปิด เปิดของระบบความเชื่อที่กำกับในเราแต่ละคน ความเชื่อสำคัญคือ “การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้เสมอ แม้สภาพแวดล้อมภายนอกจะมีข้อจำกัด การเปลี่ยนแปลงภายในก็ยังเกิดขึ้นได้” และจากการเปลี่ยนแปลงภายในก็จะเป็นจุดเริ่มของการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ที่ตามมา
สำหรับหญิงสาวข้างต้น ปัญหาความอยู่รอดทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิต ก็ยังต้องดำเนินการเพื่อแก้ไขต่อไป พร้อมกับการเรียนรู้ที่จะได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือทางด้านจิตใจ ด้านความเข้าใจและตระหนักรู้ในคุณค่าตนเอง ก็เป็นงานสำคัญที่พึงช่วยเหลือเพื่อให้เธอมีทุนชีวิต มีทรัพยากรภายในเป็นรากฐานเพื่อการดำเนินชีวิตต่อไป เธออาจได้รับการช่วยเหลือทางสังคมสงเคราะห์ แต่หากเธอไม่ได้เรียนรู้เข้าใจตนเอง ปัญหานี้ก็อาจเวียนซ้ำอีก
ด้านหนึ่งของชีวิต เราต้องดูแลชีวิตเพื่ออยู่รอดทางกายภาพ เศรษฐกิจ สังคม และอีกด้านที่สำคัญเช่นกันคือ ด้านของการมีชีวิตที่มีคุณค่า มีความหมาย กล่าวโดยรวมเราต้องอาศัยการมีสติปัญญาในด้านการคิด ด้านอารมณ์ความรู้สึก และด้านการใช้ชีวิต การมีชีวิตจะรวมความหมายของสิ่งที่เราคิด สิ่งที่เรารู้สึก และสิ่งที่เราเป็น การสร้างสรรค์ความฉลาดในการใช้ชีวิตจึงเป็นงานสำคัญที่เราต้องบำรุงรักษา เพราะความฉลาดในด้านนี้ไม่ได้ขึ้นกับฐานะเศรษฐกิจ สังคม หรือการศึกษา แบบฝึกหัดเบื้องต้นของการสร้างสรรค์ความฉลาดในการใช้ชีวิต จึงเป็นหนทางการเติบโตที่เราสามารถเริ่มต้นด้วยคำถามง่ายๆ กับตนเอง คือการตั้งคำถาม “ทำไม” กับตนเอง
คำถามที่เราถามตนเอง คือจุดเริ่มต้นการเรียนรู้ที่จะตรวจสอบตนเอง เกิดอะไรขึ้นกับชีวิต กับการงาน กับสัมพันธภาพของตัวเรา อะไร อย่างไรที่มันเป็นไป เพราะอะไร ทำไมจึงนำไปสู่ผลลัพธ์เช่นนี้ การตั้งคำถาม โดยเฉพาะคำถามที่ดี คำถามที่ถูกต้อง คือจุดเริ่มของการนำพาชีวิตไปสู่ทิศทางชีวิตที่ปรารถนา เพราะเมื่อเราตั้งคำถามผิด คำตอบที่ได้ก็จะนำเราหันเหไปอีกทาง แต่นั่นก็เป็นบทเรียนชีวิต และเราสามารถตั้งคำถาม ตรวจสอบชีวิตได้ตลอดเวลา
แม้สภาพแวดล้อมภายนอกจะมีข้อจำกัด การเปลี่ยนแปลงภายในก็ยังเกิดขึ้นได้
และจากคำถามที่เราตรวจสอบตนเอง ก็จะนำเราไปสู่การค้นพบและเรียนรู้ว่าอาจมีอะไรบางที่ไม่ถูกต้องซ่อนอยู่ เช่น ความเชื่อบางประการที่เรายึดถือผิดๆ หรือเข้าใจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง และการค้นพบความผิดพลาด ความคลาดเคลื่อน ก็จะนำเราไปสู่การสร้างกรอบความเชื่อที่เหมาะสม สอดคล้องกับความจริงและความเป็นไปของชีวิตมากกว่า เพราะเราทุกคนต่างมีขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ ขุมทรัพย์ในรูปของความทุกข์ยากในชีวิต ความผิดพลาด ความยากลำบากที่เราได้ประสบ สิ่งเหล่านี้ซ่อนบทเรียนสำคัญ ซ่อนความตื่นรู้ ความตระหนักรู้ รอเพียงการตั้งคำถามที่ถูกต้องเพื่อไขปริศนาในขุมทรัพย์เหล่านี้
ปัญหาคือ อย่าให้ความทุกข์ ภาวะความโลภ โกรธ หลง เข้ามาบดบังความสามารถในการตั้งคำถามตรวจสอบตนเอง ปิดกั้นการเรียนรู้ตนเอง ชีวิตเราแต่ละคนมีความหมายมากกว่าแค่เรื่องการอยู่รอดทางกายภาพ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งสำคัญคือ การมีชีวิตที่มีคุณค่าและสุขสันติภายใน และกระบวนการเรียนรู้ก็เพื่อนำไปสู่ความหมายชีวิตเช่นนี้