“แม้ในยามที่ศึกสงครามปะทุทั่วไปหมด ก็มักมีดินแดนบางแห่งที่ห่างไกลสมรภูมิพุ่งรบ สถานที่ที่ยังมีสงบสันติไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากสงคราม เมื่อฉันคิดได้ดังนี้ก็รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะทีเดียว”
นี่คือข้อความตอนหนึ่งที่พระราชานักรบในวรรณกรรมร่วมสมัยได้ตรัสไว้ ผมได้ฟังแล้วก็รู้สึกสบายใจตามท่านไปด้วย ขณะเดียวกันก็รู้สึกสงสัยว่าดินแดนแห่งนั้นยังมีอยู่หรือไม่ในโลกปัจจุบัน โลกที่เทคโนโลยีการสื่อสารเชื่อมร้อยทุกเหตุการณ์สะเทือนขวัญให้เราได้เสพชม ตัวอย่างที่ชัดเจนคือเหตุระเบิดราชประสงค์เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา (สิงหาคม 2558)
ระเบิดตูมหนึ่งกินเวลาไม่กี่วินาที แต่แล้วแรงระเบิดก็ส่งผลต่อเนื่องเป็นระลอกคลื่นแผ่กว้างออกไปตามรัศมี คนที่อยู่ใกล้หน่อยเสียชีวิต บาดเจ็บสาหัส วงถัดมามีคนขวัญเสีย หวั่นวิตกว่าคนรักของเรายังปลอดภัยดีหรือไม่
สื่อมวลชนช่วยกระพือผลกระทบให้กินเวลานานขึ้น รายงานข่าวที่สร้างความวิตกกังวลว่าชีวิตของเราและคนรักยังปลอดภัยดีไหม
ดูเหมือนระเบิดที่ราชประสงค์ยังไม่สิ้นแรง ระเบิดที่มอดดับไปเมื่อหลายวันที่แล้วยังคงปะทุในใจของพวกเราอยู่เนืองๆ บ้างเป็นระเบิดแห่งความโกรธ แห่งความคับแค้น แห่งความเศร้า แห่งความกังวล ฯลฯ
คำถามคือเราจะทำอย่างไรดีกับระเบิดลูกแล้วลูกเล่าในใจของเรา จะให้หยุดความโกรธ ความเศร้า ความกังวลอย่างนั้นหรือ
ไม่เลยครับ ไม่เลย อารมณ์เหล่านี้ย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดา บุคคลผู้สูญเสียย่อมสมควรโกรธแล้วด้วยความชอบธรรม สมควรโกรธผู้กระทำการ หรือแม้แต่โกรธรัฐที่หละหลวมในระบบความปลอดภัย การได้เห็นความตายอันฉับพลันและรุนแรงไม่แปลกเลยที่จะเศร้าสลดอาลัย และใครที่มีคนรักก็ไม่ผิดแต่ประการใดที่จะวิตกกังวลถึงพวกเขา อารมณ์เหล่านี้เปรียบเหมือนหลุมระเบิดที่เปิดปากแผลขึ้นแล้ว ภารกิจเฉพาะหน้าคือการเยียวยาและฟื้นฟูจิตใจ
คำถามคือเราจะทำอย่างไรดีกับระเบิดลูกแล้วลูกเล่าในใจของเรา
เราต่างสามารถที่จะช่วยกันเยียวยารักษาใจกันได้ วิธีหนึ่งที่ได้ผลคือการทำความดี เช่น การพร้อมในกันอาสาไปบริจาคเลือดให้ผู้บาดเจ็บ การอาสาเป็นล่ามแปลภาษาให้นักท่องเที่ยวที่ได้รับบาดเจ็บ การอาสารับส่งผู้โดยสารบริเวณที่เกิดเหตุโดยไม่เก็บค่าโดยสารของแท็กซี่และวินมอเตอร์ไซค์ การทำความดีในภาวะวิกฤติเหล่านี้แหละ ที่ช่วยเยียวยาจิตใจของเหล่าอาสาสมัคร กระทั่งคนที่อยู่วงนอกยังกลับมาศรัทธาในความดีอีกครั้ง กุศลเหล่านี้ได้ช่วยกลบเกลี่ยหลุมระเบิดในใจให้เต็มตื้นขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ บาดแผลแห่งความโกรธ ความเศร้า ความกังวลที่ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนก็ไม่ควรจะปล่อยผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์ เราพึงตระหนักว่าไม่เพียงฉันคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ แต่คนอื่นก็เจ็บปวดและทนทุกข์ด้วยเช่นกัน ทั้งผู้ที่สูญเสียในเหตุการณ์ ครอบครัวของเรา เพื่อนของเรา รวมไปถึงคู่ขัดแย้งที่เราบาดหมาง เพื่อนบ้านที่มองหน้ากันไม่ติด
บาดแผลเหล่านี้ปรากฏขึ้นในใจของคนแปลกหน้าที่บังเอิญมีคนรักเดินทางมากรุงเทพฯ ในวันเกิดเหตุ เกิดขึ้นในใจของผู้ได้รับผลกระทบจากสงครามตะวันออกกลาง พี่น้องสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เกิดขึ้นในใจของผู้บาดเจ็บและตายอย่างไม่สมเหตุสมผล เราต่างก็เป็นเพื่อนร่วมประสบการณ์ความทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันทั้งสิ้น
บางทีเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่เราจะสัมผัสความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น สัมผัสใจที่เปิดกว้างและกรุณาต่อเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง
ทั้งนี้ เราไม่พึงหยุดอยู่ที่การวางใจเพียงเท่านั้น แต่ควรแปรเปลี่ยนไปสู่การลงมือปฏิบัติ ลงมือสร้างสันติภาพ ลงมือดูแลกันและกันด้วยเทคนิควิธีการต่างๆ ตามเงื่อนไขกำลังสติปัญญาของเรา เพื่อที่ว่าวันหนึ่งสังคมจะได้เป็นธรรม ความปกติสุขจะได้เกิดขึ้นถ้วนหน้า
เมื่อนั้นแล้ว ระเบิดและความรุนแรงก็คงหมดความจำเป็น