ถ้าหากว่าเราเดินหนีออกจากสถานการณ์นั้นได้ก็ควรทำ เพื่อไม่ให้เรามีอาการปรี๊ดแตก แต่ถ้าเราต้องอยู่ในเหตุการณ์ในสถานะการณ์นั้นในสถานที่นั้น สิ่งที่เราทำได้คือเอาใจมาอยู่กับลมหายใจ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกย
อย่าอยู่นิ่งๆ อย่าอยู่เฉยๆ ถ้าเราอยู่นิ่งๆ นั่งนิ่งๆ ก็จะคิดวน ควรจะหาอะไรทำ มีงานที่กำลังรอเราอยู่เราก็ทำงานนั้น หรือว่าไปสนใจสิ่งที่เราชอบก็ได้ เช่นอาจจะชอบฟังเพลงก็ใช้เพลงช่วยดึงจิตให้ออกมาจากเรื่อ
อันนี้พูดง่ายๆ คือ ไม่มีไฟ และที่ไม่มีไฟเพราะไม่รู้ว่าชีวิตเราต้องการอะไร ยังไม่ได้เจอสิ่งที่เรารัก ยังไม่เจอสิ่งที่เราไฝ่ฝัน เพราะถ้าเราเจอสิ่งที่เรารัก เราไฝ่ฝันมันจะมีไฟ เราจะรู้เลยว่าอยู่ไปทำไม แล
ถ้าอยากให้จิตใจเรามีความเครียด มีความวิตกกังวล หรือมีความขุ่นมัวน้อยลง สิ่งหนึ่งที่ช่วยได้คือการพาใจกลับมาอยู่กับปัจจุบัน ความขุ่นมัว ความเศร้า ความโกรธ ความเครียด ความวิตกกังวล ที่รบกวนจิตใจเราวันหนึ
เวลาเราฝึกสติ มีหลักง่ายๆ คือ เวลากายเคลื่อนไหว เห็นความเคลื่อนไหวของกาย รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวของกาย ก็คือเห็นกายเคลื่อนไหว อะไรที่เห็น สิ่งที่เห็นคือสติ ทีแรกกายเคลื่อนไหว ใจก็รู้ ถ้าใจมีสติหรือใจอ
เวลาเราทำอะไร เราควรจะทำสิ่งนั้นด้วยใจเต็มร้อย มีสมาธิกับการทำ และถ้าเราเอาใจไปอยู่กับสิ่งที่เราทำ โดยวางอย่างอื่นเอาไว้ก่อน วางเป้าหมาย วางความสำเร็จ จะเสร็จเมื่อไรอย่าไปคิดถึงมัน เสร็จแล้วคนเขาจะพูด
อันนี้มันเป็นเพราะว่าสติเราอ่อนนะ สมาธิก็ไม่ค่อยดีเท่าไร ส่วนใหญ่เกิดจากการที่ชอบปล่อยใจลอย ชอบคิดฟุ้งซ่าน และก็ทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมๆ กัน พอเราใช้ความคิดแบบนี้ ความคิดก็จะมีอำนาจเหนือจิตเหนือใจของเร
ข้อคิดที่สำคัญอย่างหนึ่งของการเจริญสติ สำหรับคนทั่วไปก็คือ ตัวอยู่ไหนใจอยู่นั่น หมายความว่าตัวไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน อยู่ที่ทำงาน หรืออยู่บนท้องถนน ใจก็อยู่กับตัวด้วย มันจะช่วยทำให้การเจริญสติของเราก้าวห
สติเกิดขึ้นได้จากการที่เราทำอะไรรู้เนื้อรู้ตัว หมายความว่าทำอะไรก็ตามก็เอาใจใส่ไปในงานนั้น ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กๆ น้อยๆ เช่น อาบน้ำ ถูฟัน กินข้าว ขับรถ หรือว่าทำงานที่ต้องใช้ความคิด ถ้าเราเอาใจใส่ลงไปใน
สติความหมายก็คือ ความระลึกได้ เช่นระลึกได้ว่า เมื่อวานนี้เรากินข้าวที่ไหน เราคุยกับใคร นี่ก็คือสติ สติแบบนี้เราใช้ในชีวิตประจำวัน ขาดไม่ได้เลย เวลาเราไปทำงาน เราก็จำได้ว่า จะใช้ถนนเส้นไหน สำนักงานเราอ
End of content
No more pages to load