ความสุขมักจะเกี่ยวข้องกับมุมมองหรือความคิดที่คนๆ นั้นมีต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น หากวันหนึ่งคุณตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกสบาย คุณจะรู้ไหมว่านั่นเป็นความสุข การสังเกตเห็นช่วงเวลาธรรมดาๆ เหล่านี้สามารถทำให้คุณมีความสุขมากขึ้นได้ ต่อไปนี้เป็นวิธีง่ายๆ ที่สามารถช่วยให้คุณปลดปล่อยและรับรู้ถึงความสุขที่อยู่ในตัวคุณแล้ว
การตระหนักรู้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราสามารถชื่นชมโลกรอบตัวเรา ตั้งการเตือนในโทรศัพท์ตลอดทั้งวันเพื่อหยุดชั่วคราวและตรวจสอบกับตัวเอง วิธีนี้จะช่วยให้สังเกตความสุขในชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น
ตราบใดที่คุณยังมีชีวิตอยู่ ความยากลำบากจะตามหาคุณ บางครั้งคุณก็สร้างมันขึ้นมาเสียเอง ลองมองว่าช่วงเวลาที่ยากลำบากเป็นโอกาสให้เราถามตัวเองว่า “ฉันจะเมตตาตัวเองมากขึ้นได้อย่างไร”
การเชื่อมโยงผู้อื่นกับตัวเองเป็นทักษะที่เราสามารถทำได้ด้วยการทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ลองยิ้มให้คนแปลกหน้า บอกเพื่อนว่าคุณซาบซึ้งพวกเขา หรือให้คนที่คุณรักรู้ว่าเขาสำคัญและผูกพันกับคุณอย่างไร การสร้างช่วงเวลาเชื่อมโยงเล็กๆ เหล่านี้จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ได้
สังคมเรามักจะจมอยู่กับเรื่องการขาดแคลน สื่อต่างชื่นชมความร่ำรวยและความสวยงาม และการโฆษณาก็ตอกย้ำว่า หากต้องการมีความสุขอย่างแท้จริง คุณต้องการรถ เสื้อผ้า วิถีชีวิต ฯลฯ เรามักจะลืมนับจำนวนสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว หมั่นฝึกฝนทุกวันเพื่อบอกชื่อสิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณ ผู้คน โอกาส ประสบการณ์ที่ดี เสียงหัวเราะ
ไม่มีประสบการณ์ใดที่ยกระดับจิตใจได้มากไปกว่าการให้ ฝึกฝนการเป็นคนมีน้ำใจ ให้การกุศลมากขึ้นในเดือนนี้ หรือให้เวลาของคุณกับเพื่อน ครอบครัว และคนแปลกหน้ามากขึ้น
ฝึกปล่อยวางทุกคืนเมื่อเราเข้านอน ถามตัวเองว่า “ฉันพร้อมจะทิ้งภาระนี้หรือยัง” ให้ลองหายใจเข้าและรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่คุณกำลังรู้สึก จากนั้นหายใจออกและปล่อยภาระอันหนักอึ้งนั้นออกไป ทำซ้ำบ่อยๆ
แทนการตำหนิต่อว่าตัวเอง สร้างนิสัยที่ให้รางวัลกับตัวเองบ้าง เช่น การกอดทำให้รู้สึกผ่อนคลาย หมั่นกอดตัวเองโดยวางมือบนหัวใจของตัวเอง เพื่อที่เมื่อเวลาผ่านคุณจะมีสุขภาพดีขึ้น
คนส่วนใหญ่คิดว่าความสุขเป็นสิ่งที่ต้องออกไปหา เช่น ไปเที่ยว ไปกิน หรือทำงานหนักเพื่อให้ได้ตำแหน่งที่ต้องการ แท้จริงแล้วความสุขที่แท้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานที่หรือสถานการณ์ แต่ขึ้นอยู่กับมุมมองหรือทัศนคต
งานวิจัยพบว่าการฝึกความรู้สึกตัวทำให้ผู้คนมีเป้าหมายชีวิต และในการศึกษาปี 2014 นักวิจัยพบว่าการมีเป้าหมายชีวิตเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปมีอายุยืนยาว ในคนหนุ่มสาว เป้าหมายชีวิตจะช่
กลไกการเอาชีวิตรอดทำให้มนุษย์จดจำประสบการณ์แย่ๆ คิดว่าจะมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้น หลายคนหมกมุ่นอยู่กับความคิดแบบดำและขาว มองแต่เรื่องลบ ทั้ง ๆ ที่แต่ละวันมีประสบการณ์มากมายทั้งเชิงบวก เชิงลบ และเป็นกลาง
