งานวิจัยพบว่าการฝึกความรู้สึกตัวทำให้ผู้คนมีเป้าหมายชีวิต และในการศึกษาปี 2014 นักวิจัยพบว่าการมีเป้าหมายชีวิตเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปมีอายุยืนยาว ในคนหนุ่มสาว เป้าหมายชีวิตจะช่วยกำหนดทิศทางชีวิต ซึ่งจะส่งผลให้มีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น
วิคเตอร์ สเตรเชอร์ นักวิทยาศาสตร์เชิงพฤติกรรมที่คณะสาธารณสุขศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยมิชิแกน และผู้เขียนหนังสือ Life on Purpose หรือ “ขีวิตที่มีความหมาย” กล่าวว่า การรู้สึกตัวช่วยส่งเสริมความรู้สึกว่าชีวิตมีความหมาย
ความสุขจากการใช้ชีวิตที่มีความหมาย หรือความสุขแบบยูดิมอนิก (Eudemonic happiness) ทำให้ความเครียดลดลง การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันแข็งแกร่งขึ้น และการนอนหลับดีขึ้น ลักษณะเดียวกับการทำเพื่อผู้อื่น (Altruism) เช่น การเป็นอาสาสมัคร การบริจาค ซึ่งให้ผลตรงข้ามกับความสุขแบบสุขนิยม (Hedonic happiness)
ถามตัวเองทุกวันว่า ฉันสนใจอะไรนอกเหนือจากตัวเอง อาจเป็นการดูแลสุนัขหรือแมวไร้บ้าน การอยากทำให้โลกนี้มีพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้น หรือยากช่วยเหลือคนพิการ เป็นต้น
ทำสิ่งต่างๆ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของเรา เช่น หากอยากให้โลกนี้มีพื้นที่สีเขียวมากขึ้นก็ลงมือปลูกต้นไม้ทั้งที่บ้านและพื้นที่สาธารณะ
ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว สิ่งที่ทำอยู่มันตอบโจทย์เป้าหมายชีวิตของเราหรือไม่
เมื่อพบเป้าหมายชีวิตหรือสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความหมาย ให้ลงมือทำต่อไป และหมั่นดูความรู้สึกว่าเมื่อเป้าหมายชีวิตของคุณเติบโตขึ้น คุณมีความสุขหรืออิ่มเต็มในชีวิตเพิ่มมากขึ้นหรือไม่
คนส่วนใหญ่คิดว่าความสุขเป็นสิ่งที่ต้องออกไปหา เช่น ไปเที่ยว ไปกิน หรือทำงานหนักเพื่อให้ได้ตำแหน่งที่ต้องการ แท้จริงแล้วความสุขที่แท้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานที่หรือสถานการณ์ แต่ขึ้นอยู่กับมุมมองหรือทัศนคต
ความสุขมักจะเกี่ยวข้องกับมุมมองหรือความคิดที่คนๆ นั้นมีต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น หากวันหนึ่งคุณตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกสบาย คุณจะรู้ไหมว่านั่นเป็นความสุข การสังเกตเห็นช่วงเวลาธรรมดาๆ เหล่านี้สามารถท
กลไกการเอาชีวิตรอดทำให้มนุษย์จดจำประสบการณ์แย่ๆ คิดว่าจะมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้น หลายคนหมกมุ่นอยู่กับความคิดแบบดำและขาว มองแต่เรื่องลบ ทั้ง ๆ ที่แต่ละวันมีประสบการณ์มากมายทั้งเชิงบวก เชิงลบ และเป็นกลาง
