เมื่อหลายเดือนก่อนมีข่าวเกี่ยวกับเศรษฐีอเมริกัน เศรษฐีคนนี้ร่ำรวยมาก แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เขาโด่งดัง เขาตกเป็นข่าวเพราะเขาบริจาคเงินเพื่อสาธารณกุศลเป็นเงิน ตลอด ๒๙ ปีที่ผ่านมารวมเป็นเงิน ๗,๕๐๐ ล้านดอลลาร์ หรือกว่า ๒ แสนล้านบาท ทั้งนี้โดยทำอย่างเงียบๆ ไม่ประกาศตัว
มีคนใจดีหลายคนที่เป็นข่าวครึกโครมว่าบริจาคเงินก้อนโตเพื่อส่วนรวมหรือเพื่อสาธารณกุศล เช่น บิล เกตส์ ซึ่งรวยเป็นอันดับหนึ่งของโลก แต่ชัค ฟีเนย์ บริจาคเงินแบบเงียบๆ มานานมาก อย่างนี้ไม่เรียกว่าปิดทองหลังพระ แต่เป็นการปิดทองใต้ฐานพระทีเดียว เขาเป็นเจ้าของร้านขายสินค้าปลอดภาษี ไม่น่าเชื่อว่าธุรกิจนี้จะทำรายได้ให้กับคนคนหนึ่งเป็นแสนๆ ล้านบาท
ที่น่าสนใจและแตกต่างจากเศรษฐีใจบุญทั้งหลายที่เรารู้จักก็คือ เขาเป็นคนที่อยู่แบบเรียบง่ายมาก มีเงินเป็นแสนๆ ล้าน รวยกว่าเจ้าสัวในเมืองไทยหลายคน แต่ใช้นาฬิกาถูกๆ ยี่ห้อคาสิโอ ราคา ๑๕ เหรียญ หรือ ๔๕๐ บาท นาฬิกาของคนทั่ว ๆ ไปยังแพงกว่านี้ เขาไม่มีรถส่วนตัว ไปไหนมาไหนก็นั่งรถไฟฟ้าหรือรถไฟ เสื้อผ้าก็แต่งแบบเชย ๆ บ้านก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ส่วนลูกก็เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย เพราะเขาต้องการสอนลูกให้รู้จักพึ่งพาตัวเอง
เงินที่เขาบริจาคให้แก่ส่วนรวม คิดเป็น ๙๙ เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมด หมายความว่า หาเงินมาได้ ๑๐๐ ทำบุญไปถึง ๙๙ บาท ผ่านมูลนิธิที่เขาตั้งขึ้น เพื่อเป็นประโยชน์ทางด้านสาธารณสุข วิทยาศาสตร์ การศึกษา และสิทธิพลเรือนทั่วโลก อันนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของคนที่มีความสันโดษ
สันโดษไม่ได้แปลว่ายากจนหรืออยู่อย่างเรียบง่ายตามที่เราเข้าใจเท่านั้น บางคนสันโดษแบบกินน้อย ใช้น้อย แล้วก็เลยหาน้อยไปด้วย สันโดษไม่ได้หมายความอย่างนั้นเสมอไป ถึงแม้ใช้น้อย กินน้อย แต่ถ้าหามากก็ดีเหมือนกัน ไม่ได้หามากเพื่อเอาเข้าตัวเอง แต่เป็นการหามากทำมากเพื่อช่วยเหลือส่วนรวม เดี๋ยวนี้เรามักเข้าใจว่าสันโดษคือความพอเพียง ไม่ใช่แค่ใช้พอเพียง แต่รวมถึงทำงานอย่างพอเพียงด้วย หมายความว่ากินน้อย ใช้น้อย ก็เลยทำน้อยไปด้วย เช่น ใช้เดือนละ ๓,๐๐๐ บาท ก็หาแค่ ๓,๐๐๐ บาทก็พอ แล้วเวลาที่เหลือเอาไปทำอะไร เวลาที่เหลือก็นั่งเล่น นอนเล่น อย่างนี้ไม่ใช่สันโดษในทางพระพุทธศาสนา
สันโดษในทางพระพุทธศาสนานั้นจะต้องควบคู่กับความขยันหมั่นเพียร แต่ความขยันดังกล่าวไม่ได้มีจุดมุงหมายปรนเปรอตัวเอง แต่มุ่งช่วยเหลือส่วนรวม มีเวลาเหลือก็ไปเป็นจิตอาสา ช่วยเหลือส่วนรวมด้วยน้ำพักน้ำแรงของตน มีหลายคนที่มีความสามารถ เขาทำมาหาเงินได้นิดหน่อยก็พอแล้ว เพราะใช้น้อย ส่วนเวลาที่เหลือเขาก็ไปเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือผู้คน อาทิตย์ละ ๓-๔ วันบ้าง หรืออาทิตย์ละวันบ้าง
สังคมไทยหากมีคนที่สันโดษแบบนี้มากๆ ย่อมเจริญก้าวหน้าและสงบร่มเย็นกว่านี้อย่างแน่นอน
อ่านจดหมายข่าวพุทธิกาฉบับอื่นๆ ได้ ที่นี่