งานวิจัยจำนวนมากพบว่า การขอบคุณและความสุขมีความเชื่อมโยงกัน การขอบคุณช่วยให้เราเห็นว่าไม่ใช่ทุกเรื่องจะแย่ไปหมด มันยังมีสิ่งดีๆ ในชีวิตประจำวันของเราที่เราสามารถเอ่ยปากขอบคุณ และเรายังมีบางสิ่งที่สามารถแบ่งปันผู้อื่นได้
ถ้าคุณอยู่ในบ้านที่สะดวกสบายและปลอดภัย เดินทางได้อย่างอิสระ สื่อสารได้ทั่วโลก มีเพื่อน เพื่อนร่วมงาน ครอบครัว และเพื่อนบ้านที่ดี แสดงว่าคุณเป็นคนที่มีทรัพยากรสมบูรณ์ แต่ถ้าคุณไม่มีความสุข ใจคุณอาจกำลัง “หลงทาง”
หยุดเพื่อขอบคุณสำหรับน้ำสักแก้ว ท้องฟ้าสีคราม สัญญาณไฟจราจรที่ใช้งานได้ สายลม เพื่อนดีๆ งานดีๆ ฯลฯ
อาจเป็นเด็กที่ยิ้มกับแม่ เพื่อนร่วมงานที่ประสบความสำเร็จ วัยรุ่นนั่งพลอดรัก หรือหมาแมวหน้าตาน่าเอ็นดู
การระลึกว่ามีคนจำนวนมากที่ยากลำบาก จะทำให้เราชื่นชมยินดีในโชคของเรา
เมื่อเราหยุดและประจักษ์ในโชคลาภของเรา การแบ่งปันกับผู้อื่นจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติ
เช่น คนขับรถที่ยอมให้ทางเมื่อคุณอยู่ผิดเลน พระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ เมื่อเช้านี้ สิ่งใดในคุณเองที่คุณชื่นชม ให้พูดว่า “ขอบคุณ”
เช่น ดวงอาทิตย์ขึ้นยามเช้า เพลงหรือศิลปะที่เร้าใจ, อาหารอร่อยๆ, เสียงหัวเราะของเด็ก , รอยยิ้มของคนแปลกหน้า หรือช่วงเวลาแห่งการแบ่งปัน
ร่างกายตอบสนองอย่างไร รู้สึกอบอุ่นหรือร้อนผ่าวไหม คุณสังเกตเห็นอารมณ์และความคิดของตัวเองไหม การขอบคุณเปลี่ยนมุมมองคุณอย่างไร
บันทึกขอบคุณเป็นเครื่องมือฝึกสร้างความรู้สึกตัวและสร้างทัศนคติเชิงบวกอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ลองเลือกบันทึกประจำวันตามหัวข้อดังต่อไปนี้…สักวันละหัวข้อก็พอ
อลิสัน เดวิส ใช้เวลาสังเกตพฤติกรรมของสล็อธ สัตว์ที่เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า อาศัยอยู่บนต้นไม้ และมีใบหน้าที่เหมือนมีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา แล้วเขียนหนังสือชื่อ Be more sloth, Get the hang of living life
เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ เราลืมไปแล้วว่าการเล่นสำคัญและสนุกแค่ไหน ลองให้การเล่นสนุกแบบเด็กๆ เข้ามาเติมเต็มชีวิตให้สนุกสนานและความสุขที่มากขึ้น บ่อยครั้งที่การเล่นช่วยให้เรามองเห็นสิ่งที่เราหลงลืมหรือมองข้าม
คนส่วนใหญ่คิดว่าความสุขเป็นสิ่งที่ต้องออกไปหา เช่น ไปเที่ยว ไปกิน หรือทำงานหนักเพื่อให้ได้ตำแหน่งที่ต้องการ แท้จริงแล้วความสุขที่แท้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานที่หรือสถานการณ์ แต่ขึ้นอยู่กับมุมมองหรือทัศนคต
